Walter Elias Disney ผู้ไม่มีวันดับ (December 5, 1901 – December 15, 1966) ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บลบศูนย์องศา เด็กน้อยแห่งตระกูลดีสนีย์ต้องลุยหิมะสูงท่วมเข่าเพื่อทำงานส่งหนังสือพิมพ์ รับจ้างล้างรถบรรทุกศพประจำตำบล กระทั่งเป็นเด็กขายขนมบนรถไฟ เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในครอบครัว
การดิ้นรนแบบปากกัดตีบถีบของตระกูลดิสนีย์นั้น ทำให้วันคล้ายวันเกิดหรือวันคริสต์มาส ไม่เคยมีความหมายกับพวกเขา กระทั่งในปี 1918 พ่อของเขาได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่มลรัฐชิคาโก เพื่อมาทำโรงงานขนมเยลลี่ ที่นี่เอง วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ ได้ศึกษาวิชาเขียนภาพการ์ตูนโดยทางไปรษณีย์ และเข้าศึกษาโรงเรียนวิจิตรศิลปที่ชิคาโก ดิสนีย์หลงไหลการเขียนภาพ ถึงขนาดนั่งเขียนได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หลับไม่นอน เขาได้ศึกษาเทคนิคการเขียนการ์ตูนกับอาจารย์ เลอรอย คอสเสต นักเขียนการ์ตูนมือหนึ่งแห่งนิตยสาร ชิคาโก เรคอร์ด และอาจารย์แครี่ ออร์ แห่งนิตยสาร ทรีบูน กระนั้นก็ตามดิสนีย์ยังปลีกเวลาจากการช่วยงานที่โรงงานผลิตเยลลี่ของพ่อ ไปทำงานที่ไปรษณีย์และเป็นยามหน้าประตู เขาเป็นคนที่เห็นคุณค่าของเงินทองเท่าๆกับคุณค่าของการศึกษา
เมื่ออเมริกาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับอังกฤษและฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้ง 1 ด้วยความรักชาติบ้านเมืองและความฮึกเหิมในวัยหนุ่ม ทำให้ดิสนีย์กับเพื่อนสนิท ไปสมัครเป็นอาสาที่กองทัพเรือ แต่ทั้งคู่อายุไม่ถึง เขาจึงไปสมัครทำงานที่หน่วยรถพยาบาลของอาสากาชาดแทน แต่การระบาดของไข้หวัดใหญ่อย่างหนักเป็นประวัติการณ์ของประวัติศาสตร์อเมริกาครั้งนั้น ทำให้เขาติดหวัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ต้องกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน และเมื่อหายเป็นปกติ ดิสนีย์จึงถูกส่งตัวไปที่ เซ้าท์ บี๊ช มลรัฐคอแน็คตีกั๊ต และถูกส่งตัวไปสู่สมรภูมิยุโรป เขาได้ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลรับคนไข้อพยพสงครามหน่วยที่ 5 ในกรุงปารีส จากนั้นเขาโดนย้ายไปประจำที่ร้านค้าสำหรับทหารในเขตแดนเยอรมนี และถูกใช้ให้เขียนภาพโปสเตอร์โฆษณาที่ติดร้านค้า เมื่อมีเวลาว่างดิสนีย์ยังเขียนรูปส่งไปลงในนิตยสาร ไล้ฟ์ กับ นิตยสาร จั๊ดซ แต่ต้องผิดหวังเพราะได้รับจดหมายตอบปฏิเสธกลับมาอย่างสุภาพ เมื่อเกิดความท้อใจ ดิสนีย์จึงหันมามุ่งเขียนภาพสีน้ำมันแทน เพื่อหารายได้ และหากมีเวลาว่างเมื่อใด เขาจะสเก็ตซ์ภาพการ์ตูนซ้อมมือเล่นอยู่เสมอ
