ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช

Artist Talk ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช

คำว่าศิลปะร่วมสมัยในช่วงเวลานี้
ผมว่ามันเป็นคำที่ใช้ไปได้เรื่อยๆนะ คนที่ใช้คือต้องการพูดถึงหรือมีความเกี่ยวโยงกับบริบทในเวลานั้นๆ หรือเป็นคำที่ออกมาจากสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น

เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงงานศิลปะ ความร่วมสมัยมันจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพราะศิลปินที่เค้าอยู่กับบริบทนั้นๆหรือความคิดนั้นๆเค้าจะต้องทำงานที่พูดถึงช่วงเวลานั้นอยู่ตลอดเวลา เค้าอาจจะวาดภาพๆเดียว หมายถึงนั่งวาดภาพวิว ที่มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่เขาวาดทุกวัน ภาพเดียวกันนี้จากหน้าต่างเดียวกันนี้ แต่ทุกวันก็จะไม่เหมือนกัน เพราะมันคือช่วงเวลาที่มันเปลี่ยนไปด้วยตัวมันเอง ทุกคนใช้คำนี้ เพราะมันเป็นเหมือนความคิดที่ทันสมัย เพราะเราอยู่ในยุคโลกาภิวัฒน์มันเลยกลายเป็นคำที่เป็นแบรนด์ดิ้งไป แต่เดี๋ยวนี้ก็จะมีคำอื่นๆเข้ามาอย่าง โซเชียลเน็ตเวิร์ค นี่คือสื่อ เพราะความคิดมันก็ถือเป็นสื่ออย่างนึง

อาหารในทัศนคติของคุณสำหรับตอนนี้
อาหารเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจ เป็นพื้นฐานที่ทุกคนสามารถจะเข้าใจกับมันได้ แต่ประเด็นของงานจริงๆมันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่อยู่รอบๆอาหารมากกว่า ส่วนมากคนจะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของอาหาร หรือเห็นว่าเป็นอาหาร นั่นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ว่าประเด็นที่เอาอาหารมาใช้เพราะว่าเราต้องการสร้างสถานการณ์ให้คนที่มาดู คนที่มาเสพ คนที่มาสัมผัสกับความคิดของงาน ต้องการให้คนมารวมกันอยู่ มีการสัมผัสที่ไม่ใช่กับแค่อาหาร แต่หมายถึงกับคนทุกคนด้วย เหมือนเวลาเรากินข้าวด้วยกัน เราก็มีเรื่องสนทนา มีเรื่องคิดมีเรื่องพูด แล้วในช่วงเวลาที่เราพูดคุยกันมันจะสร้างความคิดบางอย่างเข้ามาได้ ที่ทำให้ผมมีชื่อเสียงก็เพราะอาหารแต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้ทำอาหารตลอดเวลา แล้วก็ไม่ได้คิดว่างานที่ต้องทำจะต้องเป็นเรื่องของอาหาร จริงๆมันเป็นเรื่องของชีวิต เป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล

ผลงานต่อไปของคุณ
ปีสองปีที่ผ่านมาผมก็ถ่ายหนัง เคยมาแสดงที่เมืองไทย ตอนนี้ก็กำลังทำอยู่เรื่องนึง ผมคิดว่าภาพยนตร์เป็นการใช้ภาพที่กำลังเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆมันเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สามารถสื่อความคิดออกมา ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นสื่อที่นาสนใจมานานแล้ว แล้วคิดว่าเป็นสื่อที่สามารถมีโอกาสที่จะคุยกับคนได้หลายๆคน เมื่อหนังมันลงแผ่นหรือไปอยู่ในยูทูป คนก็จะสามารถที่จะเสพที่จะสื่อกับมัน ผมคิดว่าหนังมันน่าสนใจก็เลยลองทำดู ที่ผมทำเป็นหนังยาวเพราะเป็นเรื่องของชีวิต เรื่องของแต่ละบุคคล ผมไปดูไปใช้เวลาอยู่กับบุคคลๆหนึ่ง บุคคลคนนี้ผมมีความสัมพันธ์กับเค้า เลยมีความรู้สึกว่า คนอื่นน่าจะได้มีโอกาสสัมผัสกับความเป็นเค้า ที่เป็นหนังยาวเพราะชีวิตจะสั้นจะยาวก็บอกไม่ได้

ที่เชียงใหม่ คุณทำอะไรบ้าง
อยู่เชียงใหม่จะไม่ทำอะไรมาก ผมจะพักผ่อน คือผมเป็นคนทำงานใช้สมอง แล้วจะไม่ทำอะไรถ้าคิดได้ไม่เพียงพอ ผมไม่ใช่ศิลปินที่ต้องนั่งทำงาน ส่วนมากต้องนั่งคิด เลยพยายามพักผ่อนเพื่อให้สมองมันได้คิด จริงๆผมเป็นคนกรุงเทพฯ เกิดมากับกรุงเทพฯ พูดถึงกรุงเทพฯมันก็มีอะไรที่น่าดูหลายอย่าง แต่มันเป็นชีวิตที่ไม่มีช่องว่างให้กับการคิด เพราะทุกคนต้องเร่งรีบทำงานเพื่อประทังชีวิตอยู่ แต่เชียงใหม่มันเป็นที่ๆเรานั่งอยู่เฉยๆได้
ค่ากินอยู่ก็ถูก ที่ทางก็มี

เชียงใหม่เป็นเมืองช่าง มีศิลปินคนทำงานอยู่เยอะ แล้วเชียงใหม่ก็เป็นศูนย์กลางที่ทำให้เรามองกลับไปข้างหลัง นั่นทำให้ผมได้ใช้ความคิดได้มากขึ้น

You may also like...