แด่ ก๋ง คนจีนผู้รักแผ่นดินไทย และเข้าใจคนไทย
ข้าพเจ้ามีความฝังใจอยู่นานแล้วว่า จะต้องถ่ายทอดชีวิตประจำวันของคนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาอาศัยแผ่นดินไทยเป็นที่อยู่ ที่ทำมาหากิน และบ้างก็ยึดเป็นเรือนตาย นั่นคือชีวิตของคนจีน โดยเฉพาะคนจีนที่เข้ามาอยู่อย่างยากจน และทำงานหนัก
เมื่อยังเด็ก ข้าพเจ้ามีชีวิตส่วนหนึ่งนานหลายปี อยู่ในห้องแถวเก่าๆของตลาดอันมืดๆทึมๆ เป็นชีวิตที่ยากจนกระเบียดกระเสียน ต้องทำงานเพื่อแลกเงินแลกอาหาร เคยขายของหน้าวิกลิเก เคยเป็นคนขายปลาหมึกย่าง ในคืนที่มีหนังกลางแปลง เวลามีงานงิ้วประจำปี เด็กวัยเดียวกันได้ไปเที่ยวเตร่สนุกสาน แต่ข้าพเจ้าต้องเป็นเด็กเสริฟ์ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยและหอยแมลงภู่ทอด ตั้งแต่ค่ำไปจนงิ้วเลิกตอนตีหนึ่งตีสอง แม้แต่งานช่วยขายธูปเทียนและกระดาษทองไหว้เจ้าในโรงเจ ข้าพเจ้าก็เคยทำมาแล้ว งานเรียงของหน้าร้านค้าในตลาดหรือการเทินถาดห่อหมก ขนุน ฯ เร่ขายไปตามตลาดนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของข้าพเจ้าของข้าพเจ้า ผู้ซึ่งขณะนั้นยังเรียนชั้นประถมอยู่ที่โรงเรียนประชาบาล
วันเวลาเหล่านั้นผ่านข้าพเจ้าไปประมาณยี่สิบปีแล้ว แต่ยังประทับอยู่ในความทรงจำของข้พเจ้าอย่างลืมไม่ลง และลืมไม่ได้ นอกจากจะลืมไม่ลง และลืมไม่ได้แล้ว ข้าพเจ้ายังต้องอวดอ้างอดีตเหล่านั้นอย่างภาคภูมิ
ข้าพเจ้ามิได้เป็นคนเดียวในโลกที่มีชีวิตวัยเด็กอย่างยากจนและเหน็ดเหนื่อย เมื่อข้าพเจ้าลงมือเขียนเรื่องนี้ ภาพฝังใจเก่าๆ ก็ผุดพร่างขึ้นมาอย่างกระจ่างชัด เหตุการณ์ต่างๆบุคคลต่างๆสถานที่ต่างๆที่ตกตะกอนอยู่กับอดีตเมื่อยี่สิบปีก่อนโลดเร่าขึ้นมา แต่ข้าพเจ้าก็พยายามที่จะตัดทอนกิ่งเล็กแขนงน้อยอันหยุมหยิมเกินไปออกจากแต่ละบทที่เขียนขึ้น เพราะข้าพเจ้าตระหนักดีว่าเรื่องอันเป็นส่วนตัวของผู้เขียนจนเกินไปนั้นอาจจะไม่เหมาะไม่ควรที่จะบันทึกไว้ในหนังสือ สิ่งที่ปรากฏอยู่ในเล่มนี้ และอาจจะมีเล่มต่อๆไปอีกในชุดเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าจึงมั่นใจว่าจะมีสาระเพียงพอกับการอ่าน
คนจีนเป็นผู้ที่ข้องติดอยู่กับอดีตอย่างเหนียวแน่น ไม่ว่าจะเป็นขนบธรรมเนียมประเพณี ลัทธิความเชื่อ หรือวัฒนธรรมทางสังคมอื่นๆแต่ปัจจุบันนี้เด็กจีนรุ่นใหม่ๆที่ได้รับการศึกษาสูงๆได้ปลีกตัวเองออกจากสิ่งเก่าๆที่คนรุ่นก่อนได้ยึดเหนี่ยวไปบ้างแล้ว แต่กระนั้นสิ่งเก่าๆก็ยังไม่หมดไป และคงต้องใช้เวลาอีกนานมาก อาจจะหลายชั่วอายุคน
เด็กลูกหลานจีนที่เกิดในเมืองไทย มีสำนึกอย่างเหนียวแน่นแฟ้นว่าเป็นคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับการศึกษาสูงๆด้วยแล้ว ดูจะไม่ได้หวนกลับไปคิดเลยว่าเขาเป็นคนชาติอื่น นี่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็น ได้วินิจฉัย ได้ตามสังเกตมานานแล้ว
เรื่อง อยู่กับก๋ง นี้ ข้าพเจ้าต้องการให้เป็นสื่อความเข้าใจระหว่างผู้เป็นเจ้าของประเทศกับผู้อาศัย ทั้งจากประสบการณ์ในอดีตที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นและได้รู้สึก นอกเหนือจากที่ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของความสัมพันธ์ระหว่างชนชาวไทยกับชนชาวจีน ที่ยั่งยืนมานับร้อยนับพันปีแต่ครั้งโบราณกาล อันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ถึงเกลียวเงื่อนอันกระชับแน่นอย่างแท้จริงของชนสองเชื้อชาตินี้
ข้าพเจ้ามั่นใจอย่างยิ่ง คนจีนในเมืองไทยทั้งมวลรักแผ่นดินผืนนี้ รู้บุญคุณ และกตัญญูต่อร่มเงาที่ให้ความเกษมสุขและให้เสรีภาพอย่างเต็มเปี่ยมจนกล่าวได้เต็มปากว่า ไม่เคยมีความสุขที่คนจีนได้รับจากที่ใดเท่าจากผืนแผ่นดินไทย ในบางช่วงของกาลเวลา ความขัดแย้งขุ่นหมองจากการก่อขึ้นของคนจีนหรือคนเชื้อจีนบางกรณี อาจจะนำความระคายเคืองมาสู่ผู้เป็นเจ้าของประเทศ แต่ขอได้รับรู้ไว้ด้วยเถิดว่า นั้นเป็นการกระทำของบุคคลเพียงกลุ่มน้อยนิดเท่านั้นเอง
แผ่นดินไทยและคนไทยไม่เคยให้โทษภัยแก่คนจีนที่สุจริต นั้นย่อมเป็นตราแห่งสัจจะที่ประทับแน่นอยู๋ในสำนึกของคนจีนผู้เข้ามาอาศัยพระบรมโพธิสมภาร และด้วยสำนึกอันลึกซึ้งและแน่นแฟ้นนี้เอง ชาวจีนอย่าง ก๋ง จึงมีมากมาย
คนจีนอย่าง ก๋ง มิได้มีแต่เพียงในหนังสือเล่มนี้เท่านั้น หากแต่มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกชุมชนที่คนจีนกระจัดกระจายไปถึง ไม่ว่าจะในเมืองหรือในชนบทกันดาร ชีวิตของ ก๋ง บนแผ่นดินไทย เป็นชีวิตของคนธรรมดาสามัญทำงานเลี้ยงชีพของตนและผู้อื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างจริงจังเอื้อเฟื้อต่อเพื่อนบ้านเมื่อมีโอกาสเปิดช่อง เกรงกลัวและรักษากฏหมายบ้านเมืองไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและกฏแห่งกรรมตามคติความเชื่อแบบจีนเก่า และที่จะมองข้ามมิได้เลยก็คือมีความเข้าใจในความเป็นไทยและรักคนไทย
เนื้อหาสาระที่บรรจุอยู่ในเล่มนี้ นอกจากจะเป็นบันทึกชีวิตของเด็กห้องแถวคนหนึ่งในชนบทแล้ว ข้าพเจ้ายังพยายามสอดใส่ทัศนคติต่อชีวิต สังคม วัฒนธรรม ฯลฯ ไว้ด้วย ทั้งนี้ขอให้รำลึกไว้ด้วยว่าข้าพเจ้ามิได้มีความมุ่งหมายแสดงปรัชญาชีวิตของคนจีน หากแต่ปรารถนาจะถ่ายทอดสิ่งที่เห็นว่าน่าสนใจที่ได้เคยผ่านพบและได้ยินได้ฟังมาบ้างแต่ครั้งเยาว์ และเห็นว่าน่าบันทึกไว้ อย่างน้อยๆความคิดเห็นเหล่านั้นคงไม่ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิงในเมื่อมันได้มาจากการต่อสู้เพื่ออยู่รอด และเคล็ดลับเกลียวกลในการดำเนินชีวิตและอาชีพของคนกลุ่มหนึ่งที่พลัดแผ่นดินเกิดมาและมีความหวังว่าอนาคตจะต้องดีกว่าอดีตและปัจจุบัน
ข้าพเจ้าจะเป็นสุขมากถ้าประจักษ์ว่า อยู่กับก๋ง นี้ได้ทำหน้าที่เป็นสะพานอันหนึ่งที่ทอดข้ามความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกัน ฯลฯ ระหว่างคนจีนกับคนไทย ถ้าหากมีอยู่ หรืออาจจะมีขึ้นในกาลภาคหน้า และจะภูมิใจที่สุด ถ้าคนจีนทุกคนที่อ่านหนังสือไทยออกได้อ่านเรื่องนี้บ้าง เพื่อที่เขาจะได้เกิดความคิดเปรียบเทียบในใจตัวเองบ้างว่าจะอยู่ในเมืองไทยนี้เยี่ยง คนของแผ่นดิน หรือจะอยู่ไปอย่างคนที่เป็น เสี้ยนแผ่นดิน
วาระนี้ข้าพเจ้าขอขอบคุณ คุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ ผู้จัดทำนิตยสาร ฟ้าเมืองทอง รายเดือน ที่เปิดโอกาสให้ อยู่กับก๋ง ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ต่อสาธารณะตั้งแต่ฉบับปฐมฤกษ์
ส่วน ก๋ง ผู้เป็นเลือดเนื้อและหัวใจของหนังสือชุดนี้อยู่เหนือคำขอบพระคุณทั้งหลายทั้งปวง เพราะ ก๋ง เป็นบุคคลที่มีความหมายสูงสุดในชีวิตของข้าพเจ้าชั่วนิรันดร์
ก๋ง สอนข้าพเจ้าเสมอว่า ความกตัญญูคุณ เป็นรัตนาภรณ์ของมนุษย์
หยก บูรพา