ช่วงเวลาในการเป็นอาสาสมัคร ดีสนีย์มีความสามารถในการหารายได้จากการเขียนรูปเหรียญกล้าหาญ และทำหมวกเหล็กทหารปลอมเป็นของเก่า จนมีเงินสะสมไว้เป็นทุนสำรองในการเริ่มอาชีพเป็นนักเขียนการ์ตูนอย่างที่เขาตั้งใจไว้
เมื่อเขากลับบ้าน ดีสนีย์ในวัย 17 ปี ยืนยันจะดำเนินชีวิตเป็นจิตรกรวาดภาพ แต่พ่อของเขาไม่เห็นด้วย เพราะอยากให้เขาทำงานที่โรงงานเยลลี่ ดีสนีย์จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่แคนซัสซิตี้ และสมัครงานที่หนังสือพิมพ์สตาร์ แต่ได้รับคำปฎิเสธ ด้วยความที่เป็นคนไม่ยอมแพ้ เขายอมที่จะสมัครงานในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดในบริษัทนี้ แต่ก็ได้รับความผิดหวังซ้ำสอง ในไม่ช้าเขาได้ทำงานที่บริษัทโฆษณา เกรย์ แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง ของเพ็ทกับรูบิน แล้วเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ เขาจึงถูกปลดออกจากงานพร้อมๆกับ อั๊ป ไอเวิร์ค
ทั้งคู่มีความลำบากเหมือนกันจึงตัดสินใจทำธุรกิจร่วมกัน สุดท้ายทั้งคู่จึงขออาศัยพื้นที่ในสำนักงานของบริษัท เรสตัวรองต์นิวส์ เพื่อเปิดแผนกโฆษณาโดยใช้เงินที่เก็บไว้ทั้งหมด ด้วยความที่มีพรสวรรค์ และแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร ทำให้บริษัทสร้างรายได้และผลกำไรมากมาย จากนั้นเขาทั้งสองจึงแยกมาเปิดบริษัทเอง โดยใช้ชื่อว่า ไอเวิรค์-ดีสนีย์ จากนั้นไม่นาน ดิสนีย์ ได้ไปสมัครงานที่บริษัทแคนซัสซิตี้ ฟิลม์ เป็นนักเขียนการ์ตูน เพราะรายได้ที่มากขึ้นและความแน่นอนเรื่องค่าใช้จ่าย เขาตัดสินใจยกทรัพย์สินทั้งหมดในสำนักงานให้แก่ อั๊ป ไอเวิร์ค แต่ไม่นานนักสหายสนิทของเขาได้ตามมาขอทำงานกับดิสนีย์ด้วย ทั้งสองช่วยกันศึกษาวิธีการสร้างการ์ตูนแอนิเมชั่น จากหนังสือของ Carl Lutz และของ Muybridge อย่างจริงจัง
ดิสนีย์เริ่มสร้างหุ่นกระดาษเพื่อทดลองสร้างการ์ตูนเคลื่อนไหว เขาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนสีเป็นคนแรก เจ้าหนู มิกกี้ เม้าส์ กลายเป็นขวัญใจของคนทั้งโลก ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่า ตัวการ์ตูนมิกกี้ เม้าส์ จะกอบโกยเงินทองได้มามายเช่นนี้ วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ ยังเป็นเป็นผู้สร้างผลงานการ์ตูนที่แพร่หลายอีกมากมาย นอกจากนั้นดิสนีย์ยังได้ผลิตภาพยนตร์สารคดี ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ภาพยนตร์ธรรมชาติศึกษา ฯลฯ งานทุกแขนงทุกชิ้น อยู่ภายใต้สัญลักษณ์ วอลต์ ดิสนีย์ โปรดักชั่น งานของเขาเป็นที่นิยมกว้างขวางตั้งแต่ทารกไปจนถึงวัยชรา เขากลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกอีกคนหนึ่ง ความฝันอีกอย่างนึงของดิสนีย์คือ ต้องการสร้างสวนสนุกที่เด็กและผู้ปกครองสามารถไปเที่ยวร่วมกันได้ สวนสนุก ดิสนีย์ แลนด์ ดินแดนแห่งเวทย์มนตร์ในฝันจึงเกิดขึ้น
ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ นี่คือข้อคิดของวอลต์ ดิสนีย์ ผู้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ.1966 เขาไม่เคยละทิ้งความพยามยามและความฝัน ไม่ว่ามันจะล้มเหลวกี่ครั้งก็ตาม ดิสนีย์ทิ้งอะไรไว้ให้โลกมากมาย จนมาถึงวันนี้ โลกยังไม่เคยลืมเขา วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์ ผู้ไม่มีวันดับ
ดิสนีย์ เวิลด์ โลกแห่งเทพนิยาย
สถานที่ดึงดูดความสนใจแห่งใหม่ และใหญ่ที่สุดของอเมริกา ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมแล้วเมื่อไม่นานมานี้ วอลต์ ดิสนีย์ ผู้ให้กำเนิดมิกกี้ เม้าส์ ได้ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตของเขาที่จะสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา และบัดนี้ความฝันของเขาก็ได้เป็นความจริงขึ้นมาแล้ว บนเนื้อที่ 108 ตารางกิโลเมตร หรือ 172,800 ไร่ คือที่ตั้งของโลกแห่งความมหัศจรรย์ และต้องใช้เงินทั้งสิ้นถึง 8,385 ล้านบาทในการก่อสร้าง
สองชั่วโมงด้วยเครื่องบินไอพ่น กว่าจะถึงสิ่งมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งของโลกในทวีปอเมริกา ขณะนี้สายการบิน อิสเทอร์น แอร์ไลนส์ รับส่งผู้คนจากเมืองใหญ่ เช่นนิวยอร์ค, วอชิงตัน, นิวออร์ลีนส์, แอตลันต้า, ชิคาโกมาสู่โลกอีกโลกหนึ่ง โลกแห่งความฝันของวอลต์ ดิสนีย์ อีสเทอร์น ต้องจ่ายเงินถึง 230 ล้านบาท เพื่อจะสามารถเรียกตัวเองได้ว่า เป็นสายการบินของดิสนีย์ เวิลด์ เป็นทางการ
เมื่อสองปีมาแล้ว ห่างจากดิสนีย์เวิลด์ประมาณ 100 กม. เราได้เห็นการปล่อยยาน อวกาศ อพอล โล 11 ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว และทุกสิ่งทุกอย่างในรัฐฟลอริด้า ได้ถูกสิ่งหนึ่งแย่งชิงความสำคัญไปจนหมดสิ้น อำนาจของเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท อำนาจของเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท ได้เนรมิตสวนสวรรค์ขึ้นมาจากที่ลุ่ม ซึ่งเต็มไปด้วยหนองบึง ภายในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งเท่านั้น ดิสนีย์ เวิลด์ คือความหมายที่ว่า ที่นี่มีสิ่งที่ตามปกติแล้วไม่มี และที่นี่มันได้ทำเงินให้เขาอย่างมหาศาล อย่างที่ไม่เคยปรากฏที่ใดมาก่อนเลย
“มนุษย์ทุกคนฝันถึงโลกที่สวยงาม ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ที่สามารถจะปล่อยกายใจ ให้ล่องลอยไปกับความสุขรอบด้าน และเมื่อดวงตาของเด็กเล็กๆเบิกโพลงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นแล้วละก้อ มันจะทำเงินให้มหาศาลทีเดียว” นี่คือคำพูดของวอลต์ ดิสนีย์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว
จนกระทั่งถึงปี 1966 วอลต์ ดิสนีย์ ได้ทำเงินจากภาพยนตร์การ์ตูนของเขาถึง 4,613 ล้านบาท และดิสนีย์แลนด์ในรัฐแคลิฟอร์เนียทำเงินให้ถึง 6,194 ล้านบาท แผ่นเสียงและภาพยนตร์โทรทัศน์อีก 2,076 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ ดิสนีย์จึงสามารถเริ่มกิจการส่วนบุคคลใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ฟลอริดาได้อย่างง่ายดาย ดิสนีย์ เพียงแต่ดีดนิ้วมือเท่านั้น นายทุนมากมายก็รีบแย่งกันมอบเงินให้ทันที เพราะทุกคนรู้ว่ามิกกี้ เม้าส์ และสวนสวรรค์แห่งนี้จะทำเงินให้อย่างมหาศาล
พวกแรกที่ได้กำไรคือ เจ้าของที่ดินนายหน้าและบริษัทที่ซื้อขายที่ดิน ผืนดินถูกกำหนดไว้สำหรับเป็นที่สร้างดิสนีย์ เวิลด์ ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองออร์ลันโด ประมาณ 30 กม. ได้ถูกเปลี่ยนมือไปด้วยเงินถึง 460,000 ล้านบาท กำไรประมาณ 50% นักซื้อขายที่ดินชื่อ เดวิด นูบิสเคิล ได้ซื้อที่ดิน 172,800 ไร่ เทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 2,700 สนาม ด้วยเงินจำนวน 873 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 5,500 บาท ต่อไร่ เพื่อขายต่อไปให้แก่ดิสนีย์
ราคาที่ดินถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมีข่าวว่าดิสนีย์จะสร้างสวนสวรรค์แห่งใหม่ และในปีแรกประมาณว่าจะมีผู้เข้าชมถึงสิบล้านคน นักค้าที่ดินนูบิสเคิล รู้จักเจ้าของที่ดินรายหนึ่งในปี 1960 เขาต้องการขายที่ดิน 40 ไร่ ด้วยราคา 46,000 บาท แต่ไม่มีใครยอมซื้อ ขณะนี้เนื้อที่ 350 ไร่ เป็นจำนวนเงินถึง 24,750,000 บาท ในระยะหลังนี้ยังมีผู้มาซื้อที่ 27 ไร่ ของเขาด้วยราคาถึง 17,300,000 บาท
ผู้สนใจจะซื้อที่ดินบริเวณรอบๆดิสนีย์เวิลด์ มากที่สุด คือ บริษัทโรงแรมต่างๆค่าห้องพักของโรงแรมในดิสนีย์ เวิลด์ มีราคาสูงมาก คือตกประมาณวันละ 500-925 บาท เพราะดหตุนี้ รอบดิสนีย์ เวิลด์ โรงแรมต่างๆจึงผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ภายในปีนี้สถานที่กึ่งหอพักกึ่งโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่มีห้องพักถึง 1,200 ห้อง จะเริ่มลงมือทำการก่อสร้าง
การค้าในรัฐฟลอริดาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่มิกกี้ เม้าส์ ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ มีผู้มาชมสวนของเรามากกว่าเดิมถึง 50% เจ้าของสวนต้นสนแห่งหนึ่งกล่าว สวนแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองออร์ลันโด 40 กม. และในระยะหลังนี้ เกือบจะถูกลืมไปแล้วจากความทรงจำ ผู้จัดการโรงแรมแห่งหนึ่งพอใจอย่างยิ่ง เพราะมีผู้จองห้องโรงแรมของเขาแล้วจนถึงปี 1976 รอบๆโลกเนรมิตของวอลต์ ดิสนีย์ ผู้คนหลายแสนคนมีรายได้ดีขึ้น และยังก้าวก่ายเข้าไปถึงโครงการอวกาศอีกด้วย พนักงานและช่างเทคนิคที่ถูกปลดออกจากองค์การนาซา แหลมแคนเนดี้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงนั้น ได้เข้ารับหน้าที่ใหม่ในโลกของความฝันของดิสนีย์เวิลด์ ด้วยค่าจ้างประมาณชั่วโมงละ 40 บาท
