มาร์ติน-เบเกอร์ (Martin-Baker) คือบริษัทการบินของอังกฤษผู้รับผิดชอบในการผลิต 70% ของเครื่องบินพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่นั่งนักบินรบที่ดีดตัวออกได้ในภาวะฉุกเฉินให้กับกองทัพอากาศทั่วโลก พวกเขาได้ร่วมมือกับ เบรมองต์ (Bremont) เป็นครั้งแรกเพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาสำหรับการบินโดยเฉพาะในช่วงปี ค.ศ. 2007/08 และมากไปกว่าการวางโลโก้ไว้บนรุ่นที่มีอยู่เดิมแล้ว แต่นาฬิกาจากการสร้างสรรค์ครั้งนี้จะต้องทนทานต่อโปรแกรมการทดสอบอันเข้มข้นเดียวกันกับการทดสอบที่นั่งดีดตัวของนักบินเอง กระทั่ง สองปีต่อมา คอลเลคชั่นนาฬิกา เบรมองต์ เอ็มบี (Bremont MB) (เอ็มบีวัน (MBI) และเอ็มบีทู (MBII) จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยการผลิตเพียงในจำนวนจำกัดของ เบรมองต์ เอ็มบีวัน ถูกออกแบบขึ้นสำหรับนักบินโดยเฉพาะ ผู้ซึ่งต้องดีดตัวออกจากเครื่องบินโดยการใช้ที่นั่งของ มาร์ติน-เบเกอร์ จึงทำให้มีเพียงกลุ่มคนเฉพาะเท่านั้นที่ได้ครอบครองนาฬิการุ่นนี้ ซึ่งรวมไปถึงสมาชิกรัฐสภา และสมาชิกวุฒิสภาอเมริกา เหล่าผู้อำนวยการของบริษัทชั้นนำ อย่าง เอฟทีเอสอี (FTSE) และดาว (Dow) และหัวหน้าของกองทัพอากาศหกกองทัพทั่วโลก (ยกเว้นเพียงหนึ่งคนที่เป็นดาราฮอลลีวู้ด ผู้ซึ่งติดตามผลงานนาฬิกาของเอ็มบี และแนะนำให้นักบินดีดตัวคนหนึ่งซื้อนาฬิกาในนามของเขา) ขณะที่ เอ็มบีวัน มีไว้สำหรับคนกลุ่มเฉพาะเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เอ็มบีทู ก็เผยโฉมพร้อมกับมอบโอกาสให้ทุกคนสามารถครอบครองได้และกลายเป็นนาฬิกา เบรมองต์ ที่ขายดีที่สุด ไม่มีใครคาดคิดกับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมที่นาฬิการุ่นนี้ได้รับ โดยเฉพาะอิทธิพลที่มีต่อโลกของนาฬิกาสำหรับการบิน ด้วยงานออกแบบตัวเรือนพิเศษเฉพาะหนึ่งเดียว กับกระปุกตัวเรือนสีสันโดดเด่นและแตกต่าง บวกกับคุณสมบัติทางด้านเทคนิคอันน่าทึ่ง ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่นิยมในเวลาอันรวดเร็วท่ามกลางกลุ่มนักบินทั้งในโลกของกองทัพและพลเรือน
ด้วยการเปิดตัวกลไก จีเอ็มที (GMT) ใหม่ยังช่วยให้สามารถดูเวลาสองไทม์โซนพร้อมกันได้อย่างฉับพลัน ซึ่งนั่นได้กลายเป็นอีกหนึ่งก้าวของวิวัฒนาการจากมรดกที่แบรนด์มี กระนั้น เอ็มบีทรี (MBIII) ในวันนี้ก็จะยังคงรักษาดีเอ็นเอ (DNA) แห่งความคลาสสิคดั้งเดิม ที่ทำให้ เอ็มบี เป็นนาฬิกาที่เหล่านกัสะสมตัวจริงต้องมี โดยยังคงรักษาระดับความเข้มข้นและผ่านตารางการทดสอบสุดหฤโหดมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการทดสอบท่ามกลางการกระแทก แรงสั่นสะเทือน อุณหภูมิขีดสุดต่างๆ และการทดสอบด้วยหมอกเกลือ:
เอซีดีที (ACDT) – การทดสอบเรือบรรทุกอากาศยาน (Aircraft Carrier Deck Test)
ด้วยการจำลองระดับของหมอกเกลือและความชื้นที่เรือบรรทุกอากาศยานจะต้องเผชิญและต้องทนทานได้ในระหว่างการเดินทางตลอดหกเดือน
เอที (AT) – การทดสอบในระดับความสูง (Altitude Test)
นาฬิกาจะถูกยกสูงขึ้น 100,000 ฟุต เป็นเวลา 60 นาที ก่อนที่จะดิ่งลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
