ข้าวสารเป็นถนนสายหนึ่งในกรุงเทพที่โด่งดังและโดดเด่นไม่เหมือนใครแห่งนี้ ที่ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วทุกมุมโลกไม่เว้นแม้แต่คนไทยด้วยกันเอง
ที่ซึ่งเป็นหม้อหลอมรวมแห่งความแตกต่างของผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอายุ เชื้อชาติ ความเชื่อ และหน้าตา ที่ซึ่งแต่ละคนก็มีแรงกระตุ้นของตนเองให้มาเยี่ยมเยือนข้าวสาร เช่นมาท่องเที่ยว ทำงาน แสวงหาความเร่าร้อน มาดื่มกินสังสรรค์ หรือก็แค่ผ่านมาเพื่อที่จะผ่านไปแหล่งอื่นๆ
ผู้คนต่างๆมากมายมากมายังข้าวสารอย่างกระฉับกระเฉงคึกคัก บ้างก็มาต่อรองราคาสินค้าให้ได้ราคาที่ดีที่สุด เพื่อนำสินค้าที่ได้ไปซื้อขายต่อที่บ้านของตน มาเพื่อหาข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว มาซื้อหาของที่ระลึกหรือสัญลักษณ์ของเมืองไทย ท่ามกลางสินค้าต่างๆ สินค้าที่เป็นแบรนด์เนมล้วนแต่เป็นของปลอม นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยรถเข็นราคาย่อมเยา ฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆนานา หรือโปสการ์ดจากโรงงาน โสร่งเก่าๆ ฯลฯ แต่ถึงกระนั้นก็ตามที คุณยังสามารถหางานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์และเยี่ยมยอดได้ที่นี่เช่นกัน
นิทรรศการศิลปะ Khao Sarn’s Raw Art นี้จัดแสดงโดยศิลปินชาวไทยจำนวน 5 คน พวกเขาซึ่งเต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาและการอุทิศตนให้กับงานศิลปะทางเลือกของตน แต่ในความหวังก็ยังแฝงไปด้วยความเศร้า พวกเขาสร้างสรรค์งานของตนเอง และก็ยังทำงานด้วยกันที่ถนนข้าวสาร ช่วยเหลือกันและกันเพื่อให้สามารถอยู่รอดและเลี้ยงตัวเองได้จากการสร้างสรรค์ของพวกเขา นอกจากจะมีความปลอดภัยบ้างหรือบางทีอาจจะเป็นความสะดวกสบายไม่น้อย ขณะที่พวกเขาเก็บงานหรืองานนำงานศิลปะของพวกเขาออกมาวางขาย แต่พวกเขาจะต้องกลับไปบนถนนที่มีชื่อเสียงเส้นนี้ทุกคืนเพื่อที่จะขายงานศิลปะต่างๆของพวกเขา แต่ละคนมีเทคนิคการทำงานของตน มีแรงบันดาลใจ มีความรู้สึกต่างๆล้นเหลือ และไม่ทางใดก็ทางหนึ่งพวกเขาก็ต้องการแสดงมันออกมา
วันแล้ววันเล่าที่พวกเขาอาจต้องเผชิญกับความรุนแรง ไร้น้ำใจ ไร้มนุษยธรรม พวกขี้เมาหรือพวกพี้ยา ความบ้าคลั่งและการฉ้อโกง พวกเขาได้เห็นความไม่เคารพตนเองของผู้อื่นมากมาย และนอกจากนั้นสิ่งนี้ยังดึงเอาส่วนที่แย่ที่สุดของคนอื่นออกมาด้วย มันฉุดลากเราให้ต่ำต้อย มันทำลายชีวิตเราและยังสร้างความเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลืออยู่แม้แต่ในขณะที่เราตื่นอยู่ พวกเขาจะต้องตื่นตัวและระแวดระวังตลอดเวลา เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พวกตนเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแห่งความรุนแรงรอบๆตัวพวกเขา แต่นอกจากนั้นพวกเขาก็ยังคงแสวงหา มองหาความงามและความเอื้อเฟื้อ สังเกตผู้คนรอบตัวเพื่อที่จะได้มองหาข้อดีในตัวคนเหล่านั้น ที่นี่ พวกเขาได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมต่างๆ และยังเป็นการสร้างคอนเนคชั่นใหม่ๆกับผู้อื่นด้วย พวกเขาคอยมองหามิตรภาพไปด้วยในขณะที่เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ใหม่ๆและได้ค้นพบกับแรงบันดาลใจที่แปลกประหลาด
