สมมตินะครับสมมติ
สมมติว่าคุณไปเที่ยวแกรนด์ แคนยอน แล้วบังเอิญตกลงไปในร่องหุบเขาขนาดพอดีตัว และบัง้อิญกว่านั้น คือดันมีหินชอร์คขนาดเท่าเครื่องพริ้นท์อิงค์เจ็ทหล่นลงมาหนีบแขนขาคุณไว้กับร่องหุบเขา แน่นจนกระดูกแทบป่น ดึงอย่างไรก็ไม่ออก ขาคุณก็เหยียบไม่ถึงพื้น ได้แค่ยักแย่ยักยันไว้กับลาดหิน และคุณต้องอยู่ในสภาพนั้นกว่า 5 วัน คุณจะทำอย่างไร ?
คิดกันออกไหมครับ ? คิดไม่ออกไม่เป็นไร เพราะผมเองก็ไม่อยากคิดเช่นกัน แต่ที่เขียนมา ก็เพราะว่านี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับชายผู้เปล่าเปลี่ยวคนหนึ่ง
แอรอน ราลสตอน (Aron Ralston) คือ นักปีนเขาผู้หลงใหลการผจญภัยเป็นนิจ มีเวลาว่างเมื่อใดเขาเป็นอันต้องแพ็คกระเป๋าออกเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ทุกครั้ง ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะวิญญาณนักผจญภัย นี่หรือเปล่า ที่ทำให้แอรอนไม่เอาใครแม้สักคน เขามีเพื่อนแค่ไม่กี่คน เคยมีคนรักแต่เธอก็ลาจากเขาไป มีก็แต่พ่อแม่ที่เฝ้าห่วงใย แต่เขาก็ไม่เหลียวแลแม้จะรับโทรศัพท์จากท่านสักหน ดูแล้วชีวิตของแอรอนก็คงจะดำเนินต่อไปเช่นนี้ ถ้าในวันว่างวันหนึ่ง เขาไม่ตัดสินใจเดินทางไปหุบเขาบลู จอห์น ในเมืองยูทาร์ ที่นี่เองที่แอรอนพลัดตกลงไปในร่องหุบเขาลึก 65 ฟุต ในสภาพที่ผมบรรยายไปแล้วข้างต้น แขนขาถูกหินหนีบ ขยับไม่ได้ ดึงไม่ออก ติดเหง็กอยู่ในร่องหุบเขานั้น อาหารมีแค่แซนวิชชิ้นหนึ่งกับน้ำ 1 กระติก อะไรนะครับ ? ร้องให้คนช่วย จริงด้วยสิ ! แอรอนร้องแล้วครับ แต่เผอิญว่าจุดที่เขาตกลงมานั้น อยู่ห่างจากจุดที่มีผู้คนราวๆ 8 ไมล์ เขาจะทำอย่างไรเพื่อให้มีชีวิตรอดออกไปจากหุบนรกแห่งนี้
นี่คือเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ถูกถ่ายทอดผ่านทางภาพยนตร์เรื่อง 127 Hours หรือ 127 ชั่วโมง หรือ 5 วัน 3 ชั่วโมง คือเวลาที่แอรอนติดเหง็กอยู่อย่างนั้น เขาตื่นตระหนก หวาดกลัว ท้อแท้ สิ้นหวัง หิวกระหาย และเสียดายชีวิตที่ผ่านมา
ชีวิตอันเปล่าเปลี่ยวที่เขาไม่เคยจะเหลียวแลมัน ชีวิตอันโด่ ดเดี่ยวที่เขาพึงใจจะใช้ โดยไม่คิดถึงคนที่รักเขาเลยว่า จะรู้สึกอย่างไรเมื่อความรักที่ถูกส่งมา ไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากเขา ในซอกหุบเขาแสนแคบ กับหินก้อนใหญ่แสนหนัก แอรอนตระหนักรู้ว่าเขาช่างโง่งม ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคืออะไร หินก้อนใหญ่สำหรับแอรอน อาจเป็นยักษ์มารแสนบัดซบที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพทารุณแสนสาหัส แต่ในอีกมุมหนึ่ง หินก้อนเดียวกันนี้ก็เป็นเหมือนพระเจ้าที่เปิดตาสว่างให้แอรอนได้ค้นพบบางอย่างที่ทำหลุดหายไปในชีวิต
เพราะมนุษย์ก็คือมนุษย์ หลายครั้งเราชะล่าใจ ปล่อยให้สิ่งที่ควรทำผ่านเลยไป และหลายครั้ง กว่าเราจะรู้ตัว มันก็สายเกินไปเสียแล้ว แม้จะฟังเป็นคำพูดเชยๆ แต่เมื่อดู 127 Hours จบลง ผมขอชมเชยที่จะบอกว่า มีอะไรที่เราควรทำ แต่ยังไม่ได้ทำรีบเสียแต่วันนี้ เพราะเราไม่รู้หรอกว่า หินก้อนใหญ่จะตกใส่เราเมื่อไหร่ และเราจะมีชีวิตรอดไปจากมันได้หรือไม่ ?
TEXT : กิติคุณ คัมภิรานนท์