ความฝันของใครคนหนึ่งจะเป็นจริงขึ้นมาได้นั้น แน่นอน…คุณต้องเริ่มลงมือสร้างมันขึ้นและสร้างมันอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆที่มาขวางกั้น เมื่อคุณพยายามให้ถึงที่สุด วันหนึ่ง…ความสำเร็จจะหลั่งไหลพรั่งพรูมาสู่คุณ ด้วยวิธีการอันน่าทึ่ง และอาจจะมากกว่าที่คุณคิดไว้
เช่นเดียวกับแบรนด์เสื้อผ้าของ สาวสวยมากความสามารถ คุณปฏิญญา เกี่ยวข้อง (กีต้าร์) ที่ไม่เคยหยุดฝัน ไม่เคยยอมแพ้ เธอไม่เคยหยุดที่จะสร้างมันขึ้นมา ทำให้ในเวลาไม่ถึง 2 ปี แบรนด์เสื้อผ้าสุดชิค PATINYAกลายมาเป็นแบรนด์แฟชั่นแถวหน้าที่ใครๆต่างให้ความยอมรับ และมีวางจำหน่ายอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย
“ต้าร์เป็นคนที่ชอบแฟชั่นมาตั้งแต่จำความได้ค่ะ เพราะคุณแม่เป็นแรงบันดาลใจให้ คุณแม่จะเป็นคนแต่งตัวเก่งมาก จะเป็นคนที่คอยอัพเดทเทรนอยู่ตลอด จำได้ว่าคุณแม่จะพาต้าร์ไปซื้อผ้าที่พาหุรัด บางลำภู ซึ่งต้าร์ก็ซึมซับความชอบนั้นโดยที่ไม่รู้ตัวว่า ทุกครั้งที่เวลาเห็นผู้หญิงใส่เสื้อผ้าบางทีก็ไปแอบจับของเค้า อยากรู้ว่าเป็นผ้าอะไร เนื้อผ้ายังไง
อีกคนคือคุณยาย คุณยายเป็นช่างตัดผ้าเก่า จะสอนต้าร์เย็บจักร เป็นจักรแบบถีบ ต้าร์จำได้ว่าเย็บชุดตุ๊กตาตอนแรกสมัยอายุ 9-10 ขวบ ใช้จักรผู้ใหญ่เย็บโดยที่ไม่ได้เรียนแพทเทริน์มาก่อนเลย แต่สามารถใส่ให้ตุ๊กตาบาร์บี้ได้พอดีแป๊ะ ไม่รู้เรียกว่าเป็นพรสวรรค์รึเปล่า แต่ต้าร์เรียกว่าเป็นความชอบจริงๆ
ต้าร์เรียนหนังสือปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่จะเก่งวิชาพวกศิลปะ วิชาหัตถกรรม ต้าร์เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่เห็นแววมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าต้าร์ชอบด้านนี้ ทุกครั้งที่ขอเรียนพิเศษเกี่ยวกับด้านวาดรูป คุณพ่อคุณแม่ก็จะสนับสนุน จนต้าร์เรียนจบแล้วก็ไปเรียนต่อแฟชั่นดีไซน์ที่ University of the Arts London ที่เกี่ยวกับอาร์ตแอนด์ดีไซน์จริงๆ พอไปแล้วมันเป็นเหมือนวัคซีนให้ต้าร์ เป็นเหมือนตัวกระตุ้น ทำให้สิ่งที่ต้าร์เรียน ที่ต้าร์ชอบมาตั้งแต่เด็กถูกกระตุ้นขึ้นมาให้รู้สึกว่า นี่แหล่ะคือชีวิต คือเรื่องจริง
เวลาต้าร์ว่างต้าร์ก็จะไปดูมิวเซียมกับอาจารย์กับเพื่อนๆ อย่างคลาสที่เรียนดรออิ้ง เป็นการดรออิ้งแบจริงจัง คลาสที่เป็นtextileก็จะเรียนรู้เกี่ยวกับเนื้อผ้าแต่ละชนิด แล้วก็ยังมีคลาสที่เรียนดีไซน์หรือการตัดเย็บ ทุกวันที่เรียนเป็นวันที่มีความสุขมาก เป็นวันที่ต้าร์ไม่เคยรู้สึกว่าเบื่อหรือผิดหวังเลยที่ชอบด้านนี้
