เวลาบ่าย 2 โมง 45 นาที ของวันที่ 14 มีนาคม ปี 1883 คาร์ล มาร์กซ์ ในวัย 65 ปี สิ้นใจตายบนเก้าอี้นั่งขณะที่กำลังทำงาน ศพของเขาถูกฝังไว้เคียงข้างกับ เจนนี่ ภรรยาของเขาที่สุสานไฮเกทในลอนดอน
มรดกที่เขาทิ้งไว้ให้กับโลกคือ ความคิดของเขา บทความ หนังสือ ที่ถือว่าเป็น คัมภีร์แห่งการปฏิวัติของชาวโลก มาร์กซ์คือบุคคลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปราชญ์ทางการเมือง ผู้ริเริ่มทฤษฏีการปฏิวัติสังคมเพื่อความเสมอภาคของประชาชนทั่วโลก
หนึ่งในนั้นคือหนังสือเรื่องนายทุน (Capital) ที่ได้ถูกขนานนามว่าเป็น คัมภีร์ไบเบิ้ลของลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งมาร์กซ์ใช้เวลาเขียนเรื่องนี้ร่วม 40 ปี เมื่อเฟอร์ดินันท์ ลาซาลล์ (Ferdinand Lasalle) นักปราชญ์ทางการเมืองเยอรมันได้นำทฤษฏีนี้ไปช่วยเหลือคนงานโดยการจัดตั้ง สหพันธ์แรงงานขึ้น ชื่อเสียงของ คารล์ มาร์กซ์ ก็เริ่มกระจายไปทั่วโลก หนังสือนี้ได้ถูกแปลภาษาเผยแพร่ไปทั่วยุโรปและเอเชีย บรรดาคนยากจนและคนงานต่างเทิดทูนความคิดเห็นของมาร์กซ์ในหนังสือเรื่องนี้มาก
ไม่ว่าเขาจะเป็นศาสดาคอมมิวนิสต์ คนบ้าการเมืองที่หัวรุนแรง ผู้มีพระวาจาของพระเป็นเจ้า หรือความเป็นจริงเขาจะเป็นคนแบบไหนก็ตามมาร์กซ์ก็เป็นปุถุชนคนหนึ่งที่หนีความเป็นปุถุชนไปไม่พ้น แต่การที่มาร์กซ์กลายเป็นบุคคลสำคัญของโลกนั้น เขาต้องผ่านความยากลำบากมาแล้วอย่างโชกโชน ไม่ต่างจาก อับราฮัม ลินคอลน์ หรือมหาตมา คานธี คารล์ มาร์กซ์ เคยถูกเนรเทศออกจากประเทศเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส ไม่เว้นบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองคือเยอรมัน จนต้องไปตั้งรกรากและเสียชีวิตที่ประเทศอังกฤษ ถึงเขาจะมาจากครอบครัวมีอันจะกิน แต่มาร์กซ์เป็นนักต่อสู้เพื่อคนยากจน จึงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างคอมมิวนิสต์ที่ขายตัวบางกลุ่ม รายได้จากการเขียนหนังสือบางครั้งไม่พอค่าบุหรี่และขนมปัง เขาต้องเป็นหนี้ทั้งค่าเช่าบ้าน ร้านหมอและร้านชำ ดังปรากฏในบันทึกที่เขาเคยเขียนไว้ว่า “ขอบใจความจน ที่ทำให้ข้าได้พบแสงสว่าง ถ้าไม่มีความจน ข้าจะเขียนเรื่องสังคมนิยมไม่ได้”
ตลอดชีวิตของ คาร์ล มาร์กซ์ ไม่เคยหยุดนิ่งในทางการเมือง เขาต่อสู้ตลอดเวลา ทั้งการพูดปาฐกถา จูงใจให้ประชาชน กรรมกร ชาวนา เดินขบวนคัดค้านรัฐบาลและออกมาปฏิวัติ อาจกล่าวได้ว่า คาร์ล มารก์ซ์เป็นบุคคลที่มองโลกในแง่ของการปฏิวัติเพื่อคนจนตลอดเวลา แต่อย่างที่ได้กล่าวไว้ มาร์กซ์ก็คือปุถุชนธรรมดาที่พอใจในความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย เป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ชอบเล่านิทานและอ่านวรรณคดีให้เด็กๆฟัง เขารักธรรมชาติดนตรี งานศิลปะ และชอบเล่นหมากรุก เขาเป็นนักเล่นหมากรุกที่บางครั้งลืมกินอาหาร
มารก์ซ เคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตของการถูกเนรเทศนั้นโหดร้ายทารุณที่สุด ไหนจะอับอาย ไหนจะยากจน แต่ข้าพเจ้ายิ้มรับ เพราะถือว่าชีวิตที่ปราศจากการต่อสู้ ไม่มีค่าอะไรเลย” หลังจากการเสียชีวิตของเขาไม่ถึง 50 ปี ก็เกิดการปฏิวัติใหญ่ในรุสเซีย โดยการนำของ เลนิน ผู้ที่นำความคิดของมาร์กซ์มาตั้ง มาร์กซ์ซิสม์ (Marxism) และสถาปนาสหภาพโซเวียตในนามรัฐสังคมนิยม (Socialism) นอกจากนั้นบทความและข้อเขียนจากหนังสือของ คารล์ มาร์กซ์ ทำให้เกิดการปฏิวัติในประเทศจีนและลามไปทั่วโลก
ทุกวันนี้ผู้คนยังจดจำ คาร์ล มาร์กซ์ ได้ว่าเขาคือบิดาของการปฏิวัติ คือนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมือง มาร์กซ์เป็นตัวอย่างของนักต่อสู้ นักการเมืองที่ต่อสู้เพื่อคนยากจนโดยแท้ แม้ว่าชีวิตของเขาต้องถูกเนรเทศ อดมื้อกินมื้อ ครอบครัวต้องอดอยากยากจน แต่ในที่สุดเขาก็เป็นผู้ชนะ เพราะเขาเป็นผู้บุกเบิกรวบรวมพลังความคิดมาสู่คนงานทั่วโลก ปลุกให้เดินออกมาจากความมืดมิด
คาร์ล มารก์ซ กลายเป็นบุคคลสำคัญของโลกเพราะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ ไม่ใช่รอให้ประวัติศาสตร์มาสร้างชื่อเสียงให้ เหมือนอย่างที่ ยอร์ช หลุยส์ บัฟฟอน นักปราชญ์และนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศสเคยกล่าวไว้
อ้างอิงจาก : ประวัติคาร์ล มาร์กซ์ (บิดาของคอมมิวนิสต์) โดย ไพฑูรย์ วงศ์วานิช อนุ ร.บ.(จุฬา)