หากเสื้อผ้าคือความงามที่ห่มร่างคุณอยู่ เครื่องประดับก็คืองานศิลป์ที่ช่วยเสริมให้ความงามนั้นโดดเด่นยิ่งขึ้น การออกแบบเครื่องประดับจึงเป็นหัวใจของแฟชั่นที่ไม่เคยมีใครมองข้ามไปได้ การจะรังสรรค์งานศิลป์แสนสวยขึ้นประดับกายสักชิ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะนอกจากจินตนาการอันบรรเจิดแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงยังมีอีกมากมาย นิพนธ์ ยอดคำปัน ช่างทองหลวงและอาจารย์ประจำสาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับอัญมณี กาญจนาภิเษกวิทยาลัยช่างทองหลวง ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเครื่องประดับมานานปี กล่าวว่า
“ กาญจนาภิเษกวิทยาลัยช่างทองหลวงสร้างขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี พ . ศ .2538 ซึ่งทรงห่วงว่าวิชาเครื่องประดับที่สืบทอดมาแต่โบราณกาลจะสูญหาย ท่านก็มีดำริให้จัดตั้งเป็นโรงเรียนสอนช่างทอง เริ่มจากงานอนุรักษ์ก่อน แต่เราก็เห็นว่า งานแบบนี้มันจะต้องมีการพัฒนารูปแบบด้วย จึงเป็นที่มาของสาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับอัญมณี เพราะฉะนั้นบุคลากรที่นี่ไม่ใช่จะเป็นช่างโบราณอย่างเดียว แต่งานโบราณจะมีส่วนดีคือมันละเอียดประณีต เป็นการเพิ่มทักษะให้ผู้ทำ เราสอนให้เรียนรู้เรื่องการออกแบบด้วย แม้แต่การคำนวณน้ำหนักเงินหรือทอง การเจียระไนเพชรพลอย
นักออกแบบเครื่องประดับอัญมณีสำคัญที่สุดต้องรู้จักคิดค้น ช่างทองจะเป็นคนจดจ่อเพราะต้องใช้สมาธิในการทำงาน แต่นักออกแบบต้องมีความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลา ฉะนั้นต้องมีการผสมผสานกัน คือออกแบบด้วย ทำด้วย เหมือนกับในต่างประเทศที่อุตสาหกรรมเครื่องประดับเขาเจริญมาเป็นร้อยๆปี ของเขาคนที่ออกแบบคือคนที่ทำด้วย ไม่ใช่ว่าคนทำไม่ใช่คนคิด คนคิดไม่ใช่คนทำ
ต้องตามแฟชั่นให้ทัน อยากฝากว่า ต้องพยายามหันมามองตัวเองก่อน ว่าเราคือใคร ทุกวันนี้เรามัวแต่มองว่าอิตาลี ฝรั่งเศสไปถึงไหน การที่จะมองตัวเองว่าตัวเองทำอะไรได้บ้างไม่ค่อยมี ถ้าเราเติบโตด้วยตัวเอง คือรอบรู้เข้าใจตัวเองแล้ว นักออกแบบคนนั้นก็จะมีรากฐานที่แน่น มีประสิทธิภาพ จำไว้ว่าผู้นำคือคนแรกที่กล้าคิดเรื่องที่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งความเป็นไทยก็คือสิ่งที่เราควรลองนำไปพิจารณา เพราะมันมีความเป็นตัวเองสูง ไม่เหมือนใคร
ตอนนี้บ้านเราก็ตื่นตัวว่าจะเป็นกรุงเทพเมืองแฟชั่น ผมไม่ได้คิดว่าการจะเป็นเมืองแฟชั่นนั้นเราจะต้องมีเทรนด์เดียวกับปารีส หรือมิลาน หากเราจะเป็นผู้นำแฟชั่น เราก็ควรนำของที่เรามีอยู่มาพัฒนาจนบ้านเมืองอื่นเขาทำตาม ซึ่งปารีส มิลาน เขาก็ทำอย่างนี้มาตลอด เราอาจจะเอาความเป็นไทยมาปรับให้คนอื่นเขายอมรับ ต้องดูว่า เราควรจะตัดทอนส่วนไหน เพิ่มส่วนไหนบ้าง เพื่อให้มันมีความร่วมสมัย ซึ่งผมว่ามันมีภาษีมากกว่าที่เราจะไปตามเขา ถ้าเราตามเทรนด์ที่คนอื่นกำหนดมาตลอด เราก็ไม่ได้เป็นผู้นำสักที ต้องหาวิธีให้คนอื่นเขาเห็นของที่เรามีอยู่เป็นของมีค่าให้ได้
ที่ผ่านมาถ้าพูดถึงเรื่องการออกแบบเครื่องประดับอัญมณี เรามีการพัฒนาค่อนข้างน้อย เพราะเราอยู่ใต้อิทธิพลคนอื่น เราต้องสร้างสินค้าเพื่อขายเขา เราก็ต้องมองเขา ความเป็นตัวเองมันจึงน้อย ทั้งๆที่ฝีมือในการผลิต การประชาสัมพันธ์ คุณภาพของวัตถุดิบเราไม่เป็นรองใครเลย
การจะออกแบบเครื่องประดับสักชิ้น ต้องดูว่า ใส่จริงได้ไหม ยุ่งยากในการสวมใส่หรือเปล่า ราคาสมน้ำสมเนื้อไหม คุณภาพเป็นอย่างไร เหมาะสมกับบุคลิกภาพของผู้สวมใส่หรือไม่ ใช้เวลาทำนานไหม แนวโน้มในอนาคต ผมมองว่าในด้านการขาย การส่งออก การผลิต เราอาจเป็นผู้นำได้ไม่ยาก แต่พูดถึงเรื่องผู้นำเทรนด์แล้ว หากเราไม่คิดอะไรใหม่ๆ เราก็คงต้องเดินตามเขาอย่างนี้ แล้วเครื่องประดับมันจะค่อยๆ เรียบง่ายขึ้น โดยเฉพาะชิ้นเล็กๆ ซึ่งตลาดมันเริ่มกว้าง ในขณะที่ชิ้นใหญ่ๆมันเริ่มทรงตัว อาจเป็นเพราะเศรษฐีใหม่ที่นิยมของพวกนี้มันน้อยลง เศรษฐกิจมันก็เริ่มชะลอตัวด้วย ”
_____________________________
Text : Countess des bars