ถ้าใครอยากจะทำการค้าด้วยเครื่องหมายของดิสนีย์ จะต้องจ่ายเงินทุกรายไป บริษัทค้าเหล็กของสหรัฐบริษัทหนึ่ง ยูเอสสตีล ต้องจ่ายเงิน 1,870 ล้าน เพื่อจะสามารถสร้างโรงแรมพิเศษสองโรงแรกขึ้น บริษัทโฆษณาบริษัทหนึ่งต้องลงทุนถึง 4,620 ล้าน เพื่อจะได้ตัวมิกกี้ เม้าส์ มาใช้ในการโฆษณาสินค้า
ศาลาแสดงสินค้าหลังหนึ่งในดิสนีย์ เวิลด์ ถ้าใครต้องการเช่าจะต้องจ่ายเงินถึง 2,300,000 บาท เป็นค่าเช่าและยังค่าก่อสร้างอีกประมาณ 726,000 ถึง 5,775,000 บาท อีกด้วย ถึงแม้จะเป็นราคาที่แพงอย่างมหาศาล แต่ถึงกระนั้นดิสนีย์ ก็ยังสามารถเลือกผู้หนึ่งผู้ใดจากจำนวนมากมายก่ายกอง ที่ปรารถนาจะเข้าไปตั้งร้านในโลกแห่งความมหัศจรรย์ได้ตามแต่จะต้องการ ตัวอย่างเช่นบริษัทผลิตกล้องและฟิลม์โกดัก ไม่ยอมจ่ายเงินตามที่ดิสนีย์ เรียกร้อง จึงถูกตัดออกไปจากดิสนีย์เวิลด์ และบริษัท กาฟ(Gaf) ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายได้เข้ามาแทนที่
เราจำเป็นต้องเด็ดขาดอยู่เสมอ ผู้จัดการของดิสนีย์กล่าว ไม่มีใครลืมได้ว่า ภายในระยะเวลา 15 ปี มีผู้เข้าชมดิสนีย์แลนด์ในรัฐแคลิฟอร์เนียมากกว่าร้อยล้านคน ฉะนั้นดิสนีย์เวิลด์ในรัฐฟลอริดา จะต้องมีผู้เข้าชมมากกว่าเสียอีก แต่เราก็ไม่มองในด้านการค้าเพียงด้านเดียวเท่านั้น เราพยายามเลือกสรรอย่างดีว่าผู้ใดที่เราควรเลือกเข้ามา ถ้าเราปล่อยให้ทุกคนที่ปรารถนาจะเข้ามาเราจะได้เงินเพิ่มเป็นล้านๆแต่เราไม่ต้องการเพราะมันอาจทำลายโฉมหน้าของดิสนีย์เวิลด์ได้
และเมื่อถึงพิธีเปิดสวนสวรรค์ใหญ่ที่สุดของโลก เท่าที่มนุษย์ได้เคยสร้างมาออกสู่สายตาของชาวโลก และประชาชนทั้งหลาย ซึ่งสวนมหัศจรรย์นี้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเขาโดยเฉพาะ แต่วันนี้กลับมีสิทธิเพียงแค่ยืนชมอยู่ด้านข้างเท่านั้น เพราะวันนี้เป็นวันของแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญมาในพิธีเปิดเป็นพิเศษจากดิสนีย์เท่านั้น บุคคลสำคัญเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว สุภาพสตรีในชุดราตรียาว เครื่องประดับล้ำค่าส่งประกายวูบวาบ สุภาพบุรุษในชุดสโมกกิ้งสีดำโอ่อ่า เมื่อขบวนของผู้มีเกียรติเหล่านี้ไปถึงที่ใด ประชาชนจะหลีกให้เป็นช่องเพื่อที่จะผ่านไปโดยสะดวก ในขณะนี้ดิสนีย์ เวิลด์ และปราสาทแห่งเทพนิยาย ซินเดอเรลลา สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ เพื่อต้อนรับบรรดาแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายที่ถือการ์ดเชิญแผ่นใหญ่ พิมพ์ด้วยอักษรทองอย่างงดงามไว้ในมือ กลิ่นน้ำหอมหลากชนิดกระจายล่องลอยไปตามสายลม ไม่ว่าบุคคลเหล่านี้จะย่างกรายไปในที่แห่งใด วันนี้มิกกี้ เม้าส์ ถือชั้นวรรณะเป็นพิเศษไปจากธรรมดา เขาเชิญคน 1,000 คน ซึ่งเป็นแขกผู้มีเกียรติสูงสุดเท่านั้น