ต้าร์เรียนทางด้านแฟชั่นอังกฤษ 3 ปี จบแฟชั่นดีไซน์ เอกทางด้านเสื้อผ้าผู้หญิง แต่ตอนที่ต้าร์เรียนแรกๆก่อนที่เค้าจะให้ต้าร์เลือกเรียนว่าที่ไหน สาขาอะไร มีติวเตอร์คนนึงบอกว่าต้าร์ควรจะไปเรียนจิวเวลลี่ดีไซน์ แต่ตัวเองก็ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ เพราะหลงใหลการทำเสื้อผ้าผู้หญิง แต่ตอนนี้เอาเข้าจริงๆแล้วต้าร์ชอบทั้งสองแบบ เพราะเป็นคนชอบงานด้าน อาร์ตแอนด์ดีไซน์ อยู่แล้วทุกแขนง
ด้วยความที่ต้าร์จบแฟชั่นดีไซน์มา ตอนนั้นมันเป็นงานด้านที่เงียบ ไม่บูมเหมือนตอนนี้ การที่ตาร์จะไปทำแบรนด์ของตัวเองเลยนั้น คุณแม่เห็นว่ายังไม่พร้อม คุณแม่เลยแนะนำว่า อยากทำด้านแฟชั่นก็ควรมีคอนเนคชั่น ควรรู้จักคนในแวดวงแฟชั่นก่อน เลยเป็นจุดที่ทำให้ตาร์ไปสมัครงานที่ชิคชาแนลก่อน เป็นช่องแฟชั่น 24 ชั่วโมงช่องแรกของประเทศไทยในตอนนั้น แล้วก็ทำงานเป็นหัวหน้าแผนกแฟชั่น ดูแลคิวพิธีกร ดูแลลุคของตัวพิธีกร ดูแลคอนเทนท์ ดูแลรายการที่เราผลิตเองเกี่ยวกับแฟชั่น ทำอยู่ 2 ปี ถือว่าได้ประสบการณ์มาก เพราะต้าร์ได้ไปสัมภาษณ์ดีไซน์เนอร์ระดับประเทศอย่างพี่ไข่ บูติค พี่เจี๊ยบ พิจิตรา พี่รี่ เซเนด้า แล้วก็ได้ไปดูโชว์รันเวย์ของแบรนด์ไทยทั้งหมด จากเด็กคนนึงที่ไม่มีคอนเนคชั่นในด้านวงการแฟชั่นไทยเลย มันทำให้ต้าร์ได้ใกล้ชิดกับกลุ่มดีไซน์เนอร์ไทยมากขึ้น รู้สึกมีความสุขมาก มีความสุขทุกวัน
จนทำได้ 2 ปี ต้าร์ก็เริ่มอิ่มกับวงการทีวี คราวนี้ในชีวิตนี้ต้าร์มีอาชีพในฝันเลย 3 อาชีพ อาชีพแรก ต้าร์ต้องเป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์ มีแบรนด์ภายใต้ชื่อของตัวเอง สองคือเป็นแฟชั่นอิดิเตอร์ อันดับที่สามเป็นแบรนด์เมเนเจอร์ของลักชัวรี่แบรนด์ที่เป็นอินเตอร์เนชั่นแนลนำเข้ามาจากประเทศอื่น ซึ่งพออันที่เข้ามาปุ๊ป ต้าร์ก็มีโอกาสเข้าไปคุยกับทาง Seventeen Magazine แล้วไปทำงานเป็นแฟชั่นอิดิเตอร์กับเค้า มันได้สานฝันอันแรกคือแฟชั่นอิดิเตอร์ ทำอยู่ 8 ปี ทำให้ต้าร์รู้จักคนในวงการเยอะขึ้น รู้จักวิธีการทำงานด้านนิตยสาร รู้จักวัฒนธรรมแฟชั่นของเมืองไทยมากขึ้น ได้ดูคอลเลคชั่นก่อนคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไทย แบรนด์เมืองนอก ไปในงานเปิดตัวต่างๆซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่ดี และได้เก็บเกี่ยวเอามาให้ต้าร์เป็นต้าร์ในวันนี้ค่อนข้างเยอะมาก
