พล็อตเรื่องการเล่นกับลูปเวลาเป็นอีกพล็อตที่นิยมตลอดกาลของวงการฮอลลีวู้ด และกลางปีนี้ก็มีหนังแนวนี้มาให้ดูกันอีกครั้งใน Edge of Tomorrow ภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟ ดัดแปลงจากนิยายไซไฟของญี่ปุ่นเรื่อง We Mortals Are ของ ฮิโรชิ ซากูระซากะ โดยต่อมาถูกนำมาทำเป็นการ์ตูนมังงะ เรื่อง All You Need is Kill วาดโดย Takeshi Obata ซึ่งก่อนหน้า Edge of Tomorrow ก็เคยใช้ชื่อหนังว่า All You Need is Kill มาก่อน
Edge of Tomorrow เล่าถึงโลกอนาคตที่มีฝูงเอเลี่ยนบุกโลก หลายประเทศถูกยึดครองทำลายราบคาบ โดยสมรภูมิหลักคือทวีปยุโรป ในวัน Judgement Day ที่กองทัพสหรัฐฯจะยกพลขึ้นบกที่ฝรั่งเศส พันตรีวิลเลียม เคจ (ทอม ครูซ) นายทหารที่ดูแลด้านการประชาสัมพันธ์กองทัพถูกส่งให้มาอยู่แนวหน้าในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนการจู่โจม
เคจ ถูกบังคับให้ออกรบ ซึ่งหลังจากที่เขาลงสู่สนามรบไม่กี่นาทีก็ถูกตัวมิมิคสีฟ้าสังหาร ทว่าสิ่งที่น่าประหลาดคือหลังจากเสียชีวิต เคจ กลับตื่นขึ้นมาในวันที่เขาถูกจับตัวส่งมาแนวหน้า เขาถูกส่งออกรบอีกครั้ง เคจ ต่อสู้ ตาย และตื่นขึ้นมาที่เดิมอีก เป็นแบบนี้วันแล้ววันเล่า แต่ด้วยความทรงจำจากอนาคต ทำให้เขารอดชีวิตนานขึ้นเรื่อยๆ มีความสามารถในการรบมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง เคจ ได้มาพบกับ ริต้า วาทาสกี้ (เอมิลี บลันท์) ทหารหญิงผู้เก่งกาจแห่งกองกำลังพิเศษ เขากับเธอค้นพบความลับบางอย่าง จึงร่วมมือกันตามล่า โอเมก้า เอเลี่ยนตัวแม่เพื่อหยุดยั้งสงครามที่มนุษย์ไม่มีวันชนะ
ตัวหนังดำเนินเรื่องกระชับ บทให้ความสำคัญไปกับฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้สนุก มุมกล้องทำให้คนดูเหมือนกับกำลังเล่นเกมส์ เข้ากับการตายแล้วเกิดใหม่ ที่เราคุ้นเคยในการรีสตาร์ทมิชชั่นเริ่มเล่นใหม่ของวีดีโอเกมส์ เทคนิคภาพทำได้สวยงาม เอเลี่ยนมิมิค ทั้งทรงพลังและน่ากลัว บางคนอาจนึกถึงตัว เซนทิเนล ใน The Matrix ที่มีรูปร่างคล้ายกัน ซาวด์ประกอบเยี่ยม ดังสะใจ ช่วยขับให้หนังดูสมจริง นอกจากนี้ เงื่อนไขบางอย่างของการตายแล้วเกิดใหม่ที่ไม่ได้อินฟินีตี้ก็ทำให้คนดูลุ้นตาม รวมถึงปลดล็อกทางออกของตัวละคร
ประเด็นการย้อนเวลา หรือ ลูปเวลา เล่าออกมาได้เข้าใจง่ายกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ดูเป็น Groundhog Day เวอร์ชั่นสงคราม หนังมีมุขตลกสอดแทรกตลอด ทำให้ตัวดูเครียด แฝงปมการเมืองเขามาเล็กน้อย หากเราดูตามแผนที่จะเห็นว่าแทบทุกสถานที่ที่พูดถึงตรงตามเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่2เกือบหมด ดังนั้นJudgement Day ก็คือวัน D Day นั่นเอง แน่นอนหลายคนอาจตั้งธงว่างานนี้หนีไม่พ้นอเมริกันฮีโร่อีกแหง แต่ ดั๊ก ไลแมน ผู้กำกับ เลือกที่จะยกความดีความชอบให้ตัวบุคคลและไม่ใส่ดราม่ารักชาติ เชิดชูทหารเข้าไป จึงรอดตัวจากจุดนี้
ทอม ครูซ แสดงได้ยอดเยี่ยมทีเดียว เป็นบทที่เหมาะกับเขามากๆ ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้หลากหลาย แทบจะเป็นงานโชว์เดี่ยวเลยก็ว่าได้ จัดเป็นหนังที่ดีที่สุดในรอบหลายปีของเขา ส่วน เอมิลี บลันท์ ด้วยความที่ในหนังไม่มีตัวละครหญิงตัวอื่น ความมีเสน่ห์ของเธอจึงถูกขับออกมาพอสมควร ด้านแอ็คชั่นสอบผ่านฉลุย แต่เรื่องซีนโรแมนติก เคมีของเธอกับครูซดูยังไม่เข้ากันนัก ในเรื่อง บลันท์ ดูเข้มแข็งเกินไป เป็นทหารนักรบเต็มตัวจนความอ่อนโยนแบบเพศหญิงแทบไม่เหลือ ความซาบซึ้งในส่วนนี้จึงขาดหายไป
บทสรุปของ Edge of Tomorrow ไม่เหมือนทั้งในฉบับนิยาย We Mortals Are และค็อมมิค All You Need is Kill ส่วนตัวคิดว่าลงตัวในระดับหนึ่ง หลายคนอาจจะบอกว่ามันจงใจให้ออกมาทางบวกเกินไปรึเปล่า แต่ก็สร้างความชัดเจนในการเป็นหนังภาคเดียวจบ
BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์