คนส่วนมากจดจำชื่อของ Tom Ford ในฐานะผู้ที่คืนชีวิตและความยิ่งใหญ่ทางธุรกิจให้กับ GUCCI แบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกที่ครั้งหนึ่งแทบหมดแรงถึงขั้นเกือบล้มละลาย รวมถึงสร้างสีสันใหม่ๆให้กับแบรนด์คลาสสิกอายุยาวนานอย่าง Yves Saint Laurent ให้กลับมาผงาดความยิ่งใหญ่และมีมูลค่าทางธุรกิจมหาศาลได้อีกครั้ง
แต่ความสามารถของเขาในด้านภาพยนตร์นั้นก็ไม่ด้อยกว่ากัน ผลงานการสร้างกำกับของ Tom Ford นั้น ไม่เพียงส่งดารานำให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง An Academy Award, Globe, Independent Spirit Award และ Screen Actors Guild Award ตัวเขาก็ยังได้รับการยกย่องในฐานะผู้กำกับและผู้สร้างที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ โดยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอย่าง Independent Spirit Awards ในปี 2009 รวมถึง Best First Feature และ Best First Screenplay
Tom Ford ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างเด็กแสบในด้านการเรียน โดยเริ่มจากการลาออกจากมหาวิทยาลัยแรก ที่เขาไปสมัครเรียนในเพียงไม่กี่วัน และเผ่นหนีไปนิวยอร์คหน้าตาเฉย แต่หลังจากไปสมัครเข้าเรียนสาขาประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยในนิวยอร์ค คือ NYU ได้แค่ปีเดียว ก็เกิดใจแตกหนีไปเข้าวงการบันเทิงเพื่อเล่นหนังโฆษณา และดูท่าว่าเด็กเกเรียนอย่างเขาจะเลือกทางเดินได้ถูก เพราะเพียงแค่ปีเดียว Tom Ford ก็ได้ปรากฏโฉมในแคมเปญโฆษณายักษ์ใหญ่ระดับประเทศไม่ต่ำกว่า 12 ชิ้น เลยทีเดียว
หลังจากที่หนีเรียนไปค้นหาตัวเองสักพัก Tom Ford ก็ตัดสินใจเข้าเรียนในสถาบันชื่อดัง Parsons The New School for Desing แต่เรื่องเรียนก็ไม่สำคัญเท่ากับความสนุกสนานในชีวิต Tom Ford จะเข้าเรียนทุกวันหรือเปล่าไม่รู้ แต่เขาเป็นนักเที่ยวขาประจำระดับตำนานอย่าง Studio 54 และยังไม่หยุดค้นหาตัวเอง จนพบว่าเขาเป็นเกย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่นอกห้องเรียนหรือห้องสมุด ที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล และสีสันความสนุกอันน่าหลงใหลของคลับดังแห่งยุคดิสโก้นี้ น่าจะเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่มีอิทธิพลต่อสไตล์การออกแบบของ Tom Ford ในเวลาต่อมาไม่มากก็น้อย
นอกจากนี้เขายังเป็นนักศึกษาที่ชอบเที่ยว รักการหาประสบการณ์ทุกรูปแบบนอกห้องเรียน โดยปีสุดท้ายก่อนจบ Tom Ford ก็ไปท่องปารีสราวปีกว่า และฝึกงานในฝ่ายประชาสัมพันธ์ของแบรนด์ Chole ซึ่งที่นี่เอง ทำให้เขาเริ่มสนใจในแฟชั่น ดังนั้นเมื่อกลับมาเรียนปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัย Tom Ford จึงทุ่มเทให้กับการหาความรู้ในสาขาแฟชั่นอย่างเต็มที่ แต่ตอนจบก็ทำเก๋ด้วยการรับปริญญาสาขาสถาปัตยกรรม
Tom Ford เริ่มงานสายแฟชั่นจริงจังหลังเรียนจบกับแบรนด์สปอร์ตแฟชั่นที่มี Cathy Hardwick เป็นผู้รับเข้าทำงาน เธอยังคงจำความแหลมคมของ Tom Ford ในวันสัมภาษณ์ เมื่อเธอถามเขาว่าชอบแบนรด์อะไร และเขาตอบได้ตรงใจเธอว่า Armani and Chanel ด้วยเหตุผลว่า เขาเห็นเธอสวมเสื้อผ้าแบนรด์นั้นอยู่พอดี
เมื่อผ่านก้าวแรกในวงการแฟชั่นแล้ว ก้าวต่อไปก็เป็นเรื่องไม่ยาก งานถัดมาของ Tom Ford คือ Perry Ellis ทำให้เขาได้รู้จักกับบุคคลสำคัญในวงการแฟชั่นอเมริกันมากมาย ได้ทำงานมากขึ้นจนกระทั่งรู้สึกอิ่มตัวกับแฟชั่นของอเมริกา ที่ไม่ถูกรสนิยมของเขานัก Tom Ford จึงผันตัวเข้าสู่วงการแฟชั่นยุโรป คือ GUCCI ซึ่งเขาได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นความยิ่งใหญ่ระดับตำนานให้กับแบรนด์นี้ จากเดิมที่เคยตกอยู่ในสถานะยอบแยบแทบล้มละลาย มาสู่การเป็นแบรนด์ธุรกิจแฟชั่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีมูลค่าหุ้นสูงลิบลิ่ว ทำให้ได้ทั้งชื่อเสียง ทั้งเงิน เป็นระดับมหาเศรษฐี เรื่อยมาจนถึงการปลุกชีพแบรนด์ที่ใกล้หมดลมทางธุรกิจอย่าง YSL ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยไม่นำพากับความหมั่นไส้ของดีไซน์เนอร์เจ้าของแบรนด์ Yves Saint Laurent ที่แอบงอนจนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ Tom Ford ในเชิงเสียดสีตามหน้าสื่ออยู่มิเว้นว่าง
แม้ Ford จะเป็นผู้มอบชีวิตใหม่ให้ GUCCI แต่ทุกงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ท้ายที่สุดเขาก็จำต้องโบกมือลา GUCCI จากการขัดแย้งทางความคิดและทางธุรกิจ อีกทั้งเพื่อก้าวออกมาแสวงหาแนวทาง ความสำเร็จใหม่ๆมาเติมสีสันให้ชีวิต สร้างแบรนด์ของตนเอง งานสร้างและกำกับภาพยนตร์ ซึ่งเมื่อหันมาจับงานนี่ เขาก็ทำได้ดีจนน่าอิจฉา ได้รับเกียรติยศมากมายในวงการภาพยนตร์ไม่แพ้วงการแฟชั่น อีกทั้งยังเป็นผู้นำทางความคิดและไลฟ์สไตล์ของเหล่าสุภาพบุรุษ แม้ว่าตัวของเขาเองจะประกาศอย่างเปิดเผยว่าเป็นเกย์ โดยใช้ชีวิตคู่รักเดียวใจเดียวกับ Richard Buckley อดีตบรรณาธิการนิตยสาร Vogue Hommes International มายาวนานจนมีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ที่เขาทั้งสองรักสุดหัวใจแม้ไม่ได้คลอดเอง
ทุกวันนี้ นอกจาก Tom Ford จะเป็นหนึ่งในบุคคลระดับไอคอนของโลกแฟชั่นแล้ว เขายังเป็นเจ้าของครอบครัวที่น่ารักและมีความสุข ซึ่งหากจะมองว่า ชีวิตของ Tom Ford นั้นประสบความสำเร็จอย่างอิ่มเอม ทั้งในชีวิตการงานและครอบครัวก็ไม่ผิดเลย
—————–
Text: Wannasiri S.