แต่ตอนที่ต้าร์เป็นแฟชั่นอิดิเตอร์อยู่ด้วย ต้าร์ก็ทำแบรนด์เล็กๆกับเพื่อนมาตลอดเวลา ทำสนุกๆ เพราะต้าร์ไม่เคยละฝันในการเป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์ถึงแม้ต้าร์ทำงานประจำ ต้าร์ก็จะทำเสื้อผ้าฝากร้านเพื่อนขายบ้าง สมัยก่อนฝากเพลย์กราวน์ที่ทองหล่อ เพราะอินเตอร์เน็ตยังไม่ดัง จนมาวันนึงคุยกับเพื่อนสนิทคนนึง ก็ทำแบรนด์เล็กๆชื่อ มีนนิ่งฟลู เป็นแบรนด์เสื้อผ้า ไม่มีคอลเลคชั่นหรอก อยากทำอะไรก็ทำออกมาขาย ซึ่งฟีดแบคดีมาก ทำอยู่ประมาณ 5 ปี ที่เซ็นทรัลเวิลด์ จนไฟไหม้ ร้านต้าร์โดนผลกระทบคือ ไฟไหม้หมดเลย ทำให้หุ้นส่วนต้าร์ที่เป็นเพื่อนอีกคนเค้ามีความรู้สึกอิ่มตัวแล้วที่จะทำ เค้าจะไม่ทำแล้ว เพราะเหมือนต้องลงทุนใหม่หมด ต้าร์มีความรู้สึกว่าความฝันของต้าร์ยังไม่จบ ก็พยายามคิดไตร่ตรองจนต้าร์มีความรู้สึกว่าอิ่มตัวกับการทำแบรนด์เล็กๆแล้ว อีกอย่างต้าร์มีความรู้สึกว่าพร้อมแล้ว ที่จะทำแบนรด์ภายใต้ชื่อตัวเอง นั่นก็คือก็ PATINYA นั่นแหล่ะก็เลยฟอร์มทีมเลย มีออฟฟิศของตัวเอง มีช่างเย็บมืออาชีพ มีห้องแพทเทริน์ ห้องตัดเย็บ มีฝ่ายมาร์เก็ทติ้ง ฝ่ายบัญชี เหมือนออฟฟิศปกติทั่วไปเลย เริ่มแรกก็มีพนักงานประมาณ 10 กว่าคน ต้าร์ก็เริ่มทำคอลเลคชั่นแรกออกมา แล้วเปิดตัวเมื่อประมาณต้นปีที่ 2011 ปีนี้จะเข้าปีที่ 2 ซึ่งคอลเลคชั่นแรกที่เปิดตัวมาก็ได้รับผลตอบรับดีมาก
ทางห้างไม่ว่าจะเป็นเซน หรือชิดลม ก็ให้ต้าร์เข้าไปเปิดช็อป ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการเข้าที่ยากมาก ถ้าคนทำแฟชั่นจะรู้ว่าการที่เราจะเข้าไปที่ห้างเนี่ย บายเออร์ของห้างเค้าค่อนข้างสตริค ทุกอย่างจะต้องเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นคอลเลคชั่นที่ต้องคอมพลีท พวกอินเวนทอรี่ที่มีการทำอย่างเป็นระบบ หรือจะเป็นพวกเปอร์สเปคทีฟร้านต่างๆซึ่งต้องมีความชัดเจน ตัวแบรนด์มันต้องแข็งแรง พอผ่านมาได้ ต้าร์ดีใจมาก และทางพารากอนก็ให้การสนับสนุนมาตลอดเวลา มีลานโปรโมชั่นก็เชิญมาร่วมตลอด ต้าร์ก็ไปเปิดเพื่อพิสูจน์ยอดขาย หรือในเฟสบุ๊คเอง ซึ่งกระแสเฟสบุ๊คดีมาก คนชอบเยอะ มีคนคลิ๊กไลท์ประมาณเกือบ30000และทุกครั้งที่ต้าร์โพสอะไรก็จะมีแฟนคลับในเฟสบุ๊คแฟนเพจก็จะเข้ามาคอมเม้นท์ เข้ามาให้กำลังใจตลอดเวลา ทุกวันนี้เวลาต้าร์เดินไปไหน สิ่งที่ต้าร์ได้รับฟีดแบคที่ดีมากๆคือคนจะเข้ามาชื่นชม อาจจะไม่ได้ซื้อวันนี้แต่ขอบอกว่าเป็นแบรนด์ในดวงใจ แค่นี้ต้าร์ก็ดีใจแล้ว ขอแค่ให้คนรู้จักแบรนด์PATINYA ในลักษณะที่เค้ารู้จักเราจริงๆมันก็เป็นความสุขของคนทำงานศิลปะ PATINYAไม่ได้มีความคอมเมอร์เชียลมาก ไม่ได้ออกคอนเลคชั่นมาเพื่อให้ตลาดมันดูแมสมาก แต่ออกคอลเลคชั่นมาให้มันดูพรีเมี่ยม ของบางตัวต้าร์ผลิตไม่เยอะเพราะเนื่องจากผ้าที่อิมพอร์ทมาจากเมืองนอก ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี หรือในเมืองไทยก็มีแหล่ะที่เราต้องใช้ แต่ผ้าบางตัวต้าร์ก็ซื้อได้แค่ 20 เมตร ทำได้ 8-10ตัว ฉะนั้นความพรีเมี่ยมของมันอยู่ตรงนี้ ประกอบกับจุดเด่นของแบรนด์ PATINYA คือ ความละเอียดอ่อน ความปราณีตในการตัดเย็บ มีการดัดแปลงแพทเทริน์ที่มีชั้นเชิง ใส่ใจในรายละเอียด มีศิลปะอยู่ในตัวเสื้อผ้าด้วย เหล่านี้ส่งผลให้ผลตอบรับดีมาก นอกจากตอนนี้เป็นเจ้าของแบรนด์ เป็นดีไซน์เนอร์ ต้าร์ยังเป็นแบรนด์เมเนเจอร์ให้กับแบรนด์แพนดอร่าPandora คือแบรนด์แอสเซสเซอรรี่มาจากเดนมาร์ก ซึ่งตอนนี้เราก็มีสิบสาขา
ที่ปรึกษาในการเปิดแบรนด์ปฏิญญา
ต้าร์มีพาร์ทเนอร์ ชื่อคุณนนท์ เค้าช่วยต้าร์ทำมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งแน่นอนความเป็นอาร์ทติสในตัวต้าร์จะไม่ได้เก่งเรื่องมาเกตติ้งมาก ต้าร์จะมีคุณนนท์เป็นเพื่อนสนิทมาช่วยรันในการทำมาร์เก็ตติ้ง ในการดูแลร้าน ติดต่อวางบิลกับห้าง การรับเช็ค การเคลียร์สต๊อก เช็คอินเวนทอรี่ต่างๆถือว่าแบ่งเบาภาระในระดับนึง ส่วนของต้าร์ก็พาร์ทดีไซน์ โปรดักชั่น คุมในเรื่องของความครีเอท และองค์ประกอบรวมทุกอย่าง
แรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้า
ตอนนี้ PATINYA มี3คอลเลคชั่นแล้วกำลังจะมีคอลเลคชั่นที่ 4 ประมาณเดือนกุมภา แรงบันดาลใจต้าร์มาจากสิ่งรอบตัว สิ่งที่ต้าร์โฟกัส สิ่งที่ต้าร์สนใจ ประสบพบเห็นในช่วงเวลานั้น อย่างคอลเลคชั่นแรก ต้าร์รู้สึกว่าจะหาแรงบันดาลใจมาจากไหน ก็พยายามคิด มองไปมองมามันก็ไกลตัวมากเลย เลยเอาตัวเองนี่แหล่ะเป็นแรงบันดาลใจในคอลเลคชั่นแรก