อีทีดี (ETD) – การทดสอบความทนทานต่ออุณหภูมิขีดสุด (Extreme Temperature Endurance)
นาฬิกาจะถูกวางเป็นเวลาหนึ่งวันภายใต้อุณหภูมิต่ำที่ระดับ -40 องศาเซลเซียส และหลังจากนั้นจึงสูงขึ้นเป็น +40 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานอีก 24 ชั่วโมง
การสั่นสะเทือน (Vibration)
การเขย่าและสั่นนาฬิกาบนข้อมือของเครื่องทดสอบซึ่งจำลองสภาวะแวดล้อมของเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์อายุการใช้งาน 30 ปี
การทดสอบการดีดตัว (Ejection Tests)
ด้วยการดีดนาฬิกา เพื่อให้นาฬิกาอยู่ใต้แรง จี (g loads) และแรง ฟอร์ซ (forces) สูงสุด
ร่วมไปกับการทดสอบ ณ เทอร์ร่า โนวา นี้นับเป็นครั้งแรกที่ เบรมองต์ ได้เปิดตัวแนะนำกลไก จีเอ็มที (GMT) ที่ไม่ได้มีฟังก์ชั่นโครโนกราฟเข้าสู่สมาชิกครอบครัวนาฬิกาของแบรนด์ และได้สร้างความแตกต่างเพิ่มมากขึ้นไปจากรุ่น เอ็มบีทู ด้วยการแนะนำกระปุกตัวเรือนใหม่ทำจากอลูมิเนียมทองแดง ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนาฬิกา (เพิ่มเติมจากรุ่นสีแอนธราไซต์และสีส้มที่เป็นเอกลักษณ์) ทองแดงนี้ได้แรงบันดาลใจพิเศษมาจากนาฬิกาของกองทัพจำนวนมากที่ เบรมองต์ ได้เคยสร้างสรรค์ไว้ในอดีต ด้วยการเคลือบเพื่อป้องกันแสงสะท้อนที่ใช้ภายในห้องนักบิน และเหมือนกับนาฬิกา เอ็มบี รุ่นดั้งเดิม ที่ในแง่ของงานออกแบบใน เอ็มบีทรี นั้นได้แรงบันดาลใจอย่างแท้จริงมาจากที่นั่งดีดตัวของ เอ็มบี เอง พร้อมด้วยคุณลักษณะเฉพาะ อาทิ ลายลูกบิดบนกระปุกตัวเรือนที่เหมือนกับองค์ประกอบต่างๆ บนที่นั่ง รวมไปถึงห่วงสีเหลืองสลับสีดำ ณ ปลายของเข็มวินาที ซึ่งอ้างอิงโดยตรงจากมือจับสำหรับดึงเพื่อดีดตัวที่นั่ง
ไจล์ส อิงลิช (Giles English) ผู้ร่วมก่อตั้ง เบรมองต์ เปิดเผยว่า: “นับเป็นความสัมพันธ์อันแสนมหัศจรรย์กับมาร์ติน-เบเกอร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรายังคงรู้สึกภูมิใจเสมอที่ได้ทำงานกับบริษัทอังกฤษที่มีผลงานน่าอัศจรรย์เช่นนี้ เมื่อ นิค (Nick) และผมนั่งลงเพื่อออกแบบนาฬิกา เอ็มบีทรี เราเองก็ตั้งใจอย่างมากที่จะไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป จนสูญเสีย DNA ของเอ็มบีทู เราคิดว่าเราประสบความสำเร็จกับความตั้งใจนี้ ขณะเดียวกันเราก็ได้สร้างวิวัฒนาการก้าวใหม่ให้กับนาฬิกา และสร้างทางเลือกใหม่ด้วยฟังก์ชั่น จีเอ็มที”
การทดสอบเหนือความทนทาน
คอลเลคชั่นนาฬิกา เบรมองต์ เอ็มบี ได้ผ่านการทดสอบความทนทานที่ระดับ 12-30จี ตลอดวินาทีแรกของการดีดตัว
1. ระยะดีดตัว (Catapult Phase) 12-15G
2. ระยะเครื่องร็อคเก็ต (Rocket Motor) 12-15G
3. ระยะเสถียรของทุ่นฉมวก (Drogue Stability) 30G (600kt sled test)
4. ระยะดึงร่มชูชีพ (Parachute Deployment) 15g
ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาดของ มาร์ติน-เบเกอร์ แอนดรูว์ มาร์ติน (Andrew Martin) เผยว่า: “เรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งต่อสิ่งที่ เบรมองต์ ได้สร้างความสำเร็จมาไกลเช่นนี้ ผมเชื่ออย่างใจจริงว่า เอ็มบีทู จะสามารถครองสถานะการเป็นหนึ่งในนาฬิกาจักรกลต้นตำรับของศตวรรษที่ 21 ที่นั่งดีดตัวช่วยชีวิตของเราได้ผ่านการทดสอบถึงขีดข้อจำกัดสูงสุดมาแล้ว ดังนั้นการสร้างสรรค์ของเรือนเวลาเฉพาะหนึ่งเดียวที่สามารถทนทานต่อการทดสอบอันเข้มข้นเดียวกันนี้ได้ ก็เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงคุณภาพและงานฝีมือที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
เอ็มบีทรี จะเป็นหน้าต่อไปในประวัติศาสตร์เรื่องราวของเรา และเป็นหนึ่งในการสร้างสรรค์ที่เราทุกคนล้วนภาคภูมิใจ”
เกี่ยวกับ มาร์ติน-เบเกอร์
ด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกที่ใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก มาร์ติน-เบเกอร์ (Martin-Baker) ได้สร้างความหลากหลายของความสามารถด้านวิศวกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความเชี่ยวชาญและมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวให้ยิ่งกว้างขวางออกไป พวกเขายังสร้างความเชื่อมั่นว่าสินค้าทุกชิ้นของ มาร์ติน-เบเกอร์ นั้นล้วนมีคุณภาพสูงสุด และเชื่อถือได้ และมักถ่ายทอดภายใต้งานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ – นับตั้งแต่แรกเริ่ม และตลอดไป
ความสำเร็จในอดีตและความสำเร็จที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องได้สร้างนิยามให้กับบริษัทอังกฤษที่เป็นต้นตำรับในฐานะทางเลือกหมายเลขหนึ่งของเหล่ากองทัพอากาศกว่า 88 กองทัพทั่วโลก และติดตั้งภายในเครื่องบินมากกว่า 80 ประเภท อุปกรณ์ติดตั้งนี้เป็นเหมือนโอกาสสุดท้ายของสมาชิกลูกเรือในการรอดชีวิต และไม่อาจมีข้อผิดพลาดใดๆได้ ทุกแง่มุมของระบบรักษาความปลอดภัยจะต้องทำงานอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อปกป้องชีวิตอันมีค่ายิ่งของพวกเขา
มากไปกว่านั้น สมาชิกลูกเรือบนเครื่องบินจะต้องลงถึงพื้นดินโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย ซึ่งนั่นคือโอกาสที่เป็นไปได้ดีที่สุดในการรอดชีวิติ แนวคิดนี้ได้ถูกนำมาใช้อย่างเข้มงวดตลอด 60 ปีของประสบการณ์นับย้อนกลับไปตั้งแต่การทดสอบการดีดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1946 และชีวิตแรกที่ได้รับการช่วยเหลือเมื่อปี ค.ศ. 1949 จึงไม่น่าแปลกใจที่ มาร์ติน-เบเกอร์ จะเป็นเพียงบริษัทเดียวจากทั่วโลกที่สามารถมอบระบบการดีดตัวเพื่อหนีภัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสร้างความพึงพอใจให้กับเหล่านักบินกับสมรรถนะการใช้งานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยล่าสุด นับจนถึงปัจจุบัน มาร์ติน-เบเกอร์ ได้ช่วยชีวิตลูกเรือถึง 7,438 ชีวิต ให้กับเหล่ากองทัพอากาศมากกว่า 93 กองทัพ
เกี่ยวกับ เบรมองต์
เบรมองต์ (Bremont) คือแบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติอังกฤษ ด้วยการผลิตนาฬิกาจักรกลในเมืองเฮนลีย์-ออน-เธมส์ สหราชอาณาจักร โดยสองพี่น้องผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ นิค (Nick) และไกล์ส อิงลิช (Giles English) นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 เบรมองต์ได้สร้างอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมนาฬิกาภายในช่วงระยะเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการได้รับยกย่องเกียรติ ซึ่งรวมไปถึง การได้รับเสนอชื่อในฐานะ “เบสต์ บริติช อิเมอร์จิง ลักซูรี่ แบรนด์’ (Best British Emerging Luxury Brand) โดย วาลโพล 2008 (Walpole 2008) และได้รับโหวตให้เป็น “ลักซูรี่ วอทช์ แบรนด์ ออฟ เยียร์’ (Luxury Watch Brand of Year) ณ เวที ยูเค จิวเวลรี่ อวอร์ดส (UK Jewellery Awards) เป็นเวลาสามปีติดต่อกัน รวมถึงชนะรางวัล ‘เบสต์ เบรคทรู แบรนด์’ (Best Breakthrough Brand) จาก 2012 ลักซูรี่ บริฟิ่ง อวอร์ดส (2012 Luxury Briefing Awards)
เบรมองต์ ยังคงอุทิศตนให้กับปรัชญาการทำงานดั้งเดิมในการสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีความทนทาน, การอ่านค่าเวลาได้อย่างชัดเจน และความแม่นยำ และยังรวมไปถึงการผลิตนาฬิกาสำหรับเหล่ากองทัพหน่วยพิเศษสูงสุดทั่วโลก เบรมองต์ ยังคงสวมบทบาทอันทรงอิทธิพลต่อการปลุกฟื้นอุตสาหกรรมนาฬิกาอังกฤษอันเป็นถิ่นกำเนิดของนวัตกรรมเครื่องบอกเวลามากมายซึ่งยังคงถูกใช้ตราบจนทุกวันนี้
คุณสมบัติของนาฬิกา เอ็มบีทรี
กลไก
กลไกปรับประยุกต์ คาลิเบอร์ 13 1/4” BE-93-2AE จักรกลไขลานอัตโนมัติโครโนมิเตอร์, ทับทิม 21 เม็ด, บาลานซ์กลูซีเดอร์ (Glucydur), บาลานซ์สปริงอนาครอน (Anachron), พร้อมด้วยเมนสปริง นิวาร็อกซ์ 1 (Nivarox 1), ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง, สำรองพลังงานได้นาน 42 ชั่วโมง, โรเตอร์ตกแต่งแบบสเกเลตันและขึ้นรูปแบบ เบรมองต์
ฟังก์ชั่น
ชั่วโมง/นาที/วินาที, แสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา, เข็ม จีเอ็มที แสดงเวลา 24 ชั่วโมง
ตัวเรือน
สเตนเลสสตีลทำให้แข็ง โครงสร้างตัวเรือน ทริป-ทิ๊ค (Trip-Tick®) พร้อมด้วยกระปุกตัวเรือนในหลากหลายสีให้เลือก กรงฟาราเดย์ (Faraday) ป้องกันสนามแม่เหล็กด้านในทำจากเหล็กเนื้ออ่อน เพื่อปกป้องกลไก การประกอบกลไกแบบกองช่วยปกป้องจากการกระแทกหรือแรงสั่นสะเทือนที่ผ่านการจดสิทธิบัตร ขอบตัวเรือนแบบ โรโต-คลิ๊ค (Roto-Click®) ด้านในผ่านการจดสิทธิบัตรและปรับหมุนได้สองทิศทาง ควบคุมผ่านเม็ดมะยม ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา ตัวเรือนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 43 มม., ความกว้างระหว่างตัวเชื่อมสาย 22 มม.
ฝาหลัง
ฝาหลังทำจากสเตนเลสสตีลผ่านการตกแต่ง ยึดด้วยสกรูสเตนเลสสตีล 6 ตัว และหัวสกรูผ่านการขัดเงา
หน้าปัด
หน้าปัดโลหะสีดำ คู่กับเข็มชี้และตัวเลขเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่า (SuperLumiNova®)
กระจก
คริสตัลแซพไฟร์โค้งนูนกันแสงสะท้อนและกันรอยขีดข่วน
การกันน้ำ
กันน้ำได้ลึกระดับ 10 ATM, หรือ 100 เมตร
การจัดอันดับ
ผ่านการทดสอบและมอบประกาศนียบัตรรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ของ ซี.โอ.เอส.ซี (C.O.S.C)
สาย
สายหนังวัวพิมพ์ลายนูน พร้อมด้วยหัวเข็มขัดแบบหมุด และสายนาโต (NATO) ผ้าไนลอนสไตล์ทหาร
บริษัท เพนดูลัม จำกัด
เมจกา รัตน์ปิยะภาภรณ์
เบอร์โทร : 02-254-8371-3
อีเมล : mayjaka@pendulum.co.th