จองคิวฉายหนังทุกปลายปีสำหรับค่าย M39 และ ยอร์ช ฤกษ์ชัย ผู้กำกับที่มีมุ่งมั่นในการทำหนังรักตลกออกมาอย่างสมํ่าเสมอ ช่วง10ปีที่ผ่านมาภาพยนตร์ของเขาแม้จะทำเงินไปมากมาย พร้อมกับเสียงชื่นชมจำนวนมาก
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกฟากหนึ่งก็มีเสียงวิจารณ์จากคนดูหนังไทยจำนวนหนึ่งที่ไม่ชอบ จนถึงเข้าขั้นเกลียดหนังของเขา ดังนั้นปี 2013 กับ ฟัดจังโตะ โปรเจกต์หนังรักซาดิสต์คอเมอดี้ของ ยอร์ช ฤกษ์ชัย เขาจึงดึงเอาเพื่อนซี้อย่าง ดิ่ง นพดล อากาศ ผู้กำกับโฆษณา มาร่วมกำกับด้วย คล้ายกับว่าต้องการแก้มือและลบคำสบประมาทของผู้ที่แอนตี้หนังของเขา แรกทีเดียวเขาออกตัวว่าสร้างสรรค์ภาพยนตร์โดยตัวเขากับชาวคณะจนผมเข้าใจผิดคิดว่าเรื่องนี้ ยอร์ช ไม่ได้กำกับ เป็นเพียงผู้อำนวยการสร้าง มาทราบตอนใกล้จะได้ชมหนังว่าเป็นการกำกับคู่ เรื่องย่อของ ฟัดจังโตะ ไม่มีอะไรมาก ก็อป (บอย ปกรณ์) กับ แก๊ป (ยิปโซ รมิตา) เป็นแฟนกัน ทะเลาะกัน จากคู่รักกลายเป็นคู่กัด แก๊ป ส่งฝาชาเขียวชิงโชคได้ไปญี่ปุ่น ก็อป จำใจต้องไปเพราะชื่อคนที่ไปด้วยเปลี่ยนไม่ได้ ในทริปที่นำทัวร์โดย ไกด์ (เอ๊ะ ละอองฟอง) กับ พ่อ (แอนนา ชวนชื่น) ก็อป กับ แก๊ป แกล้งกัน ทะเลาะกัน ตลอดเวลา
หนังมีลายเซ็นต์ของยอร์ชเต็มเปี่ยม พล็อตหลวมมาก ตัดสลับฉากวกวน ไร้เหตุผล ไม่มีความสมจริง ข้อดีคืออย่างน้อยนี่ก็เป็นหนังเรื่องแรกในรอบหลายปีของเขาที่มีเค้าโครงของการเขียนบทชัดเจน และไม่ค่อยมีคำคมพรํ่าเพ้อจากโซเชียลเน็ตเวิร์คยัดใส่ปากตัวละครเท่าไหร่ เข้าใจว่า ดิ่ง นพดล คงมาช่วยกับกับแค่ด้านภาพกับกราฟฟิกของหนังตามที่เขาถนัดเสียมากกว่า ซึ่งในสองส่วนนี้ถือว่าทำได้ดี ภาพแจ่ม กราฟฟิกน่ารัก
ทว่า โดยรวมแล้วมันยังคงอัดแน่นไปด้วยอารมณ์หนังของ ยอร์ช ที่ดำเนินเรื่องแบบตลกสถานการณ์ หรือ ซิทคอม แม้ว่าเรื่องนี้จะมีความเป็นหนังมากขึ้น แต่เรายังคงพบมุขตลกที่ถูกเซ็ทขึ้นมาอย่างเป็นระบบ ส่วนตัวคิดว่ามันไม่ธรรมชาติ หลายคนจึงมีอาการขำแบบกั๊กๆ ไม่สุด จะฮาก็ไม่เต็มที่ ตัวละครยิงมุขกันไปตลอดทริป แป๊กบ้าง ฝืดบ้าง ตามจังหวะ ด้านความโรแมนติกหาไม่ได้เลย ไม่ซึ้ง ไม่อิน ตัวละครจู่ๆก็เกลียดกัน จู่ๆก็รักกัน ชนิดไม่มีที่มาที่ไป
