บ่อยครั้งที่เราได้ยินเรื่องราวของผู้คนที่ประสบความสำเร็จจากการเล่นหุ้น บางคนรวยติดอันดับมหาเศรษฐีด้วยตัวเลขสีเขียวบนกระดาน ในสายตาของคนนอกโลกของตลาดหุ้นจึงถูกวาดภาพเป็นทุ่งหญ้าที่สวยงามพร้อมจะมอบดอกผลให้กับผู้ที่มีเงินก้อนและกล้าเดินเข้าไป
แต่ความจริงแล้วคนที่อยู่ในวงการตลาดหุ้นรู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้นอกจากจะไม่ใช่ที่สวยงาม มันยังเป็นเหมือนป่าดงดิบที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายกระหายเงิน ที่พร้อมจะฉีกเนื้อกลืนกินผู้มาเยือนโดยใช้ความโลภเป็นกับดัก ขณะที่ผู้อยู่มานานและมีทุนมากซึ่งเป็นกลุ่มคนเล็กๆกอบโกยทองคำจากตลาดหุ้น นักลงทุนหน้าใหม่กับผู้ที่มีเงินทุนน้อยจำนวนมากได้รับส่วนแบ่งจากกำไรอันน้อยนิด ทว่ายามที่พวกเขาพลาดขาดทุน บางคนถึงขึ้นหมดตัว นั่นเองที่มาของคำว่าแมงเม่า ศัพท์ที่ใช้เรียกนักลงทุนมือใหม่ของวงการตลาดหุ้น ที่ผ่านมาฮอลลีวู้ดเคยมีหนังที่ตีแผ่วงการตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯอย่าง เรื่อง Wall Street ซึ่งเพิ่งมีภาคต่อ Wall Street: Money Never Sleeps เมื่อไม่นานมานี้ แต่สองเรื่องนี้มองตลาดหุ้นด้วยสายตาหวาดระแวง จริงจัง เคร่งขรึม ผิดกับ The Wolf of Wall Street ผลงานการกำกับของ มาร์ติน สกอร์เซซี่ ที่มองตลาดหุ้นในแบบตลกเสียดสี ผ่านเรื่องราวชีวิตจริงของ จอร์แดน เบลฟอร์ท นายหน้าค้าหุ้นหนุ่มที่ใช้กลโกงหาเงินได้อย่างมหาศาล ซึ่งเขานำมาบำเร่อตัวเองด้วยการปาร์ตี้ เสพยา และมีเซ็กส์ จนในที่สุดเขาโดนตำรวจจับในปี 1998 ในข้อหาฉ้แโกง ถูกตัดสินจำคุก22เดือน หลังพ้นโทษเขาเขียนอัตชีวประวัติตัวเองจนกลายเป็นนักสือขายดี และผันตัวมาเป็นนักพูดจนมีชื่อเสียงอีกครั้ง หนังได้ ลีโอนาโด ดิคราปิโอ ดาราคู่บุญของ มาร์ติน มารับบท จอร์แดน เบลฟอร์ท โดยเริ่มต้นเล่าเรื่องตั้งแต่วันแรกที่ จอร์แดน เดินเข้าไปทำงานในตลาดหุ้นWall Street ไม่นานก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจจนเขาต้องตกงาน จอร์แดนได้งานที่อีกเมืองหนึ่ง เป็นงานชวนข้าราชการหรือมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินไม่มากมาเล่นหุ้นเพนนี หุ้นราคาถูกที่ตลาดใหญ่อย่าง Wall Street ไม่เคยสนใจ ด้วยความสามารถด้านการพูด(โกหกตอแหล)ของเขา ทำให้เขาทำยอดสูงสุดได้ส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์มากมาย
ต่อมา จอร์แดน ได้พบกับ ดอนนี่ เอซอฟฟ์ (โจนาห์ ฮิลล์) หนุ่มอ้วนจอมทะเยอทะยานซึ่งเขาชวนมาทำงานด้วย และภายหลังกลายมาเป็นเพื่อนซี้ของเขา ไม่นานทั้งคู่ก็ออกมาเปิดบริษัทด้วยกัน ด้วยช่องโหว่ทางกฏหมายพวกเขาใช้กลยุทธหลอกให้ลูกค้าซื้อหุ้นด้วยข้อมูลเท็จ จึงทำกำไรได้มากมายมหาศาล ถึงขั้นเปิดบริษัทค้าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของ Wall Street ได้ จอร์แดน รํ่ารวยขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาผลาญเงินไปกับเรื่อง ยาเสพติด และ ผู้หญิง ปรนเปรอพนักงานด้วยการแจกเงินและปาร์ตี้สุดบ้าบิ่่นที่เต็มไปด้วย เหล้า ยา และเซ็กส์ พร้อมกับปลูกฝังให้ลูกน้องมีนิสัยเหมือนเขา คือกลายเป็นหมาป่ากระหายเงิน
ชีวิตของ จอร์แดน ค่อยๆเปลี่ยนไป เขามีเงินมากจนใช้ไม่หมดแต่ก็ยังไม่รู้สึกพอรู้สึกอิ่ม เขาเลิกกับภรรยาและแต่งงานกับ นาโอมิ (มาร์ก็อต ร้อบบี้) นางแบบสาวสุดเซ็กซี่ แทน โดยซื้อของมากมายมามัดใจเธอ ชิ้นใหญ่ที่สุดก็เรือสุดหรู บริษัทโตขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้ยาเสพติดมากขึ้นเรื่อยๆ พฤติกรรมส่วนตัวจึงกลายเเป็นคนไฮเปอร์ บ้าบิ่น ควบคุมตัวเองไม่ได้ ขณะเดียวกันFBIเริ่มตรวจสอบพบความผิดปกติทางบัญชีของบริษัทเขา นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของชายที่ชีวิตกำลังจะตกจากสวรรค์
ความยาวสามชั่วโมงไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นการพาคนดูขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาหลายตลบตลอดทาง บทหนังไม่ไปในโทนดาร์ค ซีเรียสจริงจังกับตลาดหุ้น ตรงกันข้าม หนังเสียดสีสังคมทุนนิยมและตลาดหุ้นสหรัฐฯได้อย่างเจ็บแสบ ผู้ชมที่ไม่มีความรู้ด้านหุ้นก็ดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างสนุกสนาน ไม่มีส่วนใดที่เข้าใจยาก เนื่องจากหนังถ่ายทอดเรื่องราวนอกตลาดหุ้นเป็นส่วนใหญ่
ลีโอนาโด ดิคราปิโอ โชว์ลูกบ้าสุดพลังจริงๆ การแสดงของเขาเข้มข้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ตัวละครมีพัฒนาการ แน่นอนว่าเขาเล่นได้น่าหมั่นไส้จนหลายคนแอบแช่งว่าเมื่อไหร่ตานี่จะได้รับผลกรรม ทั้งที่ตัวละคร จอร์แดน เบลฟอร์ท ไม่ได้ดำมืดซะทีเดียว แค่เทาเข้มๆ และมีบางซีนที่น่าเห็นใจ เขาเป็นคนที่ตกเป็นทาสของสองสิ่งคือ เงิน และ ยาเสพติด นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ยึดติดกับความสำเร็จและชื่อเสียงจนไม่ได้มองสิ่งอื่นในชีวิตเลย ลีโอนาโด ไม่ได้ห่วงหล่อ พร้อมเล่นทุกฉาก ชอบที่สุดคือตอนที่ จอร์แดน กินยาไปเกินขนาด โดนดีดจนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ ทั้งฮาทั้งน่าสมเพช บทนี้น่าจะเป็นบทที่เปลืองตัวที่สุดของเขา คู่ควรแล้วกับรางวัลนำชายลูกโลกทองคำ ส่วนจะส่งเขาไปถึงออสการ์หรือไม่รอลุ้นกัน
อีกคนที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ โจนาห์ ฮิลล์ ลืมภาพของชายขาดความมั่นใจใน Moneyball ไปเลย เพราะเรื่องนี้เขาเป็นไอ้อ้วนจอมกวนที่เพี้ยนสุดๆ ปากหมา ชอบทำอะไรห่ามๆ แต่ก็สร้างสีสันให้กับหนังเป็นอย่างมาก(เชื่อว่า ดอนนี่ ตัวจริงไม่ขนาดนี้) แน่นอนว่าเขาเป็นอีกคนที่เราไม่มีวันรู้สึกสงสาร ส่วน มาร์ก็อต ร้อบบี้ สาวน้อยมากสเน่ห์ที่พระเอกเคยตกหลุมรักในหนัง About time กลายร่างเป็นนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ หัวสูง ติดหรู บ้าเงิน ได้อย่างสมบทบาท เธอร้อนแรงน่าเย้ายวนทุกครั้งที่ปรากฏตัวในหนัง หนุ่มๆต้องกลืนนํ้าลายหลายเฮือกให้กับความใจกล้าของเธอ โดยเฉพาะฉากเปลือยกายแบบ100% นาทีนั้นดาราสาวเซ็กซี่คนใหม่แห่งวงการฮอลลีวู้ดได้บังเกิดขึ้นแล้ว
ต้องบอกว่า มาร์ติน สกอร์เซซี่ วัยรุ่นมากที่ทำหนังแบบนี้ได้ มันเต็มไปด้วยความบ้า หยาบคาย ดิบเถื่อน ที่บันเทิงสุดๆ หนังได้เรค20+ในไทย จากการที่มีทั้งฉากเปลือยของตัวละคร ฉากมีเซ็กส์แบบโจ่งแจ้งแทบจะตลอดทั้งเรื่อง ฉากใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย ตัวละครพ่นคำด่าใส่กันเป็นว่าเล่น รวมถึงมีการอัพยากันอย่างเอิกเกริก ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งจะสุดเหวี่ยงขนาดนี้ ซึ่งหนังก็ไม่ได้จงใจสอนสั่งเรื่องความดีเลวหรือผิดถูกใดๆ นั้นทำให้ตอนกลางเรื่องหลายคนแอบอิจฉาชีวิตของ จอร์แดน คนบ้าอะไรทั้งรวยล้นฟ้า มีเมียสวย มีบ้านหลังใหญ่ มีรถสปอร์ตวสุดหรู และเมื่อถึงตอนท้ายของเรื่อง แม้เห็นผลลัพท์ที่ได้จากการกระทำของเขาแล้ว เชื่อว่าผู้ชายบางคนก็อาจยังคงยืนยัน ขอมีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบเขาสักครั้ง ดังนั้น ในระบบทุนนิยม ตลาดหุ้นจึงไม่มีวันล่มสลาย
BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์