นิทรรศการศิลปะ Khao Sarn’s Raw Art นี้เป็นมากกว่าแค่การแสดงงานศิลปะ แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้เห็นอีกด้านหนึ่งของผู้คนในสังคม ในแบบตัวตนที่พวกเขาเป็นจริงๆและควรค่าแก่การยอมรับและจดจำ
UNCHLEE TUNSUWAN (Peh) – อายุ 28 ปี และเป็นผู้หญิงคนเดียวของกลุ่ม เกิดที่เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เธอย้ายบ้านไปเรื่อยและได้เข้าเรียนในหลายโรงเรียน และที่มหาลัยนี่เองที่เธอได้ทุ่มความสนใจไปให้กับงานศิลปะ จากงานภาพสีน้ำไปสู่งานประติมากรรมที่พิถีพิถันแบบงานกล่องขนาดเล็ก เธอมักจะใช้งานศิลปะเป็นสื่อในการแสดงตัวตนของเธอมากกว่าการพูด อารมณ์ที่เธอสอดแทรกเข้าไปในงานของเธอเป็นสิ่งที่จับต้องได้ งานชิ้นแรกของเธอคืองานศิลปะแบบไทยๆที่ทำขึ้นเพื่อทำเป็นโปสการ์ด แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว งานชุดภาพขาวดำที่เธอวาดนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของผู้หญิง ความเป็นผู้หญิง การแสดงออกทางสีหน้า และความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดได้ “ฉันวาดเพื่อตัวฉันเอง ไม่ได้ต้องการวาดเพื่อสนองใคร” เธอพูดเบาๆในขณะที่อธิบายว่า เธอวาดเพื่อเติมเต็มจิตวิญญาณของเธอ และนี่เองที่ทำให้เธอมีความสุข และเมื่อถามเธอว่าเธอต้องการจะบอกอะไรกับผู้คน เธอก็บอกอย่างชัดเจนว่า “เมื่อคุณรักที่จะทำสิ่งใด คุณสามารถทำได้ และอย่าให้สิ่งใดมาขวางคุณ”
PORNCHAI TAKERNGVITSATHAPORN (Sarn) – เกิดที่ทองผาภูมิ กาญจนบุรี อายุ 37 ปี ศิลปินผู้ถ่อมตน เขาได้ใช้เวลา 8 ปี ในการขายผลงานที่น่าหลงใหลของเขาที่ถนนข้าวสาร เทคนิคของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากเด็กๆ ที่เล่นสนุกกับการวาดภาพ และเขาก็ได้พัฒนามันให้อยู่ในระดับดีเลิศไร้ที่ติ ในวัยเติบโตเขาต้องล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร และไม่ค่อยมีโอกาสได้ร่ำเรียนมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเค้าไม่เคยได้เรียนศิลปะ แต่เขาก็วาดภาพและระบายสีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเขาเสมอๆ เช่นทิวทัศน์และสัตว์ต่างๆ เขาช่วยเหลือตนเองโดยการทำงานเป็นช่างตัดผม จนวันหนึ่งเขาได้ดูทีวีเกี่ยวกับศิลปินผู้พิการ โดยใช้ปากวาดภาพ และนี่เองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจไล่ล่าตามความต้องการของตัวเขา “ถ้าหากศิลปินผู้นั้นใช้ปากวาด ภาพได้ ทำไมเขาถึงจะใช้มือวาดไม่ได้ล่ะ ” และ Sarn ก็ได้อธิบายว่านี่เองเป็นเหตุให้เขาหยุดล่าสัตว์ และเขาก็ไม่เคยฆ่าหรือกินเนื้อสัตว์อีกเลยตั้งแต่เขาอายุได้ 18 ปี เป็นต้นมา ความรักและเคารพต่อธรรมชาติของเขาเห็นชัดได้จากการใช้สีส้นสดใสและน่ารักในงานของเขา ที่แวดล้อมไปด้วยคนต่างๆ ช้าง แมว หรือม้า โดยการวาดระบายภาพสิ่งต่างๆที่เขารัก และอยากให้ทุกคนได้เข้าใจเขา “เรียนรู้และเข้าใจในธรรมชาติ จะนำไปสู่การเคารพในตนเองและความสมดุลภายใน”
