สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ประกาศความพร้อมจัดงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19 (Book Expo Thailand 2014)” เชิญชมนิทรรศการ “ระลึกชาติในแบบเรียน” วิเคราะห์อดีตถึงปัจจุบันของกระบวนการสร้างชาติผ่านแบบเรียนไทยในแต่ละยุคสมัย เป็นการแลหน้าเพื่อก่อความหวัง แลหลังเพื่อแก้ความผิด ผ่านการนำเสนอด้วยรูปแบบสุดล้ำที่จะทำให้ลืมภาพนิทรรศการแบบเรียนเดิมๆ รวมถึงโซนหนังสือ Book Wonderland ซึ่งเปิดพื้นที่ให้วัยรุ่นได้แลกเปลี่ยนจินตนาการผ่านการอ่าน และนิทรรศการภาพถ่าย “Asian Smile” เสนอเรื่องราววิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของผู้คนจาก 10 ประเทศในมุมมองที่แตกต่างและหลากหลาย รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ที่มีประโยชน์อีกมากมายตลอด 12 วัน
นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่ามหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19 ถือเป็นงานแสดงหนังสือช่วงปลายปีที่ได้รับความสนใจและรอคอยจากบรรดาคนรักการอ่านมาโดยตลอด โดยในปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สวนกระแสเศรษฐกิจ และมีสำนักพิมพ์ทั่วประเทศตอบรับเข้าร่วมงานกว่า 435 สำนักพิมพ์ รวมทั้งสิ้น 923 บูท บนพื้นที่ประมาณ 21,000 ตารางเมตร
“ไฮไลท์สำคัญในงานครั้งนี้คือนิทรรศการ “ระลึกชาติในแบบเรียน” ซึ่งนำเสนอวิวัฒนาการของแบบเรียนไทยในอดีตถึงปัจจุบัน ที่ได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ ตลอดจนการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก การสอดแทรกแนวคิดทางการเมืองในแต่ละยุคสมัยเข้าไปในแบบเรียนไทยตั้งแต่พ.ศ. 2411 ถึงปัจจุบัน จนอาจกล่าวได้ว่า แบบเรียนไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของการอ่านออกเขียนได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างพลเมืองตามอุดมคติของสังคมในแต่ละยุคด้วย เน้นย้ำให้เห็นถึงการสร้างแบบเรียนในอดีตที่ผ่านมาว่าประสบความสำเร็จและล้มเหลวอย่างไร รวมถึงผลของการสร้างแบบเรียนเพื่อตอบโจทย์ฝ่ายการเมืองในอดีตที่ผ่านมา สามารถสร้างผลกระทบในระยะยาวของประเทศได้อย่างไร เป็นการแลหน้าเพื่อก่อความหวัง แลหลังเพื่อแก้ความผิด เพราะนี่คือหน้าที่ของทุกคนที่จะร่วมสร้างร่วมสะท้อนปัญหาและการแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน เพื่อไม่ให้ปัญหาเก่าๆได้กลับมาอีก”
“ในด้านรูปแบบนิทรรศการ ได้รับการออกแบบที่โดดเด่น แตกต่างจากที่เคยทำมา แยกเป็นยุคๆรวม 6 ยุค โดยในแต่ละยุคกล่าวถึงหนังสือเล่มเด่นที่เป็นตัวแทนแนวคิดของยุคนั้นๆ เช่น แบบเรียนยุคแรก- ตาหวังหลังโก่ง แบบเรียนยุคชาติผู้ดี – พ่อหลีพี่หนูหล่อ แบบเรียนยุคประชาธิปไตย -ป้ากะปู่ กู้อีจู้ฯ เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงปัญหาและร่องรอยของพัฒนาการแบบเรียนไทย อันจะส่งผลต่ออนาคตของประเทศชาติและคนรุ่นต่อไป เพราะการศึกษาอดีตเพื่อแก้ไขความผิดในปัจจุบัน ย่อมสามารถสร้างความหวังในอนาคตได้ เมื่อเข้าใจถึงปัญหาต่างๆในอดีตแล้ว จะได้มองภาพอนาคตของประเทศชัดเจนขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปการศึกษาไทยใหม่อีกครั้ง และที่ขาดเสียไม่ได้ คือตัวอย่างหนังสือในแต่ละยุค ที่นำมาจัดแสดงให้คนรุ่นพ่อแม่ได้หวนรำลึก ขณะเดียวกันคนรุ่นปัจจุบันก็ได้สัมผัสมากมายหลายเล่ม”
นายจรัญยังเผยอีกด้วยว่า นอกจากนิทรรศการดังกล่าวแล้ว ยังมีกิจกรรมในงานที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ นิทรรศการภาพถ่าย “Asian Smile” จากช่างภาพชื่อดัง ที่จะมาร่วมเสนอเรื่องราววิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีของผู้คนจาก 10 ประเทศ ด้วยมุมมองที่แตกต่างและหลากหลาย โซนอ่านสนุกอย่าง “Book Wonderland” ในห้องบอลรูม ดินแดนที่จะทำให้คุณตื่นเต้นไปกับจินตนาการแห่งโลกหนังสือ พร้อมของรางวัลมากมายที่แจกไม่อั้นในทุกวัน นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ผู้เข้าชมงานมหกรรมหนังสือฯจะสามารถใช้Wi-Fi ได้ฟรีรวม 2 ชั่วโมงต่อวัน ในบริเวณพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผ่าน SSID @ QSNCC Free Wi-Fi โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท เคิร์ซ จำกัด
ที่สำคัญอย่างยิ่งคือกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างมีคุณภาพ “โครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น” โดยปีนี้คึกคักเป็นพิเศษเพราะมีของที่ระลึก ซึ่งออกแบบโดย โตโต้-องอาจ ชัยชาญชีพ นักวาดภาพประกอบชื่อดัง ส่งคอลเลคชั่น “เจ้าหัวแตงโมรักอ่าน” ทั้งเสื้อ กระเป๋า สมุดโน้ต รอสมนาคุณผู้ใจบุญ เพราะเพียงบริจาคเงินเริ่มต้นที่ 40 บาท ก็จะได้รับของที่ระลึกน่ารักนอกเหนือไปจากการมีส่วนเป็นผู้สร้างทุนทางปัญญาแก่เด็กด้อยโอกาส หรือเพียงบริจาคเงิน 5 บาทสำหรับแผ่นพับผู้เข้าชม รายได้ก็จะนำเข้าโครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่นเช่นกัน
“โครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น” ถือเป็นโครงการแรกที่ให้สิทธิ์ผู้รับบริจาคในการเลือกหนังสือได้ด้วยตนเอง โดย สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ จะจัดซื้อหนังสือตามการเลือกสรรจากผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็กและตัวแทนชุมชนคนรักอ่าน ทั้งนี้รายการหนังสือดังกล่าว จะได้รับการพิจารณาจากผู้แทนของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย เพื่อให้แน่ใจได้ว่าเป็นหนังสือคุณภาพ
นอกจากนี้ยังต่อยอดโครงการด้วยกิจกรรมพิเศษคือ “วัน ๑อ่าน ล้านตื่น” ซึ่งจะชวนเด็ก ๆ ด้อยโอกาสกว่า 400 คน ได้มาเลือกหนังสือที่ตัวเองอยากอ่านในมหกรรมหนังสือฯ อีกด้วย
“กิจกรรมในวัน ๑ อ่าน ล้านตื่น จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 15 และ 22 ของเดือนตุลาคม เป็นกิจกรรมที่ยกระดับการส่งเสริมการอ่านที่คาดหวังในเชิงคุณภาพ เด็กที่ได้รับเชิญมาจะเป็นเด็กด้อยโอกาสที่รักการอ่าน ซึ่งจะรับสิทธ์เลือกหนังสือให้ตนเอง 1 เล่ม และเลือกหนังสือไปฝากเพื่อนในโรงเรียนหรือชุมชนที่เป็นต้นสังกัดในคูปองส่วนที่เหลือ เพื่อให้เด็ก ๆ ได้รู้จักการแบ่งปัน เพราะต้องนำหนังสือที่เลือกกลับไปเข้าห้องสมุดของชุมชนหรือองค์กรของตน เพื่อให้เด็กอื่นๆได้มีโอกาสเข้าถึงหนังสือด้วย และถ้าโรงเรียนหรือองค์กรใดต้องการได้รับเชิญมาอีกในครั้งต่อไป เด็กๆจะต้องเขียนความประทับใจในหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งที่อ่านจบ ส่งกลับมายังสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ก็จะได้รับเชิญให้มาร่วมงานอีกในโอกาสต่อไป
เราตั้งใจทำอย่างนี้เพื่อส่งเสริมการอ่านให้เกิดขึ้นจริงๆ ให้เด็กๆได้อ่านหนังสือที่ตนเองเลือกเอง ไม่ใช่เก็บไว้เฉยๆในห้องสมุด และเด็กที่รักการอ่านจะเป็นเชื้อไฟอย่างดีที่จะชวนเพื่อนเด็กด้วยกันอ่าน เพราะหนังสือที่มีคุณค่าคือหนังสือที่มีคนอ่าน”
งานใหญ่เช่นนี้ยังไม่หมดกิจกรรมดี ๆ “Thai Book Society” เว็บไซต์ชุมชนคนทำหนังสือจัดกิจกรรมต้อนรับสมาชิกด้วย “คาราวานวาดสด” พบศิลปินนักวาดภาพประกอบชื่อดังได้ทุกวันบริเวณฮอลล์ เอ พร้อมรับวาดภาพเหมือน การ์ตูนล้อ ให้ได้เก็บเป็นที่ระลึกในราคาพิเศษที่นี่ที่เดียว โดยรายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนโครงการ๑ อ่าน ล้านตื่นเช่นกัน
ในส่วนของความคาดหวังนั้น นายจรัญกล่าวว่านอกจากในส่วนของเศรษฐกิจที่สำนักพิมพ์ทุกแห่งหวังว่างานครั้งนี้น่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ในระดับหนึ่ง หลังจากที่ผ่านมาภาพรวมของธุรกิจหนังสือค่อนข้างซบเซาแล้วนั้น ความคาดหวังสูงสุดของสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯคือ งานที่เกี่ยวกับหนังสือในทุกครั้งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นและจูงใจให้คนที่รักการอ่านหรือคนที่เริ่มจะอ่านมาร่วมกิจกรรมการอ่านการเขียนต่างๆมากขึ้น แม้กำลังซื้อจะลดลงบ้างตามสภาพเศรษฐกิจก็ตาม
เตรียมตัวให้พร้อม ช้อปความสุข พกความรู้กลับบ้านในงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19 (Book Expo Thailand 2014)” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 15 ตุลาคม– วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ( 12 วัน) เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์