นับเป็นการกลับมาแสดงหนังฟอร์มใหญ่อีกครั้งของ คีอานู รีฟส์ ที่น่าสนใจไม่น้อย สำหรับภาพยนตร์แอ็กชั่น 47 ronin สร้างโดยอ้างอิงจากเรื่องจริงของ 47 ซามูไร ที่ยอมพลีชีพเพื่อการแก้แค้นให้ ไดเมียวอะซะโนะ นะงะโนะริ
เจ้านายที่ถูกลงโทษให้ เซปปุกุ หรือ ฮาราคีรี คว้านท้องหลังเขาถูก คิระ โยะชินะกะ ข้าหลวงผู้มีอิทธิพล ยั่วให้โกรธจนทำผิดกฏชักดาบในปราสาทโชกุน ตามตำนาน 47 ซามูไร ที่ตอนนั้นไร้เจ้านายจึงถูกเรียกว่าโรนินได้วางแผนนาน2ปี รวมตัวกันโจมตีคฤหาสถ์ของคิระในเอะโดะที่มีทหารหลายร้อยนายเฝ้าอยู่เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1703 เพื่อเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีให้เจ้านาย พวกเขาสามารถตัดหัวของ คิระ มาวางหน้าหลุมศพของ ไดเมียวอะซะโนะ ได้ แต่ทั้งหมดก็ถูกทางการลงโทษด้วยการสั่งให้ทำฮาราคีรีฆ่าตัวตายเพื่อชดใช้ความผิด ตามวิถีทางอันทรงเกียรติแห่งบูชิโด แต่ในภาพยนตร์ 47 ronin มีการเพิ่มตัวละคร ไค (คีอานู รีฟส์) หนุ่มเลือดผสมระหว่างชายยุโรปกับหญิงญี่ปุ่นที่เป็นที่น่ารังเกียจของคนญี่ปุ่นในสมัยนั้น ถูกชุบเลี้ยงโดย ลอร์ดอาซาโนะ (มิน ทานากะ) เจ้าเมืองอะโกะ ไค แอบรัก มิกะ (โค ชิบาซากิ) ลูกสาวของลอร์ดอาซาโนะ ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
หลายปีต่อมา มิยูกิ (รินโกะ คิคุจิ) แม่มดตัวร้าย สมุนมือหนึ่งของ ลอร์คคิระ (ทาดาโนบุ อาซาโนะ) วางแผนจน ลอร์ดอาซาโนะ ติดกับถูกโชกุนลงโทษให้ฮาราคิรีตัวเอง พร้อมยกเมืองและ มิกะ ให้กับ ลอร์คคิระ ที่ต่อมาจับ โออิชิ โยชิโอะ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ) หัวหน้าซามูไรของลอร์ดอาซาโนะ ไปขังในบ่อนํ้า และ สั่งขาย ไค ไปเป็นทาสบนเกาะ เมื่อ โออิชิ ถูกปล่อยตัวเขาจึงรวบรวมซามูไรลูกน้องเก่าที่ตอนนี้กลายเป็นโรนินกลับมาช่วยกันล้างแค้นให้เจ้านาย บทของหนังดูแบนราบไปหน่อย เดินเรื่องตามตำนานแต่เพิ่มความแฟนตาซีเข้ามา แค่ตัวละครเอเชียพูดภาษาอังกฤษกันทั้งเรื่องก็แปลกแล้ว ส่วนผสมของเอเชียกับตะวันตกดูไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ช่วงกลางเรื่องอืดจนถึงขั้นน่าเบื่อ บทสรุปของหนังไม่แปลกใหม่ คาดเดาได้ง่ายจึงไม่ค่อยมีความตื่นเต้น เมื่อเทียบกับหนังแนวเดียวกันอย่าง The Last Samurai ที่มี ทอม ครูซ แสดงนำ ซึ่งจับประเด็นวิถีแห่งนักดาบหรือบูชิโดได้ลึกซึ้งกว่า ฉากสัตว์ประหลาดต่างๆถือว่าทำออกมาได้ดี ภาพเนียนสวยทีเดียว ทว่า เป็นส่วนที่ถูกเพิ่มเขามาจึงดูไม่สำคัญเท่าไหร่ การที่กลุ่มโรนินก่อนจะไปแก้แค้นต้องหาอาวุธที่ดีโดยการบุกตะลุยเข้าไปเอาดาบจาก เทนกุ ในป่าปีศาจ ดูเป็นทางของหนังแฟนตาซีพีเรียดแบบฮอลลีวู้ดเกินไป ซีนต่อสู้ด้วยดาบที่ควรจะเป็นไฮไลต์ก็มีไม่ค่อยมาก ด้านการแสดง คีอานู รีฟส์ ที่รับบทเป็น ไค แสดงได้สุขุมนุ่มลึก กระนั้น หน้าของเขาดูอารมณ์เดียวเกินไป การปูพื้นตัวละครน้อย เราไม่ค่อยรู้ว่าทำไม ไค ถึงเก่งกาจเพียงนี้ รู้แต่ว่าเขาเก่งที่สุดในเรื่อง เวลาสู้กันจึงไม่มีอะไรต้องลุ้น รอแค่ว่าเขาจะสังหารศัตรูยังไง เช่นเดียวกับ โค ชิบาซากิ ที่เล่นเป็นมิกะ เป็นหญิงสาวที่ อ่อนแอ เศร้าหมองและมีนํ้าตาคลอตลอด ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น มิยูกิ แม่มดสาวจอมโหดที่แสดงโดย รินโกะ คิคุจิ สีหน้ากับแววตาของเธอนี่เหมาะที่สุดแล้วในการรับบทร้าย
ฮิโรยูกิ ซานาดะน่า ทำได้ดีในบท โออิชิ เป็นตัวละครที่เด่นไม่แพ้ ไค เขามีความเทห์ น่าเกรงขาม ดูเป็นซามูไรมากที่สุด ตัวละครที่น่าเสียดายคือ ริค เจอนีสท์ ชายผู้โด่งดังจากรอยสักสวยงามเต็มตัว มีฉากที่เราได้เห็นเขาแค่ไม่ถึงครึ่งนาที ทั้งที่คาแร็กเตอร์แบบนี้จับมาเล่นอะไรได้อีกเยอะ
แม้หนังจะมีความยาวกว่า 2 ชั่วโมง แต่ด้วยตัวละครที่มากการเฉลี่ยบทบาทไม่พอดี จึงดูเหมือนว่ายังไม่เต็มอิ่ม ตอนท้ายฉากที่โรนินทั้งหมดถูกลงโทษให้ฆ่าตัวตายดูงดงามและเศร้าสะเทือนใจในระดับหนึ่ง คนดูจะอินกับความรักของคนในครอบครัวมากกว่าความรักของ ไค กับ มิกะ ซึ่งดูฉาบฉวย ไม่ใช่คู่พระนางที่มีความรักกันแบบดูดดื่ม จุดเด่นอย่างเดียวคือการถ่ายทอดการล้างแค้นออกมาได้บริสุทธิ์ ทำให้เราได้เห็นถึง ความเสียสละ ความกล้าหาญไม่กลัวตาย ควายหยิ่งในเกียรติตัวเอง ของ ซามูไร
สรุปหนังมีความผสมผสานตะวันออกกับตะวันตกแต่ทำออกมาได้ไม่กลมกล่อม รวมถึงไปไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะแอ็คชั่น แฟนตาซี ดราม่า หรือ ความรัก ส่วนการชมในระบบสามมิติก็ไม่ได้เพิ่มอรรถรสใดๆให้ตื่นตาตื่นใจขึ้นนัก แอบคิดเองว่าเรื่องราวมหากาพย์แบบนี้หากทำออกมาเป็นหนังภาคต่ออาจจะน่าสนใจกว่านี้
BUGABOO NEWS/บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์