พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ 9

โดย ศิลปินแห่งชาติ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ “ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ” นำผลงานเด่นทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม และเหรียญบูชากับพระที่คัดสรรเฉพาะหมายเลข 9 รวมถึงพระส่วนตัวชุดพิเศษกว่า 150 องค์ที่ไม่มีใครเคยเห็นและประเมินค่าไม่ได้ มาจัดแสดงให้ชมเป็น ครั้งแรกที่สยามพารากอนเพื่อร่วมฉลองครบ 9 ปี จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะเปิดให้ชมในวันแซยิดครบ 60 ปีที่วัดร่องขุ่น

อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ จะนำผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และพระพุทธรูป ตลอดจนเหรียญบูชาชุดสำคัญซึ่งจะนำไปประดิษฐานที่หอพระพิฆเนศ ณ วัดร่องขุ่น มาจัดแสดงให้ชมเป็นพิเศษในนิทรรศการ พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ 9 โดย เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ “ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ” ในวันที่ 5 – 14 ธันวาคม ศกนี้ ที่ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2 สยามพารากอน ในงาน Siam Paragon 9 Anniversary, The Magical Phenomenon ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แสนวิเศษ ฉลองครบรอบ 9 ปี สยามพารากอน จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะเปิดให้ชมครั้งแรกในวันแซยิดครบ 60 ปี ที่วัดร่องขุ่น เชียงราย ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2558 แต่เมื่อสยามพารากอนจัดงานฉลองครบ 9 ปี และขอเชิญให้ อ.เฉลิมชัยเข้าร่วม จึงตอบตกลงด้วยความจงรักภักดีและเคารพเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

ทั้งนี้ อ. เฉลิมชัยให้ความสำคัญกับงานทุกชิ้นที่เป็นพุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ 9 โดยเป็นการทำงานอย่างประณีตวิจิตรบรรจงที่สุดเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากการที่มีโอกาสได้ถวายงานในฐานะหนึ่งในศิลปินผู้วาดภาพประกอบหนังสือพระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก” และทรงมีพระราชกระแสรับสั่งที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานพุทธศิลป์และศิลปะประจำรัชกาลที่ 9 ทั้งด้านสถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม และพระเครื่อง ที่ล้วนเป็นปัจเจกลักษณะ แตกต่างจากทุกยุคทุกสมัยและเป็นหนึ่งเดียวในโลก

งานศิลปกรรมแต่ละประเภทมีไฮไลต์ที่จะจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้ ได้แก่ จิตรกรรม ภาพ “ความเบิกบานแห่งรัชสมัย ร.9” ภาพวาดสีอะครายลิคบนผ้าใบ ขนาดกว้าง 2.80 เมตร x สูง 1.70 เมตร และภาพ “พระเมตตาบารมี” ที่วาดขึ้นเพื่อนำมาให้ชมในนิทรรศการครั้งนี้โดยเฉพาะ ด้าน ประติมากรรม จะจัดแสดง “พระพุทธเมตตาแห่งรัชกาลที่ 9” พระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ความสูง 3 เมตร เป็นงานพุทธศิลป์ชิ้นใหญ่ที่สุด และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ อ. เฉลิมชัย ซึ่งแตกต่างจากพระพุทธรูปในยุคสมัยอื่นๆ โดยใช้เวลาในการสร้างกว่า 3 ปี สำหรับ พระพุทธรูปและเหรียญบูชาต่างๆ ทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนวะโลหะ ได้คัดสรรเฉพาะชุดสำคัญที่เป็นหมายเลข 9 เท่านั้น ซึ่งหลายคนแสวงหาและต้องการครอบครอง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเลข 9 กับพระชุดพิเศษที่คัดไว้เป็น A.P. (Artist Proof) ของส่วนตัว รวมทั้งสิ้นประมาณ 150 องค์ที่ไม่มีใครเคยเห็นและเป็นผลงานที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ แต่ละองค์มีรายละเอียดที่ประณีตงดงามให้ชื่นชมด้วยการส่องผ่านเลนส์ขยายกำลังสูงพิเศษที่จัดไว้กว่า 50 ตู้ โดยไม่มีการจำหน่าย แต่จะเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของวัดร่องขุ่นให้เป็นสมบัติของชาติต่อไปหลังจากจบนิทรรศการนี้

อ. เฉลิมชัยเริ่มสร้างงานพุทธศิลป์ที่เป็นพระและเหรียญบูชาเมื่อปี พ.ศ. 2550 ประกอบด้วย พระพุทธเจ้า พระราหู พระพิฆเนศ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และพระเครื่องที่นำพระประธานของวัดร่องขุ่นมาเป็นแบบ เหตุผลของการสร้างศิลปะพระเครื่องเพื่อยกระดับและปรับรสนิยมให้ชาวบ้านได้รู้จัก ซึมซับ และสามารถเข้าถึงความงดงามทางศิลปะได้ใกล้ตัวมากขึ้น

“ผมสร้างพระด้วยจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นผลงานพุทธศิลป์ที่ให้ความสำคัญกับความละเอียดอ่อน ประณีตงดงาม มีคุณค่าทางสุนทรียภาพที่ยิ่งใหญ่ จึงเชื่อว่ามีเทพเทวามาสถิตอยู่แล้วโดยไม่เน้นความศักดิ์สิทธิ์จากพิธีกรรมใดๆ พระทุกองค์สร้างขึ้นด้วยการลงทุนที่สูงมาก ตั้งแต่การออกแบบ แกะแบบ หล่อแบบ ฯลฯ ยากที่สุด ด้วยความตั้งใจให้เป็นงานศิลปะในระดับสากลสำหรับการชื่นชมในสุนทรียภาพ ไม่ใช่การกราบไหว้ ผู้คนทุกศาสนาสามารถเสพความงามได้โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือผู้นับถือศาสนาใดๆ และผมหวังที่จะทำให้วงการผู้สร้างพระเครื่องในยุคนี้และอนาคต ต้องพัฒนาตัวเองในเรื่องความสวยงามให้คู่ไปกับความศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้นก็จะขายไม่ได้ พระในสมัยโบราณทั้งหลายล้วนสวยงาม แต่พอมาถึงช่วงปลายยุครัตนโกสินทร์ก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ยิ่งผลิตเพื่อการค้ายิ่งทำให้คุณภาพความงามต่ำลง” อ. เฉลิมชัย กล่าว

นอกจากนี้ ในนิทรรศการ พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ 9 โดย เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ “ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ” ยังนำผลงานพุทธศิลป์ทั้งจิตรกรรมและประติมากรรมของ อ. เฉลิมชัย ที่หาชม ได้ยากมาจัดแสดงด้วย เช่น พระพุทธประทานความสุข, พระพุทธประทานยศบารมี, พระพิฆเนศ ฯลฯ รวมทั้งประติมากรรมต้นแบบ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา, เชิดชูคุณธรรม โดยบางส่วนจะขอยืมมาจากนักสะสมหลายท่าน

1. ชื่อภาพ “ความเบิกบานแห่งรัชสมัย ร.9” พ.ศ. 2557
เทคนิค :  สีอะครายลิคบนผ้าใบ
ขนาด :   280 x 170 เซนติเมตร
ความหมาย : -พระจันทร์ เลข 9 หมายถึงสวรรค์ แทนความสุขและความเบิกบาน
-นกทัณฑิมา หมายถึงประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ใต้พระบารมีของพระองค์ท่าน
-ดอกบัวและใบบัว หมายถึงปวงประชาต่างแซ่ซ้องสรรเสริญยกย่องในทศพิธราชธรรมของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

2. ชื่อภาพ “พระเมตตาบารมี” พ.ศ. 2557
เทคนิค  : สีอะครายลิคบนผ้าใบ
ขนาด  : 70 x 70 เซนติเมตร
ความหมาย  : -เลข 9 ที่ล้อมกรอบด้วยแสงเหลืองแห่งจันทรา หมายถึงพระเมตตาของพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 9
-แสงสีแดงรอบนอก หมายถึงพระบารมี แสงทองที่แผ่ออกไปเป็นจุดทอง 4 ชั้น หมายถึงพรหมวิหาร 4 ประการของพระองค์ พระเนตรหลังเลข 9 หมายถึง ทรงเฝ้ามองความทุกข์สุขของประชาชนอยู่เสมอ’

3. ชื่อผลงาน “พระพุทธเมตตาแห่งรัชกาลที่ 9” พ.ศ. 2557
เทคนิค : หล่อบรอนซ์
วัตถุประสงค์ :  สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์ประจำยุคสมัยรัชกาลที่ 9 ที่มีพุทธลักษณะที่ไม่เหมือนพระพุทธรูปในยุคสมัยใดๆ ทั้งสิ้นเป็นปฏิมากรรมที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่สง่างามขