เรื่องราวของความรัก จุดกำเนิดแห่งความปรารถนา แรงกระตุ้น และการไร้ตัวตน น้ำหอม N°5 ผสมผสานส่วนประกอบที่มอบความโรแมนติกเพื่อสรรค์สร้างตำนาน…ตำนานที่รวมกับเรื่องราวของ Gabrielle Chanel เองจนเป็นหนึ่งเดียว
เมื่อ Mademoiselle Chanel มอบหมายให้ Ernest Beaux คิดค้นน้ำหอมที่เธอจะใช้เองและมอบให้แก่ผู้หญิงทั่วโลกตลอดไป เธอกำลังค้นหาสิ่งที่ Proust เรียกว่า “ความทรงจำ” ซึ่งเป็นการรำลึกถึงความรักในอดีตที่จบลงอย่างกะทันหันภายหลังการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ Arthur Capel เมื่อปลายปี 1919 หรือเปล่า?
Gabrielle Chanel
เขาเป็นรักแรกอันยิ่งใหญ่ รวมทั้งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญและยากที่เธอจะลืมเลือน Arthur “Boy” Capel มีอิทธิพลในการหล่อหลอมรสนิยมของ Gabrielle Chanel ในด้านงานประพันธ์และคุยลัทธิ (Esotericism) ซึ่งเป็นความเชื่อลี้ลับที่เปิดเผยเฉพาะคนในกลุ่ม จากการอยู่เคียงข้างเขา ทำให้ Gabrielle Chanel กลายเป็นนักอ่าน และเมื่อเขาไปจากชีวิตของเธอ เธอจึงระลึกถึงความรักที่มีต่อเขาผ่านหนังสือต่างๆ ที่เขาเคยขอให้เธออ่าน รวมถึงโหราศาสตร์และตัวเลขที่ทั้งสองมีความชื่นชอบร่วมกัน เป็นความสนใจที่เธอยึดถือมาตลอดชีวิตนับตั้งแต่ช่วงที่ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวหลังจากออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าใน Aubazine
เพื่อให้เธอหลุดพ้นจากความโศกเศร้า Misia และ José-Maria Sert จึงพาเธอเดินทางไปยังเวนิส หรือ “Serenissimo” ซึ่งเต็มไปด้วยความหรูหราและลึกลับ รวมทั้งเป็นศูนย์รวมของโลกตะวันออกและตะวันตก ความแปลกใหม่ในหลากหลายด้านทำให้เธอรู้สึกหลงใหลเมืองนี้ในทันที ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่สุดโปรดและยังเป็นแหล่งกำเนิดแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เธอก็ฝันถึงรัสเซียที่ Grand-Duke Dmitri Pavlovitch บรรยายให้ฟัง และเป็นรัสเซียที่เติมสีสันให้กับจินตนาการในการสร้างสรรค์น้ำหอมของ Ernest Beaux เมื่อครั้งที่เขาได้รับใช้พระเจ้าซาร์ก่อนที่จะถูกเนรเทศออกจากประเทศในช่วงการปฏิวัติรัสเซีย และทำให้เขาต้องลี้ภัยมาที่ฝรั่งเศส น้ำหอมที่เขาปรุงให้ Gabrielle Chanel นี้ได้รวบรวมและเน้นเรื่องราวในชีวิตและความทรงจำต่างๆ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งใหม่ในยุคนั้น สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อระลึกถึงความโศกเศร้าของตัวเอง น้ำหอมที่เป็นอมตะนี้จึงเป็นของขวัญที่ Chanel มอบให้แก่ตัวเอง
ศูนย์รวมของกลุ่มล้ำยุค (อาว็อง-การ์ด)
N°5 ถือกำเนิดเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1921 ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยแนวความคิดที่กระตือรือร้นและไม่หยุดนิ่ง ตั้งแต่การปฏิวัติแนวบาศกนิยม (Cubist) ที่ทำให้ Picasso สร้างสรรค์ภาพวาด Demoiselles d’Avignon ใน ค.ศ. 1907 และการเกิดลัทธิอนาคตนิยมในอิตาลีใน ค.ศ. 1908 กลุ่มอาว็อง-การ์ดสร้างสรรค์งานเขียนเกี่ยวกับความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็ได้รับชัยชนะในตอนต้นคริสตทศวรรษ 1920 นอกจากนี้ ศิลปะแนวนามธรรม (Abstraction) ได้แทรกซึมอยู่ในการสร้างสรรค์ผลงานทุกรูปแบบมากกว่าที่ผ่านมา และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการสรรค์สร้างงานศิลปะ บทกวี วรรณกรรม และดนตรี กลิ่นของน้ำหอมที่ปรุงขึ้นใหม่ล่าสุดนี้ทำให้นึกถึงเสน่ห์ของดอกไม้ที่ดูลึกลับ และแน่นอนว่าไม่ได้ทำให้ผู้หญิงสนใจในตอนแรก