ต้าร์เป็นลูกคนกลาง มีความยูนีค เชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง แต่ไม่สูงจนเกินไปนะ มีมุมมองความคิดที่เด็ดขาด ต้าร์รู้จักตัวเองดีมากและมีความขบถในตัวเอง ต้าร์จะบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าต้าร์เป็นคนอ่อนโยน แต่ไม่ได้อ่อนแอ ดังนั้นคอลเลคชั่นแรกของต้าร์เลยใช้ชื่อว่า Wednesday Child แปลว่าลูกคนกลาง ต้าร์จะหยิบเอาคอลเลคเตอร์ของลูกคนกลาง ซึ่งเป็นตัวเอง มาตีแผ่เป็นคอลเลคชั่น ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานเนื้อผ้าแข็งกับผ้าเนื้อนิ่ม ซึ่งมารวมกันอยู่ในตัวเดียว ต้าร์มีความรู้สึกว่า ในความแข็งของต้าร์ก็มีความอ่อนโยน อ่อนไหว ขี้น้อยใจ มีอารมณ์ขี้งอนเล็กๆ ต้าร์ก็จับมาทวิสเป็นการทวิสผ้าที่เป็นการบิด ต้าร์ใช้คำว่างอนมาเป็นการบิด มีอารมณ์อ่อนไหว มีผ้าที่เป็นชีฟองทรู ซึ่งมีความเป็นเส้นบางๆของลูกคนกลางว่าอาจจะมีความน้อยใจอยู่เล็กๆนำมาตีแผ่เป็นคอลเลคชั่นหนึ่ง
พอคอลเลคชั่นที่ 2 ช่วงนั้นเมืองไทยกำลังอยู่ในภาวะน้ำท่วม ต้าร์ต้องอพยพไปอยู่หัวหิน ต้องไปนั่งทานข้าวริมทะเลทุกวัน นั่งยันห้าทุ่มเที่ยงคืนทุกวัน ไม่มีอะไรทำ แล้ววันนึงต้าร์ก็มองไปนอกทะเล ต้าร์เห็นผืนน้ำมีดวงจันทร์ ทอแสงออกมาระยิบๆแล้วเป็นช่วงที่โรงแรมเปิดเพลง Moonlight Serenade ของ Glenn miller ในยุค 60 70 ต้าร์ฟังแล้วก็อิน ฟังเพลงนี้ทุกวัน เพราะมาโรงแรมเดิมทุกวัน มีบางข้อความตัดออกนะคะ ก็เลยเป็นที่มาของชื่อผลงานนี้ก็คือ Moonlight Serenade ตีแผ่อารมณ์รักจากเพลง จากบรรยากาศของท้องทะเล จากแสงจันทร์ มาเป็นคอลเลคชั่น ดังนั้นคอลเลคชั่นที่ผ่านมาของต้าร์ก็จะมีลูกไม้ ซึ่งเวลาเรามองริมทะเลในเวลากลางคืน ต้นไม้จะเป็นเงา ต้าร์ก็เอาเงาของต้นไม้มาตีแผ่เป็นผ้าลูกไม้ จะมีความโปร่งความทึบเหมือนเงา สีที่เป็นแมคโทรนิคต้าร์ก็จะเอามาจากบริเวณริมทะเล ดวงจันทร์เวลามันส่องบนผิวน้ำจะมีความระยิบระยับเหมือนเฉดผ้าเมททาลิคที่ต้าร์นำมาใช้ มีการใช้เลื่อมมาตกแต่ง เพราะมีความรู้สึกว่ามันมีความระยิบเหมือนผิวน้ำ ผ้าก็จะเป็นผ้าชีฟองซีทรู เหมือนเวลาแสงจันทร์ที่ส่าดส่องลงมาตอนกลางคืน ต้าร์ก็ตีว่าเป็นผ้าบางๆ ในความมืดมันยังมีความสว่างของผ้าบางๆอยู่ ก็เป็นคอลเลคชั่นที่ 2ที่ผ่านมา
