หลังจากจบหลักสูตรฝึกอบรมจากโรงเรียนอาหารเฟอร์นันดีในกรุงปารีส หลันซูได้ร่วมงานกับเชฟชาวฝรั่งเศสชื่อดังหลายท่าน อาทิ ปิแอร์ เออร์เม และทำงานในภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์หลายแห่ง
อาทิ Les Ambassadeurs, Relais d’Auteuil และ ห้องอาหาร The French Laundry ของโทมัส เคลเลอร์ ในแคลิฟอร์เนีย
เมื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาในใต้หวัน ในปี 2008 หลันซูจึงได้เปิดห้องอาหาร Le Moût (เลอ มูท) ในเมืองไทจุง ทางภาคตะวันตกของประเทศ โดยห้องอาหารแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของมาตรฐานการปรุงอาหารระดับสูง รวมถึงการผสมผสานเมนูอาหารแบบดั้งเดิมและแบบร่วมสมัยได้อย่างลงตัว ด้วยทักษะที่ได้จากการศึกษากับเหล่ามาสเตอร์ชาวฝรั่งเศส ทำให้หลันซูสามารถประยุกต์แนวคิดการปรุงอาหารสไตล์ยุโรปเพื่อผู้บริโภคในใต้หวันได้อย่างดีเยี่ยม
หลันซูได้ผสมผสานศาสตร์การปรุงอาหารแบบฝรั่งเศสให้สอดคล้องกับความนิยมและวัตถุดิบพื้นเมืองของใต้หวันบ้านเกิดของเธอ เพื่อนำเสนอทักษะการปรุงอาหารสไตล์ฝรั่งเศสระดับมาสเตอร์และแนวคิดด้านอาหารรูปแบบใหม่ในแบบฉบับของเธอเอง การปรับเปลี่ยนรายการอาหารอยู่เสมอของเชฟหลันซู มีพื้นฐานมาจากการปรุงอาหารแบบดั้งเดิมในบริบทต่างๆ ที่สืบทอดกันมา ทำให้เมนูอาหารของหลันซูมีรูปแบบผสมผสานทางวัฒนธรรม ด้วยรสชาติและรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
นอกจากนั้นเชฟ Lanshu Chen ยังได้รับเลือกเป็นเชฟหญิงยอดเยี่ยมแห่งเอเชียของ เวิฟ คลิกโก ประจำปี 2014 โดยรางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกาศผลรางวัล 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Asia’s 50 Best Restaurants) ดำเนินการจัดงานโดย วิลเลียม รี้ด บิสเนส มีเดีย และสนับสนุนโดย เอส เพลเลกริโน (S. Pellegrino) และ แอคคัว แพนนา (Acqua Panna) มีจุดประสงค์เพื่อยกย่องการปฏิบัติงานของเชฟหญิงที่มีความสามารถโดดเด่น ผู้สามารถปรุงอาหารให้เป็นที่ชื่นชมของบรรดานักวิจารณ์ชั้นหัวกะทิ รางวัลนี้ได้รับแรงบันดาลจากการดำเนินชีวิตและความสำเร็จของมาดามคลิกโก ผู้ตั้งมาตรฐานการปฏิบัติงานของสตรีในธุรกิจอาหารเมื่อกว่า 200 ปีมาแล้ว ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้ ถือเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติด้านการนำเสนอสิ่งใหม่ การสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นเช่นเดียวกับมาดามคลิกโก