Mademoiselle Chanel หวังและภาวนาให้ “น้ำหอมนี้มีกลิ่นของผู้หญิง” และเธอตั้งชื่อน้ำหอมกลิ่นนี้ว่า นัมเบอร์ไฟว์ เพื่อหลีกเลี่ยงความพยายามในการนิยามน้ำหอมนี้ในเชิงอุปมาอุปไมยหรือเชิงพรรณนา Mademoiselle Chanel สนิทสนมกับนักคิดที่มีแนวความคิดทันสมัยที่สุดในยุคนั้นหลายคน ซึ่งได้แก่ Cocteau, Picasso, Apollinaire, Stravinsky, Dali และ Diaghilev เธอแลกเปลี่ยนบทสนทนากับแต่ละคนอย่างเป็นมิตร และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเข้มข้นนี้เองทำให้เธอแข็งแกร่งเมื่อต้องสร้างกระแสแห่งความทันสมัยในแบบของตัวเอง N°5 ปรากฏขึ้นในฐานะของแถลงการณ์ซึ่งแสดงจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ในเวลานั้น ซึ่งกลุ่มอาว็อง-การ์ดกำลังแพร่หลาย นอกจากนี้ ยังอาจมองว่าเป็นน้ำหอมที่สะท้อนกระแสศิลปะแนวต่างๆ เช่น บาศกนิยม ดาด้าอิสม์ (Dadaism) และเหนือจริง (Surrealism) ในแง่ของความต้องการที่จะเข้าถึงความทันสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ นิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อแสดงบริบทเฉพาะนี้ และนำเสนอความสัมพันธ์ การโต้ตอบ และการอ้างอิงต่างๆ ที่เชื่อมโยง N°5 กับผลงานสร้างสรรค์อื่นๆ ในยุคนั้น
นับแต่ชื่อที่เป็นคำสั้นๆ และสัญลักษณ์ตัว C ไขว้ ไปจนถึงเค้าโครงที่เรียบง่ายและประณีตของขวดน้ำหอมและฝาขวด นับแต่ฉลากที่ดูคล้ายฉลากยา ไปจนถึงกล่องบรรจุที่ทำด้วยกระดาษ Grosgrain ซึ่งตกแต่งขอบด้วยสีดำอย่างเรียบหรู จะเห็นได้ว่า N°5 กำเนิดขึ้นจากแนวความคิดที่ใช้องค์ประกอบต่างๆ ในโลกของ CHANEL อย่างไม่อาจแยกจากกันได้ เปรียบได้กับงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เพราะรายละเอียดแต่ละอย่างเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการที่ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ และทำให้เกิดแถลงการณ์จากน้ำหอม บรรจุภัณฑ์ และการรณรงค์โฆษณาอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้สามารถคงอยู่คู่กาลเวลามาได้ตลอด แถลงการณ์นี้เกี่ยวข้องกับสไตล์อย่างชัดเจน เป็นสไตล์ของ CHANEL และสิ่งที่นำเสนอหรือเนื้อหาสาระเป็นตัวแทนแสดงถึงคุณค่าต่างๆ ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์
ตำนาน
เมื่อดมกลิ่นน้ำหอมจากขวดบรรจุตัวอย่างที่ห้าที่ Ernest Beaux นำมาเสนอในปี ค.ศ. 1921 Mademoiselle Chanel ก็รู้ได้เลยว่าขวดนี้บรรจุน้ำหอมที่เป็นตำนาน นี่เป็นการหยั่งรู้ด้วยสัญชาตญาณหรือความฉลาด? ตำนานที่มีส่วนอย่างยิ่งในการทำให้เธอประสบความสำเร็จ เพราะเธอรู้ดีกว่าใครๆ ถึงการกล้าเลือกทางเดินของตนเอง และเธอกระตุ้นให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ทำเช่นเดียวกัน เธอมอบน้ำหอมนี้ให้แก่สตรีอื่นๆ โดยทั่วไปด้วยการนำเสนอน้ำหอมไปทั่วโลก และตัดสินใจให้ N°5 เป็นตัวแทนของเธอด้วยการให้ François Kollar ถ่ายภาพเธอเป็นนางแบบของน้ำหอมกลิ่นนี้ในปี ค.ศ. 1937 เพื่อตีพิมพ์โฆษณาครั้งแรกในนิตยสาร Harper’s Bazaar ของอเมริกา ผู้หญิงคนอื่นๆ ทำตามเธอ และแสดงให้เห็นว่า N°5 ซึ่งนำเสนอความเป็นผู้หญิงที่เป็นอมตะได้เผยความลับที่ซ่อนอยู่ภายใน การสร้างสิ่งที่เป็นตำนานนี้มีเงาของบุรุษเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นตัวละครในเรื่องที่ไม่อาจเปิดเผย มีทั้งที่ปรากฏตัวและไม่ปรากฏตัว เช่น Boy Capel ที่เป็นความรักอันยืนยงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม หรือ Pierre Reverdy คนรักลับๆ ที่อยู่อย่างสันโดษ และ Mademoiselle Chanel ยังคงติดต่อสนทนาด้วยตลอดชีวิตของเธอ
ยืนหยัดผ่านกาลเวลาและยุคสมัยมาได้จวบจนปัจจุบัน N°5 CULTURE CHANEL เป็นเสมือนการเดินทางไปสู่ศูนย์กลางจักรวาลของ CHANEL
ระหว่างเรื่องจริงและเรื่องแต่ง เรื่องราวของ N°5 ทำให้เราได้รับกุญแจที่ไขสู่โลกแห่งการสร้างสรรค์ซึ่งไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาตนเองไปตามกาลเวลา รักษาความทันสมัย และคิดค้นสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา น้ำหอมที่เกิดจากจิตวิญญาณของปัจจุบัน และจากความหวังของผู้หญิงคนหนึ่งและผู้หญิงทุกคนในแต่ละยุค ได้รวบรวมและเผยวิธีการสร้างสรรค์ซึ่งเปี่ยมด้วยจินตนาการและเป็นเอกลักษณ์ของ CHANEL จาก Mademoiselle Chanel สู่ยุคปัจจุบัน
N°5 ไม่ใช่น้ำหอม แต่เป็นเสน่ห์ที่อยู่ในความคิดคำนึงของผู้หญิงที่ใช้น้ำหอมนี้ เพราะจุดเด่นของ N°5 คือการไม่ยอมตามวิธีการใดๆและรักษาความลึกลับไว้อย่างเต็มเปี่ยมตลอดไป