เมื่อปีที่แล้วหนังเกาหลีเรื่องนี้ได้ปลุกปรากฏการณ์หนังรักโรแมนติกเกาหลี หลังจากหลับไหลไปนานหลายปีให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดย A Werewolf boy พุ่งทยานขึ้นเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้อันดับหนึ่งในแดนกิมจิแซงหน้า Vampire twilight จากฟากฮอลลีวู้ดแบบสบายๆ
ว่ากันว่าความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากหลายปัจจัยทั้ง พล็อตเรื่องที่แปลกใหม่ ดารานำที่เป็นขวัญใจวัยรุ่น รวมถึงการถ่ายภาพที่สวยงาม ซึ่งหนังกวาดรางวัลในประเทศตัวเองไปหลายรางวัล นอกจากนั้นยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในเทศกาลหนังต่างๆมากมาย
ขณะเดียวกันก็มีฉบับนิยายออกวางแผงหนังสือในวันเดียวกับที่หนังฉายวันแรก โดย โจซุงฮี ผู้กำกับได้เขียนสคริปต์หนังเรื่องนี้ขึ้นครั้งแรกที่วิทยาลัยศิลปะภาพยนตร์เกาหลี จากนั้นก็ได้เขียนใหม่หลายรอบก่อนที่จะเป็นหนัง
A Werewolf boy ว่าด้วยเรื่องของเด็กสาวคนหนึ่ง (ปาร์คโบยอง) ที่ป่วยเป็นโรงเกี่ยวกับทางเดินหายใจจึงย้ายครอบครัว (แม่กับน้องสาว) มาอยู่ที่บ้านหลังเก่าในชนบท ในสังคมของชาวเกษตรกรที่มีนํ้าจิตนํ้าใจดีเธอมีเวลาว่างมากเพราะไม่สามารถไปโรงเรียนได้ วันหนึ่งเธอได้พบกับ ชายหนุ่ม(ซงจุงกิ) หน้าตามอมแมมนอนสลบอยู่ในโรงนา ที่ประหลาดคือเขามีพฤติกรรมไม่เหมือนคน แต่กลับดูคล้ายสุนัขมากกว่า แม่ของเธอรับชายหนุ่มไว้ดูแล ซึ่งเด็กสาวต้องคอยสอนให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตแบบมนุษย์
นานวันเข้าจากความใกล้ชิด เธอกับเขาก็ผูกพันธ์กันมากขึ้นจนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันทว่าต่อมาความลับเรื่องชายหนุ่มเป็นใครมาจากไหนก็ได้รับการเปิดเผย ซึ่งเป็นเหตุให้ทั้งคู่ต้องลาจากกัน
บทหนังที่ให้ตัวเอกเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วพบรักกับมนุษย์ไม่ใช่พล็อตที่ใหม่อะไร เพียงแต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความรักแบบหนุ่มสาว แม้ตัวละครจะเป็นดาราวัยรุ่น แต่ถูกสื่อให้รักกันแบบข้ามสายพันธ์มากกว่าโดยตัวละครเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นความรักแบบเสน่หาในวัยหนุ่มสาวหรือความรักแบบซื่อสัตย์ที่เจ้าของมีต่อสัตว์เลี้ยงกันแน่
กระนั้นความแฟนตาซีที่ไม่สมจริงนิดๆของมันกลับขับเน้นความโรแมนติกในแบบนิยายชวนฝันหรือการ์ตูนตาหวานได้อย่างดี แน่นอนว่ามันได้ใจสาวๆไปเต็มๆ ซงจุงกิ แสดงบทหมาป่าได้ดีมากๆ เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะการแสดงอาการโกรธซึ่งแสดงสัญชาติญาณดิบของสัตว์ป่าได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วน ปาร์คโบยอง ก็เหมาะสมกับบทสาวขี้โรคที่มีปมในใจ ใบหน้าเศร้าๆของเธอพลอยให้เราอดทุกข์ใจไปด้วย ฉากสะเทือนใจใครอินจัดนี่มีบ่อนํ้าตาแตก เนื่องจากเคมีของพระนางดูเข้ากันมาก
แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบหนังรักวัยรุ่นออกนํ้าเน่านิดๆ นี่อาจเป็นของแสลงเลยที่เดียว ตัวหนังออกเพ้อหน่อยๆ มีความไม่สมเหตุผลหลายอย่างตัวละครไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่ และออกจะรวบรัดในตอนจบ คิดว่าหากเอาไปทำเป็นซีรี่ย์ที่มีเวลามากกว่าก็อาจจะได้รับความนิยมกว่านี้ก็เป็นได้ หนังได้รับความนิยมสูงอาจเป็นแนวทางที่ชัดเจนของที่ต้องการขับเน้นดารานำชายหญิง จึงไม่ยัดตัวละครส่วนเกินมากมายให้มาแย่งซีนบทนำเหมือนหนังรักวัยุร่นฝั่งฮอลลีวู้ด
ที่น่าชื่นชมอีกอย่างคือการถ่ายภาพ โทนของหนังสมูทเหมือนกับเรามองผ่านเลนส์วินเทจ สีของเสื้อผ้าตัวละครและวิวของทุ่งหญ่า ป่าไม้ ขุนเขาดูอบอุ่นนวลตามาก ถือเป็นผลงานกำกับหนังเรื่องแรกที่ดีที่สุดของ โจซุงฮี เลยทีเดียว
บางครั้งมนุษย์เราหาหนทางมากมายเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์กับคนรักให้ดำรงอยู่ตลอดไป ผมคิดว่าวิธีมากมายนั้นคงไม่อาจสำเร็จได้ หากปราศจาก ความซื่อสัตย์
ติดตามต่อได้ที่ : http://cyberbird.exteen.com/20130712/a-werewolf-boy-3
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์