และสิ่งหนึ่งที่มิกกี้ เม้าส์ ประสบความสำเร็จในวันเปิดที่มโหฬารนี้คือ นักดนตรี 124 คน จาก 63 ประเทศ และอีก 30 คนจากมลรัฐต่างๆมาบรรเลงร่วมกันในวงดนตรีวงใหญ่ และเป็นครั้งแรกที่วงดนตรีซิมโฟนีออเคสตร้าของโลกออกแสดงบนเวที เป็นพิธีเปิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจริงๆนักดนตรีแต่ละคนได้รับเกียรติอย่างสูง และได้รับการแนะนำตัวเป็นรายบุคคลต่อผู้เข้าชมทั้งหลาย โฆษกวันนี้คือ ผู้พากย์ให้เสียงมิกกี้ เม้าส์ ในภาพยนตร์ต่างๆและคนสำคัญที่สุดคนสุดท้ายที่ได้รับการแนะนำเมื่อเสียงรัวกลองเงียบสงบลงแล้ว ผู้นั้นคือผู้คุมวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ อาเธอร์ ฟิดเลอร์ จากเมืองบอสตัน เมื่อดนตรีคอนเสริต์สิ้นสุดลงแล้ว แชมเปญก็ถูกเปิดเป็นเกียรติแก่นักดนตรีทั้งหลาย เสียงพูดคุยดังกระหึ่มจากกลุ่มผู้ชมส่วนมาก กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ไพเราะเหลือเกิน
ทุกคนถือแก้วแชมเปญไว้ในมือ และเดินไปมาในปราสาทแก้วของดิสนีย์เวิลด์ เสียงพูดคุยจากกลุ่มผู้มีเกียรติดังกลบเสียงดนตรีจนหมดสิ้น งานคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงเที่ยงคืน หลังจากนั้นความเงียบสงบก็กลับเข้าครอบคลุมโลกแห่งเทพนิยายอีกครั้งหนึ่ง
พิธีเปิดกินเวลาสามวันติดต่อกัน การร้องประสานเสียงวงใหญ่และดุริยางค์วงใหญ่คงดำเนินต่อไป การแสดงที่จะหาที่ไหนมาเปรียบเทียบไม่ได้อีกแล้วถูกถ่ายทอดทางโทรทัศน์ไปทั่วสหรัฐอเมริกา เป็นเวลานานถึง 90 นาที และเป็นรายการแสดงมโหราฬที่สุด ประชาชนได้ชมทางโทรทัศน์ สายการบิน อิสเทอร์น แอร์ไลนส์ บริษัทค้าเห็ก เอส สตีล และบริษัทฟิลม์ กาฟ ต้องจ่ายเงินอีกเป็นจำนวนล้านๆเพื่อจะได้รับสิทธิ์ทำการถ่ายทอดโทรทัศน์และถ่ายหนังได้
ด้วยดวงตาเจิดจ้าเป็นประกาย สาวน้อยเล็กๆคนหนึ่งยืนอยู่หน้าร้านขายของเล่นแห่งหนึ่งในดิสนีย์เวิลด์ ผู้ปกครองเธอต้องจ่ายคนละสองร้อยบาทและสำหรับเธออีกแปดสิบบาท เป็นค่าผ่านประตู เธอยืนอยู่ที่นั่นและกอดตุ๊กตามิกกี้ เม้าส์ ตัวหนึ่งไว้แน่น ราวกับจะไม่ยอมให้มันพรากจากเธอไปได้ แต่หนูน้อยที่น่าสงสารคนนี้ไม่รู้หรอกว่า พ่อของเธอไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อตุ๊กตาราคา 15 เหรียญตัวนี้ให้เธอได้ สำหรับสาวน้อยคนนี้เธอต้องจากดิสนีย์เวิลด์ ไปด้วยความเศร้าสร้อย
และคำพูดประโยคสุดท้ายของ ผู้นำเที่ยว เมื่อการท่องเที่ยวไปในโลกแห่งความมหัศจรรย์ของ วอลต์ ดิสนีย์ สิ้นสุดลง ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย เราได้มาถึงส่วนที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดของการท่องเที่ยววันนี้แล้ว นั่นคือกลับไปสู่โลกที่ยุงเหยิงอีกวาระหนึ่ง
อ้างอิงจากหนังสือ : Walter Elias Disney