Rado HyperChrome

นวัตกรรมนำมาซึ่งการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ที่ช่วยทำให้ชีวิตความเป็นอยู่เรานั้น ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ล่าสุด ราโด (RADO) แบรนด์นาฬิกา ศักยภาพแห่งนวัตกรรมและดีไซน์ จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำโดย มร.แมตเทียส เบรสเช่น ซีอีโอ บริษัท ราโด วอทช์ จำกัด

จัดงานเปิดตัว “นาฬิการาโด ไฮเปอร์โครม” (RADO HyperChrome) การก้าวข้ามอีกหนึ่งขีดคั่น ของข้อจำกัดในโลกของการประดิษฐ์นาฬิกา กับนวัตกรรมนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นจากวัสดุไฮเทค รวมเข้ากับดีไซน์ที่ลงตัว ด้วยนาฬิกาน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย และยังมอบความแข็งแกร่งทนทาน กันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างสูง โดยมีแขกผู้มีเกียรติที่รัก เรือนเวลาร่วมงานมากมาย อาทิ ม.ล.ทองมกุฎ และจารุจิตร ทองใหญ่, ดิลก และวิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล, ธีระยุทธ และ ชนัดดา จิราธิวัฒน์, ชาญ ว่องปรีชา, ดร.เชษฐา ส่งทวีผล, กติกากร วรวรรณ ณ อยุธยา, พอล นฤนาทวานิช, โจ เปาอินทร์, เชณ กิติวัฒนศักดิ์ ฯลฯ ณ ห้องอาหารเซนส์ ชั้น 17 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

โดยที่ผ่านมา ความเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรมของราโด โดยเฉพาะในเรื่องวัสดุศาสตร์ ไล่เรียงกันให้เห็นอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น เป็นเจ้าแรกที่ใช้วัสดุฮาร์ดเมทอลประกอบกับกระจกแซฟไฟร์คริสตัล ที่สามารถเพิ่มความทนทานในการขีดข่วนให้นาฬิกาอย่างมหาศาล ต่อมามีการสร้างนาฬิกาด้วยวัสดุไฮเทคเซรามิก เรือนบางที่สุดในโลก ด้วยความหนาเพียง 4.9 มิลลิเมตร ในขณะที่ตัวเครื่องนาฬิกาบางเพียง 1 มิลลิเมตร จนกระทั่งสร้างวัสดุใหม่ให้วงการนาฬิกา กับวัสดุเซรามอส ซึ่งนำไฮเทคเซรามิกซึ่งเป็นไทเทเนียมคาร์ไบด์ ไปผสมกับอัลลอยโลหะ ที่นำมาซึ่งคุณสมบัติของความสบายและความทนทาน เข้าด้วยกัน

และราโด ยังคงไม่หยุดนิ่งกับความเป็นกูรูด้านนวัตกรรมนาฬิกา ล่าสุด ได้ทำการปฏิวัติวงการนาฬิกากันอีกครั้งกับการเปิดตัวคอลเลคชั่น นาฬิกา ราโด ไฮเปอร์โครม ที่นำมาซึ่งความลงตัวของดีไซน์และอินโนเวชั่นอย่างสมบูรณ์แบบ ที่แม้ดีไซน์จะเบาสบาย สวยงาม แต่ยังมาพร้อมกับอินโนเวชั่น ที่มอบความทนทานให้เป็นอย่างสูงอีกด้วย โดยเฉพาะรุ่นไฮไลท์ของคอลเลคชั่น คือ ราโด ไฮเปอร์โครม แบบจับเวลาเครื่องอัตโนมัติ ตัวเรือนไฮเทคเซรามิกสีดำ หน้าปัดขนาด 45 มิลลิเมตร ชิ้นงานที่เป็นความก้าวล้ำสู่ขั้นใหม่แห่งเทคโนโลยี ด้วยการใช้เทคนิคการฉีดขึ้นรูป ที่มีความสลับซับซ้อนในการผลิตตัวเรือนแบบชิ้นเดียวทั้ง ตัวเรือนที่เรียกว่า “โมโนบล็อก” ครั้งแรกของเรือนเวลาไฮเทคเซรามิก

ซึ่งการผลิตแบบโมโนบล็อก จะแตกต่างจากตัวเรือนอื่นๆ โดยตัวเรือนแบบโมโนบล็อกนี้ สามารถผสานขาตัวเรือนและประกับด้านข้างเข้าไว้รวมเป็นโครงสร้างหนึ่งเดียวกัน เพื่อความแข็งแกร่งของนาฬิกา ทั้งนี้วัสดุไฮเทคเซรามิกมีค่าความแข็งอยู่สูงถึง 1,250 วิคเกอร์ ในขณะสตีลโดยทั่วไป มีค่าความแข็งเฉลี่ยเพียง 225 วิคเกอร์ ทำให้ ราโด ไฮเปอร์โครม แบบจับเวลาเครื่องอัตโนมัติ จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างตำนานความคลาสสิกตามแบบฉบับราโด กับวัสดุไฮเทคเซรามิกแห่งอนาคต ด้วยจุดเด่นคือ มีความพิเศษในเรื่องความทนทานต่อการขีดข่วนสูงมาก ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง น้ำหนักเบา และยังสามารถปรับอุณหภูมิเข้ากับผิวของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย

 

นอกจากนี้แล้ว ภายในงานได้จัดโชว์ Rado HyperChrome โดยนำเสนอที่สุดของนาฬิกาแห่งนวัตกรรมกับคอลเลคชั่น ราโด ไฮเปอร์โครม หน้าบทใหม่ของความก้าวล้ำแห่งการพัฒนาวัสดุสำหรับอนาคต ภายใต้ระบบ แสง สีและเสียงที่ตื่นตา ตื่นใจ นำโดย บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ร่วมกับนายแบบและนางแบบอาชีพ และ โชว์เคส “ราโด ไฮเปอร์โครม” อีกมากมาย รวมถึงแบบลิมิเต็ด เอดิชั่นแกลมสเลมหน้าปัดสีทองขัดเงาที่ผลิตเพียง 333 เรือนทั่วโลก

เจ้าแห่งนวัตกรรมนาฬิกาวันนี้ ต้องมีชื่อ “ราโด” ขึ้นอยู่อันดับต้นๆ ของวงการ สมดั่งปรัชญาของผู้ก่อตั้งราโดที่ว่า “ถ้าเราสามารถจินตนาการได้ เราจะทำได้ และถ้าเราทำได้ เราจะทำ” นั่นเอง 

You may also like...