INTO THE WOODS ดัดแปลงบทมาจากนิทานของสองพี่น้องตระกูลกริมม์ และถูกนำมาเล่นเป็นละครเวทีบรอดเวย์จนโด่งดัง ด้วยความที่เรื่องราวของมันเป็นแนวเดียวกับหนังของค่ายดิสนีย์พอดี โปรเจกต์นำ INTO THE WOODS เข้าสู่โรงภาพยนตร์จึงเกิดขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นการหวังสานความสำเร็จต่อจาก Maleficent ที่นำเอานิทานเจ้าหญิงนิทรามาดัดแปลงเช่นกัน
หนังได้ ร็อบ มาร์แชล ที่เคยทำภาพยนตร์เพลงอย่าง Chicago มารับหน้าที่กำกับ ส่วนดารานำต้องบอกว่าคับคั่งสุดๆทั้ง เมอร์รีล สตรีพ,เอมิลี่ บลันท์,เจมส์ คอร์เดน,แอนนา เคนดริก,คริส ไพน์,เทรซีย์ อัลแมน,คริสทีน บาแรนสกี้ และ จอห์นนี่ เดปป์ INTO THE WOODS เอานิทานอมตะ4เรื่องคือ ซินเดอร์เรลล่า แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ หนูน้อยหมวกแดง และ ราพันเซล มาผสมรวมกันโดยมีป่าเป็นฉากพื้นหลัง
คู่สามีภรรยาคนทำขนมปังคู่หนึ่งโดนคำสาปจากแม่มดทำให้ไม่สามารถมีลูกได้ สำหรับวิธีถอนคำสาปพวกเขาต้องเข้าไปในป่าแล้วนำของสี่อย่างมาให้แม่มด นั่นคือ ผ้าสีแดงเหมือนเลือด วัวสีขาวดุจนํ้านม รองเท้าแวววาวดั่งทองคำ และเส้นผมสีทองราวฝักข้าวโพด ขณะเดียวกันในป่าก็มีเด็กหญิงที่กำลังเดินทางไปเยี่ยมยาย เด็กชายที่นำวัวมาขาย สาวชาวบ้านที่อยากไปงานเลี้ยงในวัง และ สาวผมยาวที่อยู่บนหอคอย จากนั้นเรื่องราวอลเวงกลางป่าก็เริ่มต้น
INTO THE WOODS เป็นหนังแนวมิวสิคัลแฟนตาซีที่ตัวละครใช้การร้องเพลงแทนการสนทนาด้วยคำพูด ซึ่งคนไทยไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ ส่วนตัวเคยดูหนังแนวนี้คือ Les Misérables แต่เรื่องนั้นเนื้อหาค่อนข้างซีเรียส ผิดกับเรื่องนี้ที่ช่วงแรกบทหนังเบาเสียจนแทบจะไม่มีอะไร แถมยังเยิ่นเย้อและมีความยาวเกินไป จากที่หนังควรจะสนุกกำลังดีเลยกลายเป็นน่าเบื่อจนชวนจะหลับ
จุดนี้ยกความผิดไปให้กับ เจมส์ ลาไพน์ มือเขียนบทเต็มๆข้อหาที่โลภมาก อยากจะเล่าเรื่องละเอียดๆโดยไม่ยอมตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออก การตัดสลับไปสลับมาโดยเนื้อหาของแต่ละเรื่องก็เป็นคนละโทนทำให้คนดูสับสน โดยเฉพาะฉากที่ตัวละครแหกปากร้องเพลงโต้เถียงกัน ต้องบอกว่าดูวุ่นวาย น่ารำคาญ จนทำเอาเราปวดหัว
การแสดงโอเวอร์กว่าหนังทั่วไปหนึ่งสเต็ป ผู้กำกับพยายามสร้างบรรยากาศในโรงหนังให้เป็นละครเวที ซึ่งไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เมอร์รีล สตรีพ,เอมิลี่ บลันท์ และ เจมส์ คอร์เดน เป็นนักแสดงเพียงสามคนที่คุมการแสดงของตัวให้อยู่ในระดับที่พอดีได้ ส่วนฉากที่ คริส ไพน์ ร้องเพลงบนนํ้าตกเล่นใหญ่เรียกเสียงหัวเราะได้ดี แต่นั่นทำให้ฉากต่อๆมาเขากลายเป็นเจ้าชายตัวตลกไปเสีย จอห์นนี่ เดปป์ โผล่ออกมาไม่กี่ฉาก เล่นได้ตามมาตรฐาน เอาตัวรอดไปได้แบบฉิวเฉียด
แม้ว่าหนังจะมีการสอดแทรกแนวคิดสอนใจดีๆเรื่อง สิ่งถูกผิด ผ่านนิทานอย่างคมคาย อาทิ คำขอพรก็มีราคาค่างวด เรื่องร้ายที่ผ่านมาเป็นบทเรียน การทำเพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว รวมถึงชื่นชมความกล้าของผู้กำกับที่เปลี่ยนความคิดของตัวละครจากบทดั้งเดิม(ซินเดอร์เรลล่าตั้งใจทิ้งรองเท้า) กับเปลี่ยนตอนจบที่ไม่ได้แค่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป กระนั้น ความไม่กระชับและเกินพอดี ทำให้ภาพรวมทั้งหมดของมันไม่ได้สร้างความประทับใจให้ผู้ชมส่วนใหญ่
BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์