Bodhi Tree Decor

“โพธิ์ทรี เดคคอร์” ( Bodhi Tree Decor ) รุกตลาดวอลเปเปอร์ในไทย ชูสินค้า มาตรฐานโลก เตรียมตลาดรองรับเออีซี บริษัท โพธิ์ ทรี เดคคอร์  จำกัด วอลเปเปอร์สัญชาติไทยที่ สามารถสร้างชื่อเสียงโด่งดังไกลถึงต่างแดน ด้วยมาตรฐานระดับโลก

และสร้างยอดขายกว่า 700 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา กับคุณภาพและความพิถีพิถันในขั้นตอนการผลิตจน เป็นที่ยอมรับของตลาด ต่างชาติรวมทั้งลวดลายที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ ความเป็นไทยจนได้อยู่ในเกณฑ์วอลล์เปเปอร์สีเขียว หรือผลิตภัณฑ์ไร้สารพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการเป็นวอลล์เปเปอร์ที่ไม่ลาม ไฟหากเกิด ไฟไหม้ ด้วยมาตรฐานระดับโลก ทำให้ โพธิ์ ทรี เดคคอร์ กลายเป็นวอลเปเปอร์ระดับพรีเมียม เพียงเจ้าเดียวของคนไทย ที่ผลิตและส่งออกสินค้า ไปตีตลาดต่างประเทศ จนประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 10 ประเทศทั่วโลก และตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทย จะได้ทำความรู้จักกับความมหัศจรรย์ของวอลเปเปอร โพธิ์ ทรี เดคคอร์ และร่วมภูมิใจไปกับสินค้าของคนไทย

บริษัท โพธิ์ ทรี เดคคอร์  จำกัด ผู้ผลิตวอลเปเปอร์สายเลือดไทย  สามารถผลิตและส่งออก ไปยังตลาดต่างประเทศ นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ลงในวอลล์เปเปอร์ ในการตกแต่งบ้านหรือคอนโดหรือแม้แต่สถานที่สำคัญๆ เช่น โรงแรม พิพิธภัณฑ์ โรงละคร หอประชุม ศูนย์ศิลปะต่างๆ  ในต่างประเทศจนเป็นที่พูดถึงในต่างประเทศ โดยความสำเร็จเหล่านี้ก็มาจากความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบลวดลายให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมและความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซี่ยน และ ญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้กระทั่งทวีปยุโรป อาทิ อังกฤษ เยอรมัน อเมริกา และอีกหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันตกอาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( UAE ) ด้วยคุณภาพของสินค้าและลวดลายที่บ่งบอกความเป็นไทย ออกมาได้อย่างชัดเจน และเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดโดยคุณกบ ชลกานต์  วิสุทธิพิทักษ์กุล  กรรมการผู้จัดการของ บริษัท โพธิ์ ทรี เดคคอร์  จำกัด   ได้กล่าวว่า “เริ่มการสร้างแบรนด์ วอลเปเปอร์ โพธิ์ ทรี เดคคอร์ จากศูนย์ด้วยการลองผิด ลองถูก ไม่เคยเข้าใจกลไกลการตลาดของธุรกิจของแต่งบ้าน พยายามออกแบบลวดลายด้วยวัฒนธรรมของคนไทย โดยคนไทย และเพื่อคนไทย ผสมผสานกับความชอบส่วนตัวและอยากสะท้อนวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทยให้ทั่วโลกได้รู้จักและเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่คนไทยเป็น โดยเป้าหมายในอนาคตของวอลเปเปอร์ วอลเปเปอร์ โพธิ์ ทรี เดคคอร์  ต้องการจะทำตลาดในครอบคลุมทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดในเมืองไทยที่กำลังเติบโตในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของแต่งบ้านเหล่านี้น่าจะเติบโตตามไปด้วย

นอกจากนี้วอลเปเปอร์ วอลเปเปอร์ โพธิ์ ทรี เดคคอร์ ก็ยังเตรียมต่อยอดผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าที่ชอบการแต่งบ้านนั้นก็คือ โดยประเด็นนี้คุณกบ ชลกานต์ ผู้บริหารแห่ง วอลเปเปอร์ โพธิ์ ทรี เดคคอร์  ถึงได้กล่าวเสริมว่า

