No country for Old Men ยุคสมัยนี้ไม่มีที่สำหรับมนุษย์
“ผมเป็นนายอำเภอที่เขตนี้มาตั้งแต่อายุ 25 ไม่น่าเชื่อ ปู่ผมเป็นผู้รักษากฏหมาย พ่อผมก็ด้วย ผมเป็นนายอำเภอพร้อมกับพ่อ พ่อคงภูมิใจมาก ผมก็เหมือนกัน นายอำเภอสมัยก่อนบางคนไม่เคยพกปืนด้วยซ้ำ บางคนฟังแล้วไม่อยากเชื่อ
ผมชอบฟังเรื่องสมัยก่อน ถ้ามีโอกาสก็ไม่เคยพลาด ฟังแล้วก็อดเปรียบเทียบตัวเองกับคนสมัยก่อนไม่ได้ แล้วก็ทำให้คิดว่า ถ้าเป็นสมัยนี้พวกเขาจะทำยังไง ผมเคยส่งเด็กผู้ชายคนหนึ่งขึ้นเก้าอี้ไฟฟ้า เมื่อหลายปีก่อน ผมเป็นคนจับ แล้วก็ให้การ เขาฆ่าเด็กผู้หญิงอายุ 14 หนังสือพิมพ์ลงข่าวครึกโครมว่าเป็นการฆ่าเพราะหึงหวง แต่เขาบอกว่าไม่ได้หึงหวงอะไร เขาบอกผมว่าเขาวางแผนจะฆ่าใครสักคนหนึ่ง ตั้งแต่จำความได้แล้วเขาบอกว่าถ้าเขาพ้นโทษเขาจะทำอีก เขาบอกว่าตกนรกแน่ แค่อึดใจเดียวก็คงถึงนรก ผมก็ไม่รู้จะว่ายังไง ไม่รู้จริงๆ แต่คดีที่คุณเห็นตอนนี้นั้นไม่สามารถเทียบได้เลย ไม่ใช่ว่าผมจะกลัวหรอกนะ ผมรู้ว่เราต้องยินดีพลีชีพเพื่อทำงานให้สำเร็จอยู่แล้ว แต่ว่าผมไม่เคยอยากเสี่ยงสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วก็ออกไปเจอเรื่องที่ผมก็ยังไม่เข้าใจ ลูกผู้ชายเขาต้องไม่กลัวตายอยู่แล้ว เขาก็คงพุดว่า เอาซี่ ฉันจะเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้”
นั่นคือบทเปิดเรื่องของภาพยนตร์รางวัลออสการ์เมื่อปี 2007 ที่ชื่อ No country for Old Men พูดโดยนายอำเภอชรา ที่กำลังประสบกับสภาพการณ์ที่เขาไม่อาจเข้าใจ สภาพการร์แห่งยุคสมัย ที่ช่างห่างไกลจากวุฒิภาวะของเขา สำหรับคนที่เติบโตมาพร้อมๆกับยุคสมัยที่นายอำเภอไม่จำเป็นต้องพกปืน ภาพแก็งค์ค้ายาเสพติดทำสงครามยิงกันกลางเมือง การที่คนพร้อมจะฆ่ากันเพียงเพื่อเงิน 2 ล้านเหรียญ การที่คนยอมเสี่ยงที่จะถูกฆ่าเพื่อเงินจำนวนเดียวกันนั้น อาวุธรูปแบบใหม่ที่ไม่ใช้กระสุน แต่เป็นปืนอัดแก๊ส หรือการที่คนฆ่ากันอย่างไม่มีเหตุผล ล้วนเป็นสิ่งที่นายอำเภอชราไม่อาจทำความเข้าใจได้แม้เพียงนิดเดียว
แม้ No country for Old Men จะเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นชิงไหวชิงพริบ แต่ภาพที่นำเสนอก็สะท้อนปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ให้ผู้ชมได้เห็น นั่นคือการผลัดเปลี่ยนของยุคสมัยในชั่วเวลาไม่ถึงศตวรรษ ยุคสมัยผลัดเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากสำนักงานที่ระงมไปด้วยเสียงเคาะแป้นพิมพ์ดีด ปัจจุบันมี
คอมพิวเตอร์เข้ามาแทนที่ จากโลกที่อาศัยโทรเลขสื่อสารระหว่างกัน
ปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือเข้ามาย่นเวลาในการติดต่อ เทคโนโลยีเจริญขึ้้น สิ่งอำนวยความสะดวกมีมากขึ้น แต่จิ่ตใจคนกลับตกต่ำลง และไม่ต้องสงสัย สิ่งอำนวยความสะดวกหลายแหล่นั่นเองที่กลายเป็นดาบสองคม ให้คนในยุคใหม่นี้ใช้ทำร้ายทำลายกันอย่างง่ายดาย และสนุกที่จะทำ ไม่ใช่เทคโนโลยีหรอกที่นายอำเภอชราไม่อาจเข้าใจ แต่เป็นจิตใจคนนั่นต่างหาก ที่คนยุคเก่าเช่นเขาไม่อาจเข้าใจได้เลย คนฆ่ากันง่ายขึ้น อาวุธร้ายแรงขึ้น ความรุนแรงมีมากและทวีระดับขั้นมากขึ้น
นั่นเป็นสภาพการณ์แห่งยุคสมัยใหม่ ที่คนยุคเก่าเช่นนายอำเภอไม่มีวันเข้าใจ หน้าที่ของนายอำเภอคือรักาาความสงบสุขให้สังคม แต่สถานะของนายอำเภอชราในหน้าที่ของเขาไม่ต่างอะไรกับชายชราไร้สมรรถภาพ เขาไม่สามารถไล่ตามฆาตรกรได้ทัน ไม่สามารถระงับความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่เว้นวันได้ ไม่สามารถแม้แต่กระทั่งช่วยคนไม่ให้ถูกคนอื่นฆ่าได้ เขาเป็นเพียงชายชรา เป็น Old Men ที่ตกยุคและคงไม่สามารถอยู่อาศัยในยุคสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงนี้ได้ หรือมองอีกนัยหนึ่ง คนที่จะสามารถอยู่ในยุคนี้ได้ ต้องเป็นปิศาจ เป็นคนที่พร้อมจะฆ่าคนอื่นเพื่อผลประโยชนฺ์ของตัวเอง เป็นคนที่พร้อมจะระเบิดรถสักคัน เพียงเพื่อจะอาศัยจังหวะที่คนหันไปตื่นตระหนกนั้น แอบเข้าไปขโมยของในร้านขายของเหมือนดังที่ฆาตรกรในเรื่องได้กระทำ ถ้าเป็นเช่นนั้น Old Men ก็คงไม่ได้หมายถึงแต่ผุ้สูงอายุ แต่หมายรวมถึงคนที่ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ในจิตวิญญาณ
ขอแสดงความเสียใจด้วย Old Men ทั้งหลาย ยุคสมัยนี้ไม่มีที่สำหรับท่านอีกแล้ว
TEXT : กิติคุณ คัมภิรานนท์