ทฤษฎีสีเปลี่ยนโลกได้จริง เพียงแค่สะบัดปลายแปรงก็สามารถเนรมิตความรื่นรมย์ทันใจ แต่ถ้าสีนับล้านไม่อาจกำหนดอารมณ์ที่แตกต่างกันสุดขั้วของแต่ละคนได้ จึงต้องร้องเรียกหาเทรนด์สีปี 2013-2014 จากทีโอเอ ที่มีกลุ่มสีถึง 4 คอนเซปต์ กับคู่ตรงข้ามอย่างสมดุล
เพื่อนำมาสนองไลฟ์สไตล์ของคนขี้เบื่ออย่างไร้ขีดจำกัด จากการสำรวจข้อมูลและวิจัยนานนับปี จากทฤษฎีสีตามตำราผ่านกูรูผู้เชี่ยวชาญ และคนในวงการออกแบบ บวกกับกรณีศึกษาโดยตรงจากผู้บริโภคกว่าห้าร้อยคน ร่วมกันคัดสรรกลุ่มสีสะท้อนอารมณ์ในทุกแง่มุมของคนในศตวรรษนี้ สร้างสรรค์การออกแบบโทนสี ชุดสีหรือโทนสีใหม่ๆ ออกสู่ตลาดให้ได้อย่างต่อเนื่องทุกๆปี
พงษ์เชิด จามีกรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของการจัดทัพเทรนด์สี มีเหตุผลว่า ธรรมชาติสร้างให้คนเห็นสีสัน เป็นพรสวรรค์อยู่แล้ว ซึ่งคนจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ได้อยู่ในสภาพไร้สี แต่ต้องอยู่ในสีสันบ้าง เพื่อให้มีศักยภาพมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า คนๆนั้นต้องการจะอยู่ในโหมดหรือสภาวะใด หน้าที่ของสีจำเป็นต้องสนองตอบความต้องการนั้นๆได้โดยไม่มีอุปสรรคใดมาขวางกั้น
นั่นจึงเป็นที่มาของเทรนด์สีใหม่ปี 2013-2014 สำหรับงานตกแต่งภายในและภายนอกจากทีโอเอ ภายใต้แนวคิด What color is green? ซึ่งประกอบด้วย 4 หมวดสีหลักเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนและรื่นรมย์ ทั้งในแง่ของการใช้งาน (Function) และอารมณ์ความรู้สึก (Emotion) โดยแต่ละหมวดสีจะถูกแบ่งอีกเป็น 2 กลุ่มที่เป็นคู่ตรงข้ามกัน เสิร์ฟความต้องการที่หลากหลาย ไลฟ์สไตล์สุดชิค บ่งบอกตัวตนสุดขั้ว
กลุ่มแรก กลุ่มสีเกี่ยวเนื่องกับร่างกาย ฟื้นคืนความสมดุลให้กับชีวิต BODI BALANCE แยกออกเป็น Relax สีสร้างสมดุล ให้ผู้อยู่อาศัยได้ผ่อนคลายทั้งกายและใจ ด้วยกลุ่มสีเย็นสดใสของสีฟ้าและสีเขียวหลากโทน จับคู่กับ Active สีลดความเฉื่อยชา ปรับชีวิตชีวาให้ร่าเริง ได้แก่ กลุ่มสีร้อน เหลือง ส้ม แดง และเขียวมะนาวสดใส
ตามด้วยกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มสีช่วยปลอบโยนสภาวะอารมณ์แห่งจิตวิญญาณ เมื่อต้องการความสงบและสติ EMO COMFORT แบ่งเป็น Reality สีให้สติ สร้างสมาธิ สำรวมอารมณ์ ให้รื่นรมย์กับปัจจุบัน ด้วยสีเย็นสงบ นิ่งลึกของขาว เทา น้ำเงิน และสีหม่นนวลตา ของฟ้า ม่วง และเขียว