APAKORN BOONYAKORNBURI (Bo) – อายุ 36 ปี จากย่านถนนสุขุมวิท กรุงเทพ ในขณะที่เขาอายุได้ 5 ขวบ เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความรักในงานศิลปะโดยการวาดภาพ และระบายภาพการ์ตูน ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัวและความกล้าหาญ Boได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากรวิทยาเขตท่าพระ ที่ซึ่งเขามุ่งเน้นงานไปที่ประติมากรรมแบบเอเชีย ภาพพิมพ์และเทคนิคการวาดภาพ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปินที่เขาชื่นชม เช่นGogen และ Klimt ที่ซึ่งงานนั้นได้เน้นให้กับรายละเอียด สี และวิธีการใช้แปรงแบบต่างๆ และความสามารถพิเศษของเขานี่เองทำให้เขาได้ฝึกฝนเทคนิคเฉพาะตัวของเขาเอง หรือที่เรียกว่า Stylized Brushed Art โดยเป็นการผสมผสานสิ่งที่เขาได้ร่ำเรียนในโรงเรียน กับความหลากหลายของชีวิตต่างๆรอบๆตัวเขาเข้าด้วยกัน โดยผ่านมุมมองคนและโลกของเขาเอง หัวข้อของงานถูกเลือกโดยใช้ความรู้สึก ณ ขณะนั้น ไม่ว่าจะเศร้าหรือสวยงาม เต็มไปด้วยความสว่างไสวหรือหลบซ่อนอยู่ในเงา การเฝ้าดูผู้คนใช้ชีวิตประจำวันอย่างเงียบๆเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการสร้างสรรค์ของเขา และโดยผ่านการสังเกต และใช้ความรู้สึกที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เขาได้นำใส่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในงานของเขา Boได้อธิบายว่า อารมณ์และความรู้สึกของคนผันแปรได้ตลอดเวลา “ความทุกข์ของมนุษย์ค้นพบได้ในระหว่างอารมณ์อื่น ๆ ทั้งหมด”
SURAKITTISAK SISUKSAI (Em) – เขาเรียนจบมาจากโรงเรียนเพาะช่างในกรุงเทพมหานคร งานของเขาเป็นงานสัญลักษณ์ที่เรียกได้ว่าเสี้ยวส่วนหนึ่งแต่รุนแรงได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ภาพของความงามในศาสนาและปรัชญา “ธรรมชาติไม่เคยหยุดเติบโตและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเราก็เช่นกัน แต่เมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของเราก็คือตัวตนของเรา”
CHAROENCHAI THAWEEKIJ (Just) – อายุ 34 ปี แล้ว เรียนรู้ภาษาด้วยตัวเอง ได้เรียนศิลปะที่โรงเรียนและวิทยาลัยเพาะช่าง เค้าเริ่มต้นทำงานศิลปะเมื่อเขายังเป็นเด็กเล็กที่หมกมุ่นอยู่กับหนังสือการ์ตูน จินตนาการของเขาได้เริ่มครอบงำ เขาจึงคิดจินตนาการเรื่องราวในแบบของเขาเองและได้สร้างตัวละครที่เป็นหุ่นขึ้นมาซึ่งเป็นส่วนผสมของธรรมชาติ คนและสัตว์ ต่อมาในขณะที่เรียนหนังสือ นอกจากเค้าจะค้นพบว่าเขาตาบอดสีแล้วเขายังรู้สึกอีกว่าเขาไม่มีพรสวรรค์เอาเสียเลย เพราะผลงานสไตล์สร้างสรรค์ของเขาไม่เข้ากันกับศิลปะแบบประเพณีนิยมที่เขาได้ถูกสั่งสอนในห้องเรียน แต่อย่างไรก็ตามแทนที่เขาจะเลิกล้มความพยายาม เขากลับกอดรับเอาความแตกต่างนี้ไว้ และกลับค้นหาความลึกลับสับสนให้มากขึ้นไปอีก แล้วหลังจากนั้นเขาก็เอาความรักในสิ่งไม่สมจริงกับความเปลี่ยนแปลงเป็นงานสร้างสรรค์สิ่งต่างๆของเขาในลักษณะชอง Pop art เค้าต้องการให้โลกได้รู้ว่า “ตราบใดที่เราปล่อยให้ความเป็นเด็กๆในตัวเราเจริญเติบโต ตราบนั้นที่จินตนาการและความเป็นอิสระของเราจะยังคงอยู่”
ขอเชิญทุกท่านร่วมเปิดงานแสดงนิทรรศการวันที่ 1 มิถุนายน 2557 เวลา 18.00
นิทรรศการ : Khao Sarn’s Raw Art
ศิลปิน : UNCHLEE TUNSUWAN, PORNCHAI TAKERNGVITSATHAPORN, APAKORN BOONYAKORNBURI, SURAKITTISAK SISUKSAI,CHAROENCHAI THAWEEKIJ
วันที่ : 1 มิถุนายน – 30 มิถุนายน 2557
สถานที่ : ร้านอาหาร CHOMP cafe สามเสนซอย 1
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : 084-098-8633