สารภาพก่อนว่าผมเป็นแฟนหนังฮีโร่ค่ายมาเวลก็จริง แต่รู้สึกเฉยๆมากกับ กัปตันอเมริกา ยิ่งภาพแรกย้อนกลับไปต้นกำเนิด เนื้อเรื่องน่าเบื่อ แอ็คชั่นเวอร์วัง ทำให้ติดภาพลบกับกัปตันมาโดยตลอด กับการเข้าชม Captain America 2 ในชื่อ The Winter Soldier จึงไม่มีความคาดหวังเท่าไหร่
สำหรับ Captain America The Winter Soldier เป็นเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้ว และต่อจาก The Avengers หลังจากเหตุการณ์ต่อสู้ครั้งใหญ่ในนิวยอร์ค เหล่าฮีโร่ต่างๆได้แยกย้ายกันไป เหลือเพียง สตีฟ โรเจอร์ หรือ กัปตันอเมริกา กับ แบล็ค วิโดว์ (นาตาชา โรมานอฟ ) ที่ยังปฏิบัติหน้าที่ในหน่วย S.H.I.E.L.D. ประจำกรุงวอร์ชิงตัน ดี.ซี. โดยมี นิค ฟิวรี่ เป็นหัวหน้าทีม
ต่อมา กัปตันอเมริกา พบว่าหน่วยชีลด์ที่เขาสังกัดกำลังถูกกลุ่มคนลึกลับบ่อนทำลาย นิค ฟิวรี่ โดนลอบสังหาร เขาจึงไม่สามารถไว้ใจใครในองค์กรได้เลย กัปตันและแบล็ค วิโดว์ หนีไปขอความช่วยเหลือจาก แซม วิลสัน หรือ ฟอลคอน ทหารผ่านศึกที่มีชุดติดปีกในการปฏิบัติการ พวกเขาสามคนต้องเผชิญหน้ากับ วินเทอร์ โซลด์เยอร์ นักฆ่าแขนเหล็กผู้แข็งแกร่งซึ่งถูกปกปิดตัวตน รวมถึงกลุ่มคนทรยศจำนวนมากที่แฝงตัวอยู่ในชีลด์
บทหนังของภาคนี้ถือว่าเข้มข้นกว่าภาคแรกมาก เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นผสมสืบสวนที่ลงตัว แฝงประเด็นเกี่ยวกับการเมืองนิดๆ กัปตันอเมริกา ดูจะเป็นฮีโร่ที่มีความเป็นมนุษย์ที่สุดในทีม Avengers ซึ่งเป็นทั้งข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ ได้เปรียบในแง่ของการไม่มีพลังวิเศษหรืออุปกรณ์ไฮเทคลํ้ายุค จึงน่าเอาใจช่วยกว่าฮีโร่ตัวอื่น ประกอบกับเป็นมิสเตอร์ไนซ์กาย มีนิสัยที่เป็นสุภาพบุรุษ จิตใจงาม เปิ่นๆเชยๆ จึงมีคนดูสาวๆหลายคนตกหลุมรัก ขณะที่เสียเปรียบในประเด็นขาดสเน่ห์ในฉากต่อสู้ นอกจากโลห์แล้วก็ซัดกันด้วยมือเปล่าแบบดิบๆ ไม่หวือหวาอลังการเหมือนเพื่อนๆฮีโร่
ส่วนตัวคิดว่าการดำเนินเรื่องโดยสร้างความกดดันให้กับตัวเอกแบบต่อเนื่อง แถมยังส่งตัวร้ายซึ่งเก่งกาจยากที่กัปตันจะรับมือได้เพียงคนเดียว ซึ่งต้องเพิ่มบทบาทของเพื่อนๆอย่าง แบล็ค วิโดว์ กับ ฟอลคอน และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆในชิลด์ ทำให้อดนึกถึง The Dark Knight Rises ฮีโร่จากค่ายคู่แข่งไม่ได้ เพียงแต่ว่า Captain America The Winter Soldier มีการสอดแทรกอารมณ์ขันลงไปเป็นระยะ โดยมุขที่ใช้นั้นสดใหม่ไม่แพ้ The Avengers ทำให้ดูไม่เครียดเท่า Dark Knight
ด้านการแสดง คริส อีแวนส์ กลับมาแก้ตัวใหม่ในภาคนี้อย่างเต็มภาคภูมิ กัปตันอเมริกาดูเป็นธรรมชาติ แข็งแรง เก่ง ฉลาด เทห์ขึ้น ไม่แข็งกระด้างเหมือนภาคแรก สร้างคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ที่ยังถือว่าอ่อนกว่าฮีโร่คนอื่นๆก็คือการเล่นฉากเลิฟซีน ผิดกับ สกาเล็ตต์ โจแฮนสัน ในบท แบล็ค วิโดว์ เล่นได้โดดเด่นและแซ่บมาก ลุคผมตรงเข้ากับเธอสุดๆ หว่านสเน่ห์ใส่กัปตันจนเราแอบเผลอเชียร์ให้เป็นคู่รักกันจริงๆเพราะดูเหมาะสมกันดี แม้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเริ่มต้นด้วยความหวาดระแวง
สกาเล็ตต์ ทำให้ แบล็ค วิโดว์ กลายเป็นตัวละครที่ลึกลับ เซ็กซี่ น่าค้นหา เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆพอที่จะมีหนังใหญ่แยกเป็นของตัวเอง น่าเสียดายอยู่นิดที่ความลับของเธอที่ถูกคนร้ายขู่ว่าจะเปิดโปงในช่วงท้ายดูไม่มีอะไรเท่าไหร่ อีกคนที่ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกันคือ เซบาสเตียน สแตน ในบท วินเทอร์ โซลด์เยอร์ ตัวร้ายที่น่าเกรงขาม ความสามารถในการต่อสู้ระดับพระกาฬของเขาทำให้คนดูต้องลุ้นทุกครั้งที่โผล่มา และการที่เจ้าตัวยังลังเล ไม่เลือกฝ่ายซะทีเดียว ทำให้ตัวละครนี้ต่อยอดไปได้อีกเยอะ
สิ่งที่ทำให้หลายคนยกให้ Captain America 2 เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดของมาร์เวล (อาจจะเป็นรอง The Avengers นิดๆ) เนื่องจากไม่ได้แฝงหรือยัดเยียดแนวคิดอเมริกันฮีโร่เหมือนฮีโร่บางตัวในค่าย โครงเรื่องดูมีนํ้าหนัก คาดเดายาก ชวนติดตาม และฉากการต่อสู้ที่ดุดัน สมจริง ทรงพลังแบบไม่ต้องพึ่งเอฟเฟ็กต์มากมาย เหล่านี้คือองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จทำรายได้แบบถล่มทลาย และเมื่อดูจบแล้ว คุณอาจเปลี่ยนหรือปรับอันดับฮีโร่ในดวงใจของคุณก็ได้
ปล.เอนเครดิตยังคงมีเช่นเคย แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกเกี่ยวกับ The Avengers ช่วงสองเกี่ยวกับ Captain America 3
BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์