ส่วนคู่ตรงข้ามกันก็คือ Dream สีสู่ฝัน แปรผันความว้าวุ่น ให้ลบเลือน และปล่อยวางทางอารมณ์ ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความสร้างสรรค์และจินตนาการด้วยสีหวานอ่อนโยน ของเหลือง ชมพู ส้ม และสีกลางๆของเทาไปจนถึงฟ้าอมเขียว
สำหรับกลุ่มที่ 3 อย่าง FLEXI MIND กลุ่มสีเกี่ยวพันกับกาลเวลา พลังแห่งโทนสี สรรสร้างความยืดหยุ่นระหว่างความยั่งยืนและฉาบฉวย จากสีคลาสสิก สงบสง่าดูน่าสนใจขึ้น เมื่อมีสีสดใสมาแต่งแต้ม มีทั้ง Sustain สีที่สร้างความรู้สึกมั่นคงไม่รู้เบื่อ แม้เมื่อเวลาจะผ่านไปนับ 10 ปี ก่อเกิดจากสีธรรมชาติ สีอุ่นของสีเหลืองคล้ำ ถึงน้ำตาลไหม้ และสีเย็นลุ่มลึกของฟ้าคราม ปะทะกับคู่สีตรงข้าม ในชื่อ Snapshot สีกระตุ้นตา แวบเข้ามาให้หวือหวาเพียงชั่วครู่ จึงต้องใช้สีสด สนุกเร้าใจของม่วงมาเจนต้า ส้มแซลมอน แดงเมลอน เขียวสด และเหลืองมะนาว สร้างความประทับใจ ช่วยเรียกร้องความสนใจจากชีวิตที่จำเจได้ทันที
และกลุ่มท้ายสุดคือ กลุ่มสีวัดระยะทาง สีมีพลัง ก่อให้เกิดภาพลวงตา OPTIC OPTIMIZE แบ่งออกเป็น สีแคบ Reduce สีปรับความเวิ้งว้างกว้างไกลให้กระชับเข้าใกล้ อุ่นใจ อุ่นตา ด้วยโทนสีสดสว่าง ของสีส้มและเหลือง กับสีหม่นมืดของแดงก่ำ น้ำเงินเข้ม และเทาอมเขียว จับคู่กับสีตรงข้ามอย่าง Expand สีสร้างพื้นที่ ผลักผนังใกล้ๆให้ไกลออกไป ลวงตาให้ห้องดูใหญ่กว่าที่เป็น ด้วยสีอ่อนๆสว่างใสเบาบาง ของขาวเจือส้ม เหลือง เขียว ฟ้าและเทา
รศ. ปิยานันต์ ประสารราชกิจ อาจารย์พิเศษรายวิชา Colour Study & Design จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาด้านการออกแบบสี บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า สีมีความสัมพันธ์กับชีวิตของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยเฉพาะการใช้สีเพื่อสะท้อนอารมณ์ความรู้สึก สร้างสุนทรียภาพ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
“สีใช้เปลี่ยนความสุขให้กับเราได้ และเป็นต้นทุนที่ราคาถูกที่สุด ถึงแม้สีที่ผลิตขึ้นนั้นจะมีมากมายนับล้านๆสี แต่การกำหนดเทรนด์สีแต่ละปีนั้น มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ซื้อที่ยังตัดสินใจไม่ได้ สามารถเลือกสีให้ตรงกับความรู้สึกได้ หรือจะเรียกว่าเทรนด์สีปี 2013-2014 คือเครื่องมือตัดสินใจนั่นเอง ซึ่งปีนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าแนวโน้มของผลิตภัณฑ์ต่างมุ่งสู่ความเป็นกรีน แต่ในมุมมองของทีโอเอ คำว่ากรีนไม่ได้จำกัดอยู่ที่สีเขียวหรือการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้สีที่เหมาะกับฟังก์ชั่นการอยู่อาศัย และสะท้อนความรู้สึกต่างๆออกมาอย่างชัดเจนต่างหาก”