เดินทางมาถึงภาคที่ 4 แล้วสำหรับ Transformers ของเล่นยอดฮิตที่ Marvel Comics เอามาทำเป็นการ์ตูน จากนั้นจึงถูกต่อยอดเป็นหนังทำเงินถล่มทลาย ผลงานชิ้นโบว์แดงของ ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับที่พักหลังสนุกกับการสร้างฉากระเบิดตึกเผาบ้าน ความน่าสนใจของ Transformers Age of Extinction หรือ Transformers 4 คือการเปลี่ยนนักแสดงใหม่ยกชุดและแทบไม่กล่าวถึง3ภาคที่ผ่านมาเลย ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกระแสวิจารณ์ในแง่ลบของ Transformers 3 หรือเปล่า Transformers Age of Extinction เล่าเรื่องต่อจากภาคก่อน หลายปีต่อมา ดิเซ็ปติค่อน แทบจะสูญพันธุ์ไปจากโลก ส่วน ออโต้บ็อต ก็แยกย้ายไปตามเมืองต่างๆ กระทั่งมีหน่วยงานลึกลับร่วมมือกับหุ่นจากต่างดาวออกไล่ล่าสังหาร ออโต้บ็อต ทีละตัว โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ ออพติมัสไพรม์ พันธมิตรผู้ซื่อสัตย์ของมนุษย์
ต่อมา เคด เยเกอร์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) นักประดิษฐ์บ้านนอก ได้ซื้อซากรถบรรทุกเก่ามาแยกชิ้นส่วนขาย เขาใช้ชีวิตอยู่กับ เทสซ่า ลูกสาว (นิโคลา เพลท์ซ) สองคนในเท็กซัส เคด พบว่า รถคันดังกล่าวเป็น ทรานฟอร์เมอร์ ไม่นานหน่วยสังหารลึกลับก็บุกมาที่บ้านของเขา โชคดีที่ เชน (แจ็ค เรย์นอร์) นักแข่งรถแฟนหนุ่มของ เทสซ่า โผล่มาช่วยไว้ได้หวุดหวิด พวกเขาต้องหนีไปอยู่กับกลุ่มออโต้บ็อตที่เหลือพร้อมร่วมมือกันเปิดศึกกับศัตรูที่มีทั้งหุ่นยนต์ต่างดาวและมนุษย์
บทของหนังบทมั่วซั่วและยืดเยื้อมาก การเชื่อมโยงกับภาคที่แล้วแทบไม่มี ทำให้การเล่าเรื่องดูขาดๆเกินๆพิลึก เวลา160นาทีจึงดูยาวเกินไป ไมเคิล เบย์ ไม่สนคำวิจารณ์ใดๆทั้งสิ้น เขายังคงจัดหนักขนอาวุธมาให้หุ่นยนต์กับมนุษย์มาทำลายล้างกันแบบเละเทะ เรียกว่าแอ็คชั่นถล่มเมืองยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้หนัง The Avengers หรือ Godzilla เลย เผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซํ้า
จุดเด่นของ Transformers 4 คือ แอ็ฟเฟ็กต์ที่ดูดีกว่าภาคก่อนๆ การถ่ายภาพสวยงามโดยเฉพาะฉากวินาศสันตะโรทั้งหลาย รวมถึงระบบเสียงที่ดังสนั่นลั่นโรงสร้างบรรยากาศเหมือนอยู่ในสงคราม แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่สามารถกลบจุดอ่อนของหนังไปได้ ทั้งเนื้อหาที่แทบไม่ต่างจากภาคก่อนหน้าเลย แค่ย้ายสมรภูมิจากใจกลางสหรัฐฯมาเป็นในประเทศจีนเท่านั้น ด้านซีนแอ็คชั่นที่มีให้ดูกันจนตาแฉะ แรกๆผู้ชมอาจจะตื่นตาตื่นใจ พอนานไปมันกลับเริ่มซํ้าเดิมจนเกือบเข้าขั้นน่าเบื่อ พอจะเข้าใจอารมณ์คนที่บอกว่าเคยดู Transformers ภาคก่อนๆแล้วหลับละ
อีกสิ่งที่โจ่งแจ้งเกินไปคือการไทร์อินสินค้าซึ่งเยอะจนน่าเกลียด ด้วยความที่มันถูกนำเสนอแบบไม่มีที่มาที่ไปเอาซะเลย ตัวละครทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์แบนราบ ดีก็ดีสุดขั้ว ชั่วก็ชั่วสุดขีด ทำให้คนดูไม่ต้องลุ้นเอาใจช่วยเท่าไหร่ เดาได้ตั้งแต่ต้นๆว่าใครตายแน่ๆหรือใครรอดแหงๆ การแสดงของ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ไม่ได้แย่ ผิดที่โครงเรื่องดันไม่ส่งให้เขาเป็นตัวนำ นิโคลา เพลท์ซ ยังขาดเสน่ห์เมื่อเทียบกับสาว Transformers คนอื่นๆ สแตนลีย์ ทุชชี ในบท โจชัว อาจจะดูน่ารำคาญไปนิด แต่ก็โดดเด่นในแง่ที่เขาสามารถสร้างหัวเราะได้อยู่คนเดียว ท่ามกลางเสียงปืนตลอดเรื่อง มุขตลกที่ล้อเลียนเมืองจีนกับฮ่องกงถือว่าใช้ได้ทีเดียว
ตอบจบไม่มีส่วนไหนให้เซอร์ไพรส์ ไมเคิล เบย์ ปูทางสู่ภาคต่อไปไว้พร้อมแล้ว ส่วนตัวเห็นว่า Transformers ขาดความสมบูรณ์ไปมากเมื่อไม่มี ไชอา ลาบัฟ บทต้องเขียนใหม่หมด ขาดตัวละคร แซม ไป พลอยทำให้ บัมเบิลบี กลายเป็นหุ่นประกอบไปด้วย เส้นเรื่องในภาคนี้และภาคต่อไปจึงยุ่งเหยิงออกทะเลออกนอกโลกไปในที่สุด แต่ เบย์ ไม่เคยแคร์อยู่แล้ว แกทำเอามันส์อย่างเดียว และสาวก Transformers น่าจะพอใจกับการกลับมาของ ออพติมัสไพรม์และผองเพื่อน ส่วนคนที่ไม่ใช่แฟนภาพยนตร์ชุดรถกลายร่างเป็นหุ่นยนต์ นี่มันหนังหายนะชัดๆ
BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์