ผมทำได้แค่หัวเราะขื่นๆกับพฤติกรรมของตัวละครหลักที่ ตบกันบ้าง ทุบกันบ้าง กัดกันบ้าง ถีบกันบ้าง หาอะไรมาตีกันบ้าง ถ้าการที่ผู้กำกับให้คำว่าหนังเป็นซาดิสต์คอเมอดี้ เพียงแค่พระนางตีหัวกันไปมาไม่ต่างจากตลกคาเฟ่ ตีหัวเข้าบ้าน ขำแบบฉาบฉวย แล้วบอกว่านี่เป็นแนวทางใหม่ของหนัง ผมขอค้านสุดตัว เนื่องจากมุขต่างๆมันอยู่ในการ์ตูนญี่ปุ่นมาหลายสิบปีแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครกล้าเอามาทำเป็นหนัง
คาแร็กเตอร์ของตัวละครโอเวอร์จนเกือบล้น คอสตูมหลุดโลก แน่่นอนมันเป็นสไตล์ของผู้กำกับ แอนนา ชวนชื่น แปลกประหลาด ชนิดไม่ต้องสงสัยว่าแกแสดงเป็นคนญี่ปุ่นทำไมด่าชัดกว่าคนไทย ตัวละครแบบนี้มีในหนัง ยอร์ช ทุกเรื่อง ไล่มาตั้งแต่ จตุรงค์ , ค่อม ชวนชื่น ,โก๊ะตี๋ เป็นตัวประคองเสียงหัวเราะของเรื่อง แต่ก็ทำลายความน่าเชื่อถือไปพร้อมๆกัน ยิปโซ เด่นสุดโดยเฉพาะกับบทสาวอีกคนที่หน้าเหมือนแก๊ป เธอได้แสดงความสามารถทั้ง ร้องเพลง เล่นกีตาร์ และ เต้นรำ น่าเสียดายที่บทมันว่างเปล่าเกินไป
บอย ปกรณ์ เคมีเข้ากับ ยิปโซ พอสมควร แต่ดูไม่เหมาะกับการแสดงหนังตลก บุคลิกเขาแค่กวนๆเท่านั้น ไม่สามารถทำให้คนดูระเบิดเสียงฮาได้เท่า คู่ เต๋อ กับ หนูนา ในทริปเกาหลีจากหนังกวนมึนโฮ เอ๊ะ ละออกฟอง เป็นนักแสดงสมทบที่ไม่สามารถขโมยซีนได้เลย ทั้งที่ฉากของเขาเยอะกว่าสองตายายในหมู่บ้านโบราณซะอีก ส่วนตัวละครอื่นๆไม่มีความจำเป็นเลย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้องสาวที่แอบชอบก็อป หรือกลุ่มเพื่อนๆที่ออฟฟิศก็อป ซีนที่ ก็อบ โทรจากญี่ปุ่นหาเพื่อนที่เมืองไทยตัดออกก็ไม่มีผลกับหนัง
กระนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนดูจำนวนหนึ่งหัวเราะมีความสุขไปกับหนัง จะด้วยความชื่นชอบในตัว ผู้กำกับ นักแสดง หรืออะไรก็แล้วแต่ พวกเขาบอกว่าหนังสนุกมากด้วยซํ้า ภาพที่เกิดในโรงจึงดูขัดแย้งกัน คือ คนดูบางคนหลับ คนดูบางคนหัวเราะแทบตกเก้าอี้ บางคนสงสัยว่าทำไมคนข้างๆไม่ขำ ขณะที่บางคนสงสัยว่าทำไมคนข้างๆถึงขำเยอะขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ฟัดจังโตะ ยังดูดีกว่า สุดเขตฯ , คุณนายโฮ , สคส. และ วาเลนไทน์ สวีตตี้ ถือว่ามีพัฒนาการบางอย่างเกิดขึ้นในหนังของ ยอร์ช ถึงจะไม่มากเท่าไหร่ แต่เห็นได้ถึงความพยายามของเขา
BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์