พอคอลเลคชั่นที่ 3 ต้าร์ใช้ชื่อ Dreaming to the Atlantic เกิดจากวันนึงที่ต้าร์หลับและฝันว่าไปยืนอยู่บนหน้าผาที่เป็นสามเหลี่ยม ในความฝันน่ากลัวมาก ข้างล่างมันเป็นก้อนเมฆเต็มไปหมด ต้าร์ยืนอยู่คนเดียวไม่มีใครอยู่เลย ตื่นเช้าขึ้นมาวันนั้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ต้าร์ก็เลยเล่นอินเตอร์เน็ต เสริช์ไปเรื่อยๆจนต้าร์เสริช์เจอคำว่า Atlantic ซึ่งเป็นเมืองที่เค้าร่ำลือกันว่ามันจะมีหรือไม่มีจริงในโลก เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่สูงส่ง มนุษย์ในเมืองนั้นเป็นคนที่มีศีลธรรมมาก มีแต่คนชั้นสูง เป็นเมืองที่มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นศิลปะและวัฒนธรรม บังเอิญต้าร์คลิ๊กเข้าไปที่อิมเมจรูป จะมีมโนภาพที่มันคล้ายกับในฝันต้าร์มากๆเลย ต้าร์เลยมีความรู้สึกว่าคอลเลคชั่นที่ 3 ของต้าร์คือ Dreaming to the Atlantic ต้าร์ตีโจทย์ตรงนั้น โดยเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นที่ 3 จะมีความเป็นสถาปัตยกรรมมากขึ้น มีเหลี่ยม มีมุม มีความแข็งของเชฟ มีความเหมือนสถาปัตยกรรมด้านอาร์ท ไม่ว่าจะเป็นการตั้งมุม ตั้งฉาก หรือจีโอแมททริคที่เป็นรูปเหมือนการตัดต่อ การต่อ การเชื่อมของผ้า หรือดีเทลที่จะเป็นกึ่งๆสถาปัตยกรรมเล็กๆ ด้วยความที่แบรนด์ PATINYA ต้าร์ใช้คอนเซ็ปที่ว่า ต้องมีความเป็นชาวกรุง มีความเป็นผุ้หญิง อารมณ์อ่อนไหว ดังนั้นเสื้อผ้าจะแข็งมากก็ไม่ได้ แต่ก็สอดแทรกตัวตน ดีเอ็นเอ ของแบรนด์เข้าไปด้วย ทำให้คอลเลคชั่นนี้มีความแข็งแกร่ง มีความเป็นแฟมินีน เป็นคอลเลคชั่นที่ต้าร์ได้รับการตอบรับดีมาก ต้าร์มองว่าที่ได้รับการตอบรับดีมากทุกคอลเลคชั่น เพราะสื่อให้การสนับสนุนมาก ไม่ว่าจะเป็นการยืมไปถ่าย สัมภาษณ์ แนะนำ ว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มาแรง เป็นฟีดแบคที่ดี เป็นกำลังใจให้กับชีวิตคนทำงานดีไซน์อย่างต้าร์
การเลือกนางแบบสำหรับแบรนด์ปฏิญญา
ต้าร์เลือกเอง ทุกขั้นตอนต้องผ่านการดูแลของต้าร์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนางแบบ หน้า ผม ลุค อารมณ์ มูดโทนในการชู๊ดติ้ง ลุคบุค เสื้อผ้า เนื้อผ้า ด้าย ผ้าซับใน ผ้ากราวน์ ทุกอย่างต้าร์ดูแลด้วยตัวเองหมดทุกอย่าง ต้าร์เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิสต์ เรื่องดีเทลต้าร์จะพยายามไม่ปล่อยให้พลาด เพราะเป็นคนดูรายละเอียดเอง ดังนั้นเสื้อผ้าที่ออกมาต้องมีความปราณีต แล้วก็ต้าร์ต้องพอใจก่อน เวลาต้าร์ทำตัวต้นแบบที่เป็นโฟโต้ไทฟ์ขึ้นมาต้าร์ต้องลองเองทุกครั้ง ถ้าต้าร์ใส่ไม่สวยหรือไม่ชอบ ต้าร์จะไม่ยอมผลิตออกมา เสียเวลาก็เสียเวลา