“ในเมืองไทยตอนนี้มีผู้ผลิตวอลเปเปอร์ แบบดั้งเดิม 1 ราย ส่วนเราเป็นผู้ผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ ดังนั้นแต่ละฝ่ายจึงมีจุดเด่นและข้อจำกัดแตกต่างกัน ทำให้มีผู้บริโภคมากขึ้น สามารถเลือกซื้อจากผู้นำเข้าวอลเปเปอร์ก็ได้ ซื้อจากผู้ผลิตแบบเราก็ได้ส่วนราคาก็แปรผันตามราคาที่เลือก และปริมาณที่ใช้ ซึ่งข้อจำกัดของการผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบเดิม ของผู้ผลิตทุกรายทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่เมืองไทย คือ ดีไซน์ไม่เท่าทันยุคสมัย ผู้ผลิตไม่เปลี่ยนแบบหรือลวดลายบ่อยนัก เพราะต้นทุนการเปลี่ยนจะแพงมาก คือ ข้อดีคือได้ราคาที่ถูก เพราะผลิตซ้ำๆ เดิมๆ และลวดลายใช้เกิน 10 ปี ส่วนข้อดีของการผลิตด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่อย่าง โพธิ์ ทรี คือ เรามีดีไซน์ที่ทันสมัย ปรับเปลี่ยนได้ตลอดทั้งรูปแบบและขนาด แต่ก็มีข้อจำกัดคือ ราคาที่แพงกว่าแบบแมสโปรดักชั่น หรือแบบดั้งเดิมนั้นเอง โพธิ์ทรีของเราเปรียบได้เหมือนช่างตัดเสื้อผ้า เราตัดให้พอดีตัวลูกค้า ที่ใส่ออกมาแล้วสวยงามตามรูปร่างแต่ละคน ในขณะที่รายอื่นคือเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ต้องยอมใส่ในแบบที่ไม่ต้องการ และมีหลากหลายราคาให้เลือกใช้ ซึ่งคุณสมบัติเด่นๆ ของวอลเปเปอร์วอลเปเปอร์ โพธิ์ ทรี เดคคอร์ นั้นก็มีอยู่ 3 ข้อคือ   1. ดีไซน์โดนใจ คือ เป็นวอลเปเปอร์สำหรับผนังโชว์ ซึ่งสามารถสะท้อนแบรนด์และโครงการต่างๆ เรามีดีไซน์หลากหลายธีม เพื่อเข้ากับคาร์แรกเตอร์ของแต่ละคน เราเรียกประเภทวอลเปเปอร์แบบนี้ว่า Wall Story ข้อ 2.ขนาดที่พอดี เราฉีกข้อจำกัดของวอลเปเปอร์แบบเดิมๆ ที่เป็นสินค้าสำเร็จรูป แก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย แต่วอลเปเปอร์แบบใหม่เราสามารถปรับขนาดของลายได้ คือย่อ ขยาย ปรับสีให้พอดีกับขนาดของผนัง ที่จะติดวอลเปเปอร์ได้ ดังนั้นแต่ละบ้านจะมี Wall Story ที่ออกมาสวยงามเป็นเรื่องราวและสะท้อนบุคคลิกของเจ้าของบ้านได้อย่างลงตัว ข้อ 3. ดีกรีมาตรฐานโลก เรามองว่าโลกทุกวันนี้ ข้อจำกัดทางกายภาพไม่มีผลอะไรมากมายเหมือเมื่อก่อน ทุกคนติดต่อสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ ดังนั้นสินค้าของเราจึงผลิตให้เข้าเกณฑ์ของยุโรปเป็นหลัก ซึ่งจะเน้นเรื่อง

– คุณสมบัติไม่ลามไฟ ( Fire Rating Euro Class B )

– ปลอดสารก่อมะเร็ง มีผลอันตรายต่อการสูดดมเข้าไปทุกวัน ( VOC Free)

– ค่าการทนแสงสว่าง หรือการไม่ซีดจางลงได้ง่ายอยู่ได้ 8 ปีขึ้นไปไม่ซีด ( Lightfastness Level7 )

– กระดาษผลิตมาจากแหล่งที่ปลูกป่าควบคุมพิเศษโดยเฉพาะไม่ได้ตัดจากป่าทั่วไปที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ( FSC Paper )

นอกจากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ววอลเปเปอร์โพธิ์ทรีของเรายังหาพื้นที่ในตลาดคือ เราหาสิ่งที่ผู้ผลิตหรือกลุ่มวอลเปเปอร์รายใหญ่ๆ ของโลกทำไม่ได้หรือไม่ถนัด นั้นคือลายไทย โดยเฉพาะเราเจาะเข้า กลุ่มร้านอาหารไทย สปาไทย วัดไทยในต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการสินค้าประเภทนี้อยู่แล้ว ประเด็นหลักคือ เราจะไม่ทำอะไรที่มีคนทำอยู่แล้ว เพราะเราเป็นรายใหม่เข้ามาในตลาด ถ้าไม่มีอะไรแตกต่างหรือโดดเด่นจากเดิม ก็คงจะไม่มีใครหันมามองเราแน่นอน ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราก็สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทของเราและประเทศของเราได้กว่า 700 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าประเภทตกแต่งภายในเราถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งเราคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า เราอยากจะสร้างแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักและพัฒนาสินค้าของเรานอกจากวอลเปเปอร์แล้ว เราก็ยังมองสินค้าตัวอื่นที่จะเป็นต่อยอดแบรนด์ของเราได้อีกอย่างเช่น ม่านม้วน( Roller Blind ) ลายที่เราออกแบบเอง โดยเราตั้งเป้าที่จะสามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นได้กว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งเราก็ต้องอาศัยกลุ่มลูกค้าทั้งในต่างประเทศและในเมืองไทย ที่ตอนนี้ถือว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังขยายตัวขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อสินค้าของเรา และเราจะสามารถผลิตสินค้าตัวอื่นๆ ภายใต้แบรนด์โพธิ์ทรี ออกมาได้อีกต่อไปในอนาคต คุณชลกานต์ กล่าวปิดท้าย”

You may also like...