COTTON USA พาเยือนถิ่นกำเนิดฝ้ายคุณภาพสูง ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย

“ฝ้าย” เป็นหนึ่งในเส้นใยธรรมชาติที่มีสัมผัสนุ่มสบาย สามารถสวมใส่ได้ทุกฤดูกาล และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจาก ฝ้าย กลายเป็นไอเท็มยอดนิยมที่ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม หรือผลิตภัณฑ์สิ่งทอภายในบ้าน เพื่อเป็นการทำความรู้จักกับ ฝ้าย ให้มากขึ้น “คอตตอน ยูเอสเอ” (COTTON USA) จึงได้จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “คอตตอน ยูเอสเอ ยู. เอส. คอตตอน เอ็ดดิวเคชั่นแนล ทัวร์ ทู แคลิฟอร์เนีย 2013” พาผู้โชคดีจากแคมเปญ “อะ ทัช ออฟ เพียว เลิฟ” ไปเปิดประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการเยือนแหล่งกำเนิดฝ้ายธรรมชาติคุณภาพสูง พร้อมกับ ป้อง – ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ดาราหนุ่มสุดฮอต ผู้เป็นคอตตอน เลิฟเว่อร์ เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการเพาะปลูกฝ้ายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งรับรู้ประโยชน์ของฝ้ายที่มีมากมาย ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกฝ้ายคุณภาพสูง

นายไกรภพ แพ่งสภา ตัวแทนคอตตอน ยูเอสเอ ในกลุ่มประเทศอาเซียน กล่าวว่า “คอตตอน ยูเอสเอ ยู.เอส. คอตตอน เอ็ดดิวเคชั่นแนล ทัวร์ ทู แคลิฟอร์เนีย 2013” (2013 COTTON USA U.S. Cotton Educational Tour To California) เป็นทริปที่จัดขึ้นภายใต้โปรโมชั่นแคมเปญสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “อะ ทัช ออฟ เพียว เลิฟ” (A Touch of Pure Love) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดประสบการณ์ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ทำความรู้จักกับ ฝ้าย ให้มากขึ้น โดยเฉพาะกระบวนการเพาะปลูกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเก็บเกี่ยวโดยใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการกำหนดคุณภาพเส้นใยฝ้ายก่อนที่ฝ้ายจะถูกแปรรูปเพื่อนำไปผลิตเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และผลิตภัณฑ์สิ่งทอภายในบ้านที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป

นายไกรภพ กล่าวต่อว่า “คอตตอน ยูเอสเอ ได้พาผู้บริโภคชาวไทยจำนวน 6 ท่าน เดินทางไปเยี่ยมชมไร่ฝ้าย “Starrh & Starrh Cotton Growers” ณ เมืองเบเกอร์สฟิลด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกฝ้ายที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของสหรัฐอเมริกา โดยฤดูการเพาะปลูกฝ้ายนั้นจะเริ่มต้นการหว่านเมล็ดในช่วงเดือนมีนาคม และจะเริ่มเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมของทุกปี วงจรชีวิตของฝ้ายเริ่มจากการเพาะปลูกเมล็ดฝ้ายในพื้นที่ที่มีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศที่เหมาะสม ซึ่งต้นฝ้ายจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่แห้ง หลังจากนั้นต้นฝ้ายจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการเจริญเติบโตจากดอกฝ้ายกลายเป็นสมอฝ้าย ผู้ปลูกจึงเริ่มเก็บเกี่ยวและส่งต่อไปยังโรงหีบ (Gin) เพื่อคัดแยกใยฝ้ายและเมล็ด ก่อนที่จะอัดใยฝ้ายให้เป็นก้อน หรือที่เรียกหน่วยเป็น “เบล” เพื่อส่งต่อให้กับผู้ผลิตเพื่อแปรรูปเป็นเส้นด้ายต่อไป”

นอกจากนี้ นายไกรภพ ยังได้กล่าวเสริมถึงประโยชน์ของต้นฝ้ายที่น้อยคนนักที่จะรู้อีกด้วยว่า “ต้นฝ้าย 1 ต้นประกอบด้วย เมล็ด เส้นใย และกากฝ้าย ทุกส่วนประกอบของต้นฝ้ายเกษตรกรสามารถนำมาแปรรูปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด เมล็ดสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันเมล็ดฝ้ายเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการ และมีโปรตีนสูง ส่วนเส้นใยจะนำเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นเส้นด้าย เพื่อส่งต่อไปยังกระบวนการทอผ้านำมาผลิตเป็นเสื้อผ้า และสิ่งทอต่างๆ ที่มีผิวสัมผัสนุ่มสบาย ไม่ระคายเคืองผิว สวมใส่ได้ทุกฤดูกาล อีกทั้งยังสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ สุดท้ายกากฝ้ายยังสามารถทำเป็นปุ๋ยชีวภาพได้อีกด้วย”

ป้อง-ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ผู้เป็นคอตตอน เลิฟเว่อร์ ที่ชื่นชอบในสัมผัสนุ่มสบายของผ้าฝ้ายธรรมชาติ กล่าวว่า “สนุกและประทับใจกับทริปครั้งนี้มาก เนื่องจากสัมผัสได้ถึงความนุ่มสบายจากเสื้อผ้าฝ้ายที่ทางคอตตอน ยูเอสเอ จัดเตรียมให้ตลอดทริปการเดินทาง อีกทั้งยังได้ไปเยี่ยมชมไร่ฝ้ายซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งกำเนิดเส้นใยฝ้ายธรรมชาติคุณภาพสูง พร้อมทั้งกระบวนการเพาะปลูกตลอดจนกรรมวิธีการเก็บเกี่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจและให้ความรู้แก่ตนเองมากทีเดียวครับ”

คุณลดาวัลย์ วัฒนบุตร หนึ่งในผู้โชคดี กล่าวว่า “รู้สึกดีใจและประทับใจกับกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้มาก ตั้งแต่กิจกรรมฟิตติ้ง เวิร์คช้อป ที่เชิญแฟชั่นกูรูมาแนะนำเทคนิคการแต่งตัวพร้อมทั้งการจัดกระเป๋าเดินทางให้แก่พวกเรา พร้อมทั้งเตรียมชุดเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทางให้ตลอดทริปการเดินทางครั้งนี้ และการเยี่ยมชมไร่ฝ้ายที่น้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสมาสัมผัสถึงแหล่งกำเนิดของฝ้ายที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพสูง อีกทั้งพอทราบว่าฝ้ายหนึ่งต้นสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้หลากหลาย และยังสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติก็ทำให้ชื่นชอบฝ้ายมากขึ้น เพราะมั่นใจได้ว่าเป็นเส้นใยที่นอกจากจะสามารถถูกนำมาผลิตเป็นเครื่องนุ่งห่มที่ใส่สบายแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจริงๆค่ะ”

ทริปเดินทางในครั้งนี้ คอตตอน ยูเอสเอ ได้รวบรวมความพิเศษไว้มากมายเริ่มตั้งแต่กิจกรรม ฟิตติ้ง เวิร์คช้อป ที่จัดขึ้นก่อนการเดินทางโดยเชิญ คุณแมน-กวี ลักษณะสกุลชัย แฟชั่นสไตล์ลิสต์ ชื่อดัง มาแนะนำเทคนิคการมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าพร้อมทั้งวิธีการจัดกระเป๋าเดินทางแบบแฟชั่นนิสต้า ตามมาด้วยกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์สำคัญของแคมเปญอย่างการเยี่ยมชมแหล่งกำเนิดเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ พร้อมเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อาทิ วอร์เนอร์บราเธอร์ส สตูดิโอ ท่าเรือซานตา โมนิก้า รวมไปถึงฮอลลีวูด วอล์ค ออฟ เฟม ถนนอันโด่งดังของมหานครลอสแองเจลลิส

เกี่ยวกับคอตตอน ยูเอสเอ (COTTON USA)
เครื่องหมาย “คอตตอน ยูเอสเอ” (COTTON USA) ได้รับการออกแบบและเผยแพร่ในปี ค.ศ. 1989 โดย คอตตอน เคาน์ซิล อินเตอร์เนชั่นแนล
หรือ ซีซีไอ (COTTON COUNCIL INTERNATIONAL: CCI) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ เนชั่นนัล คอตตอน เคาน์ซิล (National Cotton Council) ประเทศสหรัฐอเมริกา เครื่องหมาย “คอตตอน ยูเอสเอ” เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงผลิตภัณฑ์แห่งคุณภาพ ผลิตจากฝ้ายธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนผสมของฝ้ายจากสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์

ปัจจุบัน คอตตอน ยูเอสเอมีตัวแทนกว่า 26 แห่ง ทั่วโลก ในประเทศไทย “คอตตอน ยูเอสเอ” ทำหน้าที่ขยายฐานกลุ่มไลเซนซี (Licensees) ของคอตตอน ยูเอสเอ ในประเทศไทย โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มผู้ผลิต แบรนด์ และผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฝ้ายจากสหรัฐอเมริกาเป็นวัตถุดิบหลัก นอกจากนี้ “คอตตอน ยูเอสเอ” ยังมุ่งเน้นสร้างความพึงพอใจเกี่ยวกับฝ้ายจากสหรัฐอเมริกาในกลุ่มผู้บริโภคให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับฝ้าย เส้นใยธรรมชาติ ที่สามารถปลูกทดแทน และให้ความสบายเมื่อสวมใส่

กุลนิษฐ์ สิริจันทรดิลก (ตาล)
เบอร์โทร : 0-2204-8077, 085-122-4879
อีเมล : kullanit.sirichantaradilok@vervethailand.com
kullanit.sirichantaradilok@vervethailand.com

You may also like...