เพราะถ้าต้าร์ไม่หลงรักเสื้อผ้าของตัวเองแล้วใครจะมาหลงรักล่ะ มันต้องผ่านความชอบของต้าร์ก่อน มุมมองที่มีความรู้สึกว่าต้าร์รักชุดนี้จังเลย ล่าสุดต้าร์ทำคอลเลคชั่นสปริงซัมเมอร์ที่จะวางปีนี้ ทุกชุดที่ต้าร์ลอง ต้าร์จะหลงรักคอลเลคชั่นชุดนี้มากกว่าคอลเล็คชั่นที่แล้วอีก ยิ่งเห็นยิ่งรัก ยิ่งใส่ใจในรายละเอียด แอบคิดเองว่าคนที่เอาเสื้อผ้าต้าร์ไปใส่ก็ต้องรักเสื้อผ้าต้าร์ด้วยเช่นกัน
แบรนด์ PATINYA ในอนาคต
ปีนี้ต้าร์หวังว่าแบรนด์PATINYAจะไปโกอินเตอร์แนชั่นแนลมากขึ้น อาจจะมีวางขายในคอนเส็ปต์สโตร์ หรือเซเล็กช็อปอยู่ในเอเชียก่อน ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง สิงค์โปรหรือว่าเกาหลี เพราะต้าร์จะมีเพื่อนและก็มีกลุ่มคนรู้จักที่ทำแฟชั่นที่นั่น อาจจะมีคอนเนอร์นึงในร้านแฟลกชิพสโตร์หรือซีเล็คช็อป ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงของการดำเนินการ และจะมีไลน์สินค้าอื่นๆมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า รองเท้า คลัชเวลาออกงาน เป็นโปรเจคที่แพลนเอาไว้ว่าปีนี้จะมีมากขึ้น อย่างที่เคยบอกว่าปีนี้ PATINYA อาจจะมีอีกไลน์ที่เรียกว่า PATINYA PRIVE’ คือ จะเป็นเดรสออกงาน อีฟนิ่งเดรส ที่เน้นการMade to orderเป็นหลัก คร่าวๆก็จะมีประมาณ 3 โปรเจคนี้ แล้วก็จะมีคอลเลคชั่นที่ทำอยู่ก็คือ สปริงซัมเมอร์ 2013 และก็ออทั่มวินเทอร์ 2013 ในปีนี้งานค่อนข้างแน่นพอสมควร
อนาคตอันยาวไกล คือต้องพัฒนาแบรนด์ PATINYA ให้ดีมากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าสาวไทยและสาวทั่วโลกมากขึ้น”
เกี่ยวกับแบรนด์ PATINYA
“Urban Elegant and Sensibility” เป็นคำที่สามารถอธิบายแบรนด์ PATINYA ได้เป็นอย่างสมบูรณ์ เพราะผู้หญิงอย่างPATINYA เป็นหญิงสาวที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่มีอารมณ์อ่อนไหว และขี้น้อยใจลึกๆ เป็นสาวชาวเมืองที่มีความพิถีพิถัน รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ดังนั้นกลุ่มลูกค้าของPATINYA ก็คือ หญิงสาวที่มั่นใจในตัวเอง ใส่ใจในรายละเอียดและความประณีต มีความเป็นตัวของตัวเอง มองหาเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บ่งบอกรสนิยมความชอบของตัวเองได้อย่างมั่นใจ โดยเสื้อผ้าสามารถเข้ากันได้ดีกับไลฟ์สไตล์สาวชาวเมืองของเธอ พร้อมแต่งเติมความดูดีให้กับเธอมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเสื้อผ้าจึงเป็นในแนว DAY-TO-NIGHT คือสามารถสวมใส่ได้ทั้งตอนทำงานกลางวันอย่างมืออาชีพ ขณะเดียวกันในยามเลิกงาน ก็สามารถปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นชุดปาร์ตี้สังสรรค์สุดชิคกับกลุ่มเพื่อนสาวหรือชายหนุ่มได้เช่นกัน โดยแอบมีดีเทลความเซ็กซี่ของเนื้อผ้า และลูกเล่นดีเทลการตัดเย็บที่แฝงไว้ได้อย่างแยบยล…
ความโดดเด่นของแบรนด์ PATINYA อยู่ที่การตัดเย็บอันประณีต และแพทเทิร์นที่อาศัยชั้นเชิงในการตัดเย็บ ตลอดจนดีไซน์ที่สามารถใช้งานได้จริง โดยมีความทันสมัยแบบโมเดิร์นสไตล์ ผสานเข้าด้วยกันกับเฉดสีสุดคลาสสิค และการตัดเย็บที่ดึงเอามนต์เสน่ห์แบบเสื้อผ้าชั้นสูงในอดีตมาประยุกต์ใช้ โดยทั้งหมดนี้สามารถออกมาในรูปแบบต่างๆ อาทิ เสื้อที่มีการนำเอาเสื้อเคปในยุคอดีตมาประยุกต์ใหม่ให้ดูทันสมัย เสื้อคอกลมสองชั้นที่มีลูกเล่นเด่นที่เฉดสีและดีเทลการโค้งเว้าด้านหลังแฝงความเซ็กซี่ ตลอดจนเดรสที่มีดีเทลการบิดไขว้กันแบบโบราณมาผสาน หรือแม้กระทั่งเดรสผ้าวูลที่นำมาแมทซ์กับไหมซาตินด้านเนื้อละเอียดไหล่เดี่ยวที่ดูสวยและคลาสสิคอยู่ในตัวเอง นอกจากนั้นยังมีเดรสยาวที่ทำเพียงไม่กี่ชิ้น เป็นตัวมาสเตอร์พีซอีกด้วย โดยเราเชื่อมั่นว่าสาวๆยุคใหม่จะมีความมั่นใจ และสนุกในการเลือกบางชิ้นของแบรนด์เราไปแมทซ์กับชิ้นโปรดที่คุณมีอยู่แล้วได้อย่างลงตัว…
พบกับ PATINYA ได้ที่
1. Siam Paragon ขั้น 2
2. Zen @ Central World ชั้น 2
3. อาคารเลครัชดาออฟฟิศคอมเพล็กซ์ อโศก ตรงข้ามศูนย์สิริกิตต์
TEL : 086 541 0222, 085 554 1855, 02 661 9446
Description
Urban Elegance Sensibility …. Sounds like you? Come check us out !
Designer & Founder: Guitar Patinya Kyokong
http://facebook.com/Guitar.Patinya
Production: 100% handmade from top fine tailors in our very own office, Fabrics are A+ quality, produced and imported from Japan.
HQ & Showroom:
195/1-5 Lake Rajchada Office Complex Building, Asoke (Opposite Sirikit Convention Center)
E-mail: patinya@patinyabkk.com
Mobile… 085 554 1855
BB pin: 21848729 … Feel free to leave a message, Thanks
Now available @
– 2nd Fl. Zen @ Central World, Dec 2011
– 1st Fl. Lake Ratchada Office Complex, across Sirikit Convention Center