หลังจากเฉลิมฉลองไปกับความสำเร็จของ พี่มากพระโขนง ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นหนังไทยที่ทำรายได้สูงสุดกว่า1พันล้านบาท ผ่านไปเกือบๆ1ปีเต็ม GTH ค่ายหนังฟีลกู้ดก็ส่ง คิดถึงวิทยา เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของปี 2557
คิดถึงวิทยา ได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนของ เก้ง จิระ ผู้บริหารGTHที่เข้าทำงานในบริษัทใหม่ เขาพบไดอารี่เล่มหนึ่งอยู่ที่โต๊ะของเขา ไดอารี่เล่ม ดังกล่าวเป็นของพนักงานหญิงที่เพิ่งลาออกไป ต่อมาพวกเขาได้มาพบกันและแต่งงานกันในที่สุด ขณะเดียวกัน จินา โอสถศิลป์ ผู้บริหารอีกคนได้ไป ทราบเรื่องราวของโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาห้องเรียนเรือนแพ จังหวัดลำพูน โรงเรียนที่มีบรรยากาศสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในไทย สองไอเดียจึงถูกนำมาผนวกกัน ตัวหนัง คิดถึงวิทยา เล่าถึง ครูสอง อดีตนักกีฬามวยปล้ำทีมชาติที่ผันตัวมาเป็นครู เขาถูกส่งมาอยู่ โรงเรียนบ้านแก่งวิทยาสาขาเรือนแพ โรงเรียนที่ตั้งอยู่กลางเขื่อน ห่างไกลความเจริญและสัญญาณโทรศัพท์ อยู่ที่นั่นจึงเหมือนถูกปล่อยเกาะ นักเรียนวัยซน4คนสร้างปัญหาให้ ครูสอง ตั้งแต่วันแรก ขณะที่เขากำลังท้อใจกับการรับมือเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น ครูสอง ก็ได้พบกับไดอารี่ของ ครูแอน ครูสาวที่เคยสอนที่นี่มาก่อนหน้า สมุดบันทึกดังกล่าวเป็นคู่มือที่ให้ทั้งแนวทางและกำลังใจต่อชีวิตเขา จนกระทั่ง ครูสอง เริ่มหลงรัก ครูแอน จึงตัดสินใจออกตามหาเธอ
พล็อตของหนังน่าสนใจ แม้จะมาในแนวทางเดิมๆของค่ายนี้ แต่ก็มีลูกเล่นกับรายละเอียดที่ต่างไป บทมีกลิ่นอายทั้ง รักโรแมนติก ตลก และดราม่า ประเด็นการชอบใครสักคนโดยที่ยังไม่เคยพบหน้า เห็นกันแต่ตัวหนังสือ นำเสนอออกมาได้ดี ถึงจะติดเพ้อฝันไปนิดก็ตาม การถ่ายภาพสวยงามมาจากการหาโลเคชั่นถ่ายทำที่เข้ากับโทนของหนัง เพลงประกอบไพเราะเหมาะกับบรรยากาศในเรื่อง หนังเข้าใจง่ายแม้จะเล่าเรื่องตัดสลับระหว่างอดีตกับปัจจุบัน การดำเนินเรื่องสนุก ต้น นิธิวัฒน์ พยายามสอดแทรกมุขตลกพร้อมกับสร้างความเหงาผสมความคิดถึงโดยใช้สถานการณ์เป็นตัวช่วย จึงมีครบทุกรสทั้ง อบอุ่น ขำขัน และซาบซึ้ง เสียดายที่ช่วงท้ายยืดไปหน่อย ด้วยความที่ผู้กำกับจงใจทำให้ตัวละครสองตัวคลาดกันไปมาบ่อยเกิน ไม่นานก็ถูกคนดูเดาทางได้ แน่นอนว่าความฟีลกู้ดที่เป็นลายเซ็นต์ของค่ายยังมีอยู่เต็มเปี่ยม หากใครไม่ใช่แฟนประจำหรือไม่นิยมหนังประเภทนี้อาจจะเบือนหน้าหนีด้วยความเลี่ยน เพราะสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบางอย่างมันช่างดูประดิษฐ์ ห่างไกลโลกแห่งความเป็นจริง ทว่าแฟนๆ GTH บี้ พลอย คงอมยิ้มนํ้าตาซึมมีความสุขไปกับหนัง ฉากลองเทคที่ พลอย เดินหนี เวียร์ จากห้องเรียนจนมาขึ้นรถหลังจากทะเลาะกัน กล้องไม่ค่อยนิ่งแต่ก็ทำออกมาได้เข้าถึงอารมณ์ เป็นท่ายากที่คาดว่าผู้กำกับต้องการจะใส่เข้าไป
การแสดงของ พลอย เฌอมาลย์ ในบท ครูแอน จัดว่าอยู่ในขั้นดี ทำเอาเราลืมภาพร้ายๆของเธอในละครไปเลย หลายฉากบนโรงเรียนเรือนแพทำให้เราได้รู้ว่าเธอเป็นดาราที่ลุยกว่าที่คิด สำหรับ บี้ สุกฤษฎิ์ ที่เล่นเป็น ครูสอง ไม่เลวเลยทีเดียวกับหนังใหญ่จริงๆเรื่องแรก เขาสามารถทำลายภาพซุปเปอร์สตาร์แล้วกลายมาเป็นครูบ้านนอกได้สมบทบาท
เสียแต่ว่าเคมีทั้งสองยังดูไม่ค่อยเข้ากัน แน่นอนว่า เวียร์ ที่แสดงเป็น หนุ่ย แฟนหนุ่มของครูแอนก็มีส่วน เขาดูหล่อ ลํ้า เก่งจนอดเอามาเปรียบกับพระเอกไม่ได้ แถมกลับกลายเป็นว่าคู่ พลอย กับ เวียร์ ยังดูเข้ากันมากกว่าซะอย่างนั้น ความสัมพันธของครูแอนกับครูสองจึงดูไม่น่าเชื่อถือ ฉากที่ทางรถไฟซึ่งผู้กำกับหวังจะใช้การก้าวข้ามอะไรบ้างอย่างมาเป็นสัญลักษณ์จึงดูบางเบาไร้นํ้าหนัก ด้านนักแสดงประกอบในเรื่องน่าชื่นชมทุกคน โดยเฉพาะ ครูจีจี้ และ เด็กนักเรียนทั้งหลาย แสดงได้น่ารักมากจนอดนึกถึงแก๊งค์แฟนฉันไม่ได้
สาระที่ถูกแฝงลงไปในหนังเกี่ยวกับเรื่อง จิตวิญญาณความเป็นครู ถือว่าความตั้งใจดี แต่ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างผิวเผิน ไม่ได้สะท้องปัญหาการศึกษาในบ้านเราเท่าไหร่ มีอารมณ์ของการโหยหาอดีต( Nostalgia) เล็กน้อย ทำให้ผู้ชมคิดถึงวิชาเลขที่เคยเรียนกับคุณครูในชีวิตจริงของเรา ขณะที่การหยิบเอาสเน่ห์ของการสื่อสารที่ล้าสมัยอย่างตัวหนังสือบนกระดาษมาเป็นธีมหลักของหนัง ส่วนตัวชอบ ไดอารี่ ของ คิดถึงวิทยา มากกว่า จดหมาย ใน Timeline
BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์