อาจเพราะวิถีชีวิตคนไทยผูกพันอยู่กับสายน้ำ จึงส่งผลให้ฝีไม้ลายมือในการสร้างเรือถูกปลูกฝังอยู่ในสายเลือด ซึ่งหากประชันในระดับนานาชาติแล้วความสวยงามโดดเด่นและคุณภาพย่อมไม่แพ้ช่างฝีมือชาติอื่น
จากแรงผลักดันในธุรกิจการท่องเที่ยว-พักผ่อนระดับพรีเมียม ซึ่งมีความต้องการเรือเร็วแฮนด์เมดประเภท Classic Runabout ที่ทำจากไม้ทั้งลำ ทำให้ กอบลาภ ไทยทัน นักออกแบบรถยนต์ผันตัวเองมาปลุกปั้นธุรกิจเรือไฮ-เอนด์ ในนามบริษัท นากา มารีน แอนด์ เลเชอร์ จำกัด [NAGA Marine & Leisure (Thailand)] ส่งขายต่างประเทศ โดยจีเอ็มหนุ่มผู้นี้มีความมั่นใจในพรสวรรค์ที่สั่งสมจากรุ่นสู่รุ่นของช่างไทย บวกกับ Latitude 8 Yachts ธุรกิจผลิตเรือใบของครอบครัวซึ่งมีชื่อเสียงในภูเก็ต ก็ยิ่งเป็นแรงสนับสนุนให้เขานำพานาวาธุรกิจรูปแบบใหม่แบรนด์ไทยไปสู่อนาคตอันสดใส
“ความฝันในวัยเด็กกับความจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกันซะทีเดียว สมัยเด็กผมเคยฝันอยากเป็นนักออกแบบรถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ตามหลักสูตรแล้วทางสถาบัน (Western Michigan University) บังคับให้เรียนหลักการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั่วไป ก่อนที่จะเลือกคณะย่อยมาเป็น Transportation Design ซึ่งในระหว่างนั้นผมก็ได้เรียนรู้กรรมวิธีการออกแบบและผลิตของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุสิ่งของกับผู้ใช้ทั้งทางสรีรศาสตร์และทางอารมณ์ ซึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้เหล่านี้ทำให้ผมเกิดความสนใจในผลิตภัณฑ์อื่นๆ มากขึ้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รถยนต์อีกต่อไป”
กิจกรรมทางน้ำเป็นอีกอย่างที่เขาผูกพันมาตั้งแต่เด็ก อาจเพราะบ้านเกิดอยู่สงขลาซึ่งเป็นเมืองติดทะเล เขาจึงชอบดำน้ำและเล่นเรือใบโดยการชักนำของหุ้นส่วนชาวแคนาดาของคุณพ่อ ในที่สุดจึงได้มาเป็นหุ้นส่วนในการก่อตั้งนากา มารีนฯ ประเทศไทย
“นากา มารีน แอนด์ เลเชอร์ เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจาก Latitude 8 Yachts ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและให้ซ่อมเรือใบที่มีชื่อเสียงในภูเก็ต ตั้งขึ้นมาเพื่อผลิตเรือเร็วแบบ Classic Runabout โดยเริ่มแรก Latitude 8 Yachts ซึ่งปกติผลิตเรือใบได้สร้างแบบ classic ขึ้นมาหนึ่งลำและได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก และก็รู้ว่าราคาของเราถือว่าถูกเมื่อเทียบกับเรือชนิดเดียวกันในต่างประเทศ เพราะเรือชนิดนี้ต้องใช้ช่างฝีมือที่มีความประณีตพอสมควร ซึ่งช่างประเภทนี้มีค่าตัวสูงมากเมื่อเทียบกับเมืองไทย เราจึงได้เปรียบด้านราคาในตลาดต่างประเทศ”
“เราต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงให้ทันกับสภาพแวดล้อม เพราะสถานการณ์ในโลกปัจจุบันมีตัวแปรหลายอย่าง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงและกระทบกับธุรกิจของเราได้ตลอดเวลา และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่ได้มีโอกาสแก้ตัวเสมอไป เราต้องมีความสุขกับการทำงานและพยายามมองวิกฤตให้เป็นโอกาสตลอดเวลา เมื่อใดที่เราหมดสนุกกับงานเราจะเหนื่อยและเครียด แล้วจะส่งผลให้งานหยุดเดิน”
“นากา มารีนฯ ถือเป็นความภูมิใจที่สุดของผม การได้นำสินค้าฝีมือคนไทยไปให้โลกได้รู้จักเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก และผมก็ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักไปด้วย แต่เราเพิ่งเริ่มต้น ในอนาคตเรามีแผนจะนำเสนอรุ่นใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ การดำเนินธุรกิจนี้เรียกได้ว่าต้องทำด้วยใจรัก เรือทุกลำของเราผ่านการผลิตซึ่งอาศัยความรักและเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ลูกค้าผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสได้”
“การสร้างแบรนด์เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา ต้องให้สินค้าพิสูจน์ตัวเอง และเรือของเราเป็นของแปลกในเมืองไทย เพราะเมื่อกล่าวถึงเรือสไตล์นี้คนไทยมักจะนึกถึงเรือสปีดโบทหรือไม่ก็เรือยอตช์ลำใหญ่สีขาว แต่ในต่างประเทศเรือชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมอยู่แล้ว”
“ขณะนี้ตลาดของเรายังคงเป็นอเมริกาเหนือและยุโรป ซึ่งลูกค้าในตลาดเหล่านี้รู้ดีและพอใจในฝีมือช่างไทย ในขณะที่เมืองไทยการตอบรับยังช้าอยู่ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสาธารณูปโภครองรับซึ่งยังไม่พร้อมซะทีเดียว เช่น ท่าจอดเรือ จุดเติมน้ำมันเรือ ซึ่งยังมีอยู่ไม่มากในเมืองไทย”
“ขีดความสามารถในการผลิตแต่ละปีจำกัดอยู่ที่ปีละ 25-30 ลำ เราคงไม่ผลิตเพิ่ม ทั้งนี้เพื่อรักษาความเป็น niche และรักษาคุณภาพ แต่จะมีรุ่นใหม่ๆ ออกมาเป็นระยะ ฉะนั้นลูกค้าทุกคนสามารถคุยได้ว่ามีเรือที่เป็นหนึ่งใน 30 ลำในโลก การที่เราจำกัดปริมาณการผลิตก็เพื่อรักษามาตรฐานของสินค้าและเป็นการรักษามูลค่าของสินค้าไปในตัว”
แต่ในทุกการทำงานย่อมมีปัญหา เพื่อพิสูจน์ความสามารถและความอดทนในการก้าวสู่แท่นของผู้ชนะ
“ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนทำให้ลูกค้าหลายรายยังลังเลใจอยู่ และความที่สินค้าเราและกิจกรรมทางน้ำยังถือเป็นของใหม่อยู่ บางครั้งจึงต้องใช้เวลากว่าตลาดจะรู้จักและเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ และจากภาวะราคาน้ำมันก็ทำให้เรามีโครงการนำเครื่องยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในระบบการผลิตงานฝีมือของเราเพื่อลดต้นทุน”
“ผมเป็นคนที่อารมณ์ดี ขี้เกรงใจ จริงจังกับงาน ทะเยอทะยานสูง ชอบทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ผมมักจะปฏิบัติต่อลูกน้องเหมือนเป็นเพื่อนหรือครอบครัว มันทำให้บรรยากาศการทำงานไม่ค่อยเครียด แต่ในขณะเดียวกันจะค่อนข้างจริงจังกับการทำงาน เวลาเล่นก็เล่น ทำงานก็เต็มที่ ผมจะ 110% กับทุกงาน ผมเป็นคนที่พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ชอบศึกษาวิถีชีวิตและวิธีการบริหารของบุคคลต่างๆ ในสังคมและบุคคลรอบตัวผม แล้วก็นำเอาจุดที่ผมคิดว่าดีมาพัฒนาตนเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าต้นแบบและแรงบันดาลใจของการใช้ชีวิตของผมมาจากพ่อและแม่เต็มๆ โดยท่านทั้งคู่เป็นคนมีความสามารถสูง ขยัน ไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรค และในขณะเดียวกันก็ให้ความรักความสำคัญแก่ครอบครัวและคนรอบข้าง”
“ผมเป็นคนที่สนิทกับคุณแม่มาก ยิ่งหลังจากคุณพ่อเสียชีวิตไปผมยิ่งให้ความสำคัญกับท่านมากขึ้น โดยมากผมอยู่บ้านกับท่านสองคน เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องงานหรือชีวิต คุณแม่สอนให้ผมรู้จักความเสียสละ ความรัก ความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน การให้อภัย สังคม และการกระทำของตนเอง และที่สำคัญคือการจัดสมดุลของสิ่งที่ท่านสอนทั้งหมดนั้นมาใช้ในการดำรงชีวิต”
______________________________________
ที่มา : นิตยสาร HI-CLASS-271 ข้อเขียนนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของนิตยสาร HI-CLASS ห้ามนำไปลอกเลียน ทำซ้ำ หรือ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย
