บาร์บาร่า แบรี่ เกิดที่ตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียร์ และได้ศึกษาด้านศิลปะที่ Academy of Art College ในซานฟรานซิสโก ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 บาร์บาร่าได้จัดตั้งบริษัท Barbara Barry Inc. ขึ้น
ซึ่งเป็นบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายในเต็มรูปแบบให้กับที่พักอาศัยและโรงแรม ร้านค้าต่างๆ อาทิ บ้านของ Eli Broad และ Michael Ovitz โรงแรมหรูในกรุงลอนดอน อาทิ The Savoy Hotel และ The Berkeley Hotel ร้านเสื้อผ้า Brooks Brothers flagship store บนถนนเมดิสัน และ The Avon Spa ในแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ค ร้านอาหารของไมเคิล มีน่า ในโรงแรม เซนต์ ฟรังซิส ณ ซานฟรานซิสโก และแกลลอรี่ของบาร์บาร่า แบรี่ เอง ทั้งในกรุงเทพฯ และกรุงมอสโค นอกจากนี้ บาร์บาร่า ยังเคยร่วมงานกับสถาปนิกระดับแถวหน้าของโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Richard Neutra, Paul Williams, Wallace Neff, Arthur Erickson, Shope Reno Wharton และ Frank O. Gehry ในการออกแบบที่พักอาศัยอีกด้ว
หลังจากนั้น บาร์บาร่าได้เปิดตัว Barbara Barry Home โซนที่จัดโชว์ของตกแต่งบ้านส่วนตัวของ บาร์บาร่าสำหรับลูกค้า ต่อมาไม่นานก็ได้ขยายจากธุรกิจการตกแต่งภายใน ออกไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการตกแต่งบ้าน ผลงานของ บาร์บาร่า แบรี่ เป็นที่จับตามองในกลุ่มของผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์หลายรายจากทั่วโลก และต่างได้สังเกตเห็นถึง สุนทรียภาพในงานของบาร์บาร่า ทำให้ บาร์บาร่า ได้เข้าร่วมงานและออกแบบคอลเลคชั่นต่างๆ กับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำมากมาย อาทิ Ann Sacks Tile and Stone, Baccarat Crystal, Italian luxury bedding Bagni Volpi Noemi, Baker Furniture, Blueridge Carpets, Boyd Lighting Company, Haviland Limoges, HBF Furniture and textile, Kallista bath products, Kravet Fabrics, Mcguire Furniture, Sferra Bros และ Tufenkian Tibetan Rugs ซึ่งในแต่ละคอลเลคชั่นที่บาร์บาร่าออกแบบจะประกอบไปด้วย เครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ลวดลายผ้า ซึ่งได้รับการชื่นชมและเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ในความหลากหลายของผลงาน ซึ่งมีพื้นฐานมาจากความมีชีวิตชีวา ความคลาสสิค และรูปแบบที่มิกซ์แอนด์แมทช์
ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปี บาร์บาร่า แบรี่ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัล “DESIGNER OF THE YEAR” โดย Traditional Home magazine, รางวัล “STAR OF DESIGN” by the Pacific Design Center, Los Angeles นอกจากนี้ บาร์บาร่ายังได้รับการเสนอชื่อและได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในท็อปลิสต์ สุดยอดนักออกแบบ 100 คนจากทั่วโลก ในหนังสือ Architectural Digest’s “AD 100”, รับการบรรจุชื่อในหอเกียรติยศ โดยนิตยสาร Interior Design และ “100 BEST DESIGNERS” โดยนิตยสาร House Beautiful และเมื่อปี พ.ศ. 2548 บาร์บาร่ายังได้รับรางวัล “GIANTS IN DESIGN” โดยนิตยสาร House Beautiful ,“DESIGNER OF THE YEAR 2005” จากนิตยสาร Elle Décor International และ “DESIGNER OF DISTINCTION FOR 2005” โดย the American Society of Interior Designers ทั้งนี้ บาร์บาร่า ได้รับการชื่นชมจากบุคคลคนรอบข้างและสื่อมวลชนมากมาย ปัจจุบัน บาร์บาร่า แบรี่ เป็นดีไซน์เนอร์ชาวอเมริกันที่มีผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุด
ความร่วมมือของบาร์บาร่า แบรี่ กับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ Baker นั้นเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2539 กับการเผยโฉมคอลเลคชั่นที่เปี่ยมล้นด้วยสุนทรียภาพแห่งความทันสมัยและสะท้อนความหลงใหลของเธอที่มีต่อความสมมาตร ขนาด และสัดส่วน หลังจากได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น จากบรรดาสื่อมวลชน นักออกแบบ และลูกค้า นั่นยิ่งทำให้ผลงานของเธอเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น เธอยังคงพัฒนาผลงานการออกแบบอย่างต่อเนื่อง โดยอีกสิบปีต่อมาเธอได้สร้างสรรค์งานชิ้นเด่น เช่น โต๊ะ High-Heeled Nesting และ เก้าอี้ Oval X Back และรูปทรงอันมีเอกลักษณ์อื่นๆ อีกมากมายที่ทนทานเหนือกาลเวลา
นอกเหนือจากคอลเลคชั่นที่ทำร่วมกับ Baker แล้ว แบรี่ ยังได้ออกแบบคอลเลคชั่นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงให้กับบริษัทในเครืออื่นๆ อีก เช่น แมคไกวร์, แอน แซคส์ และคาลิสตา รวมทั้งแบรนด์หรูมีระดับอื่นๆ “ในฐานะที่เป็นนักออกแบบดิฉันยังคงทำงานหลายอย่าง ในเวลาเดียวกันและดิฉันรักแนวทางการทำงานที่มีชีวิตชีวาแบบนั้น” แบรี่ กล่าว “ดิฉันมีความหลงใหลในกระบวนการและค้นพบแรงบันดาลใจผ่านทางการสังเกตและการตระหนักรู้ ดิฉันสามารถซึบซับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวได้อย่างง่ายดาย … ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของไข่, สีของน้ำในอ่างอาบน้ำไปจนถึงก้อนเมฆบนท้องฟ้า” ความซาบซึ้งใจต่อสิ่งเหล่านี้ เป็นที่ประจักษ์อย่างต่อเนื่องผ่านผลงานการออกแบบของแบรี่ รวมถึงพรสวรรค์และวิสัยทัศน์ ต่อการเก็บเกี่ยวและยึดถือจินตนาการไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นเช่นไรก็ตาม
“ดิฉันเชื่อว่าคนเราต้องการงานออกแบบภายในที่ผ่านการคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้นเพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของเขาไม่ใช่เพียงเพื่อตามกระแสนิยมอย่างเดียว” แบรี่ อธิบายเพิ่มเติม “ความทันสมัยยังคงครองความเป็นที่นิยมเพียงแต่มีวิวัฒนาการในการเข้าถึง โดยเฉพาะ การออกแบบที่มีความอบอุ่นและความเรียบง่ายมากขึ้นซึ่งดิฉันเชื่อว่ามันคือความหรูหราชั้นยอด”