Jobs กับแอปเปิลของเขา

เมื่อปีที่แล้วผมซื้อหนังสือชีวประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ ที่เขียนโดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน บรรณาธิการชื่อดังในสหรัฐฯมาอ่าน ด้วยความหนาของมันจนถึงปัจจุบันผมยังอ่านไปไม่ถึง1ใน4 ประจวบเหมาะกับที่หนัง Jobs เข้าฉาย

ผมจึงวางหนังสือลงเอาที่คั่นกระดาษใส่ไว้แล้วเข้าโรงภาพยนตร์เพื่อศึกษาตัวชายผู้นี้ในรูปแบบการชม

Jobs มีชื่อไทยว่า สตีฟ จ๊อป อัจฉริยะเปลี่ยนโลก กำกับโดย โจชัว สเติร์น ในบ้านเราอาจจะมองเป็นหนังฟอร์มยักษ์ แต่สำหรับสหรัฐฯนี่เป็นหนังต้นทุนตํ่า รีบสร้างออกมาในตอนที่กระแสการจากไปของ สตีฟจ็อบส์ ยังไม่จางหายไป เห็นได้จากวันเปิดตัวหนังที่เลือกในช่วงเวลาที่บริษัท แอปเปิล เปิดตัว ไอโฟนรุ่นใหม่ แสดงนำโดย แอชตัน คุชเชอร์ บางฉากถ่ายในสถานที่จริง โดยเฉพาะโรงรถของครอบครัวจ็อบส์ สถานที่จุดกำเนิดเครื่อง Apple I

เรื่องราวคร่าวๆ Jobs กล่าวถึง สตีฟ จ็อบส์(แอชตัน คุชเชอร์) ในวัยหนุ่มที่หันหลังให้กับการเรียนมหาวิทยาลัย และร่วมหัวจมท้ายกับ สตีฟ วอซเนียก (จอช แกด) สร้างเมนบอร์ดรุ่นใหม่ขึ้นมา ก่อนที่ ไมค์ มาร์คคูลา(เดอร์มอท มัลโรนี่) จะช่วยออกทุนก้อนแรกในการตั้งบริษัท แอปเปิล

ขณะเดียวกัน จ๊อบส์ ก็ต้องเผชิญปัญหาชีวิตเมื่อ คริส-แอน เบรนแนน(อันนา โอไรลี่ย์) แฟนสาวของเขาท้อง รวมถึงต่อมาเขาก็ต้องพบความยุ่งยากในการทำงานเมื่อบริษัทที่เขาก่อสร้างเติบโตขึ้นและถูกควบคุมโดยนายทุนที่สนใจแต่เรื่องของตัวเลขมากกว่าการสร้างนวัตกรรมใหม่บนโลก

ช่องโหว่ของหนังมีมากมาย ทั้งตัวบทที่เดินเรื่องตรงแน่ว เรียกว่าแทบจะยกเนื้อหากับบทสนทนาในหนังสือลงมาหมดทำให้หนังขาดมิติ มุมมองของ จ็อบส์ เป็นไปในทางเดียวคือ เดือดดาล พร้อมจะอาละวาดตลอดเวลา เราได้เห็นนิสัยแย่ๆของเขามากมายจนไม่อาจบอกได้ว่าดูแล้วจะรู้สึกปลื้มเขา ในฐานะหนังสร้างแรงบันดาลใจข้อนี้จึงสอบตก

การตัดต่อโดดไปมาทำให้ผู้ชมสับสนในการลำดับเวลา ซีนอารมณ์ทำได้ไม่สุด รวมถึงบทสนทนาบางตอนที่เน้นใช้ศัพท์ไอทีจนอดเป็นห่วงคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้หรือเด็กๆที่อาจจะตามไม่ทันได้ ยิ่งเมื่อเทียบกับ the social network หนังชีวประวัติของของผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ เรื่องหลังดูมีชั้นเชิงกว่ามาก ทั้งอารมณ์ขัน การเสียดสี เนื้อหาสดใหม่ดูวัยรุ่นกว่ามาก หากจะเปรียบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ Jobs เป็นแค่เครื่องพีซีเก่าๆ ส่วน the social network คือ โน๊ตบุ้คเครื่องบางดีไซน์เก๋ไก๋ ไม่น่าแปลกใจที่ Jobs ได้คะแนนจากเว็บวิจารณ์หนังน้อยจนน่าใจหาย

สิ่งที่ทำได้ดีใน Jobs มีสองอย่างคือ เสื้อผ้าหน้าผมของตัวละคร ฝ่ายคอสตูมกับฝ่ายฉายใส่ใจในรายละเอียดพอสมควร เราไม่เห็นอะไรที่ไม่สมควรเห็นในฉายยุคปี70-80 อีกอย่างคือเพลงประกอบที่ปลุกเร้าอารมณ์สอดรับกับเนื้อหาของเรื่องดี โดยเฉพาะเพลง CANT HOLD US ที่สร้างความคึกคักได้อย่างดี

ด้านการแสดง แอชตัน คุชเชอร์ นับว่าสอบผ่าน แม้บุคลิกส่วนตัวของเขาจะดูทะเล้นมากกว่าจะมาเล่นบทจริงจัง แต่เขาทำได้ดีพอสมควร ไม่พยายามที่จะทำตัวเหมือน สตีฟ จ็อบส์ ตัวจริงเกินไป ที่น่าชื่นชมอีกคนคือ จอช แกด การรับบทเด่นครั้งแรกในชีวิตเป็น สตีฟ วอซเนียก คู่หูที่สร้าง สร้างเครื่องแอปเปิลมาด้วยกันกับจ็อบส์ จอช ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้ดี เขาเป็นคนเดียวในเรื่องที่ทำให้คนดูรู้สึกขำและเศร้าไปด้วยได้

ปัญหาใหญ่ๆของ Jobs คือการเลือกช่วงเวลาในการเล่าเรื่อง ชีวิตจ็อบส์ในยุคหลังจากปี90มีอะไรให้เล่นมากมายทั้งการต่อสู้กับโรคมะเร็ง การขับเคี่ยวกับ Samsung นอกจากนั้นการที่หนังเทนํ้าหนักของเรื่องไปกับการเชีอดเฉือน หักหลังกันในวงการธุรกิจมากเกินไป และละเลยความน่าสนใจในการประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆของแอปเปิล คนดูจึงไม่ได้อะไรไปกว่าการได้เห็นชายหัวขบถต่อต้านสังคม ประเด็นปัญหาชีวิตครอบครัว ปมเรื่องความเป็นเด็กกำพร้า ถูกแตะเพียงแผ่วเบาทั้งที่หนังควรจะนำมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่านี้

Jobs นำเสนอภาพของชายผู้เปลี่ยนโลกเพียงแค่ในวัยหนุ่มเท่านั้น สตีฟ จ็อบส์ ใน Jobs จึงเป็นชายที่เรารู้สึกสงสารมากกว่าชื่นชม นิสัยแย่ๆในช่วงนั้น อาทิ โมโหร้าย เห็นแก่ตัว เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่รับผิดชอบ โยนความผิดให้คนอื่น ทำให้เพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายด้วยกันมาค่อยๆเดินออกจากชีวิตของเขาทีละคน จนสุดท้ายเขาถูกปล่อยให้อยู่กับสิ่งที่รักเพียงคนเดียว นั่นก็คือ แอปเปิล ผลไม้ที่เขาทุ่มเทให้ทั้งชีวิต ว่าแล้วผมก็ขอกลับไปอ่านหนังสือต่อดีกว่า 

นกไซเบอร์

ดูตัวอย่างหนัง Jobs สตีฟ จ็อบส์ อัจฉริยะเปลี่ยนโลก ได้ที่ http://movie.bugaboo.tv/watch/81358
edit @ 17 Sep 2013 09:03:38 by นกไซเบอร์

ติดตามต่อได้ที่ : http://cyberbird.exteen.com/20130916/jobs-2

 สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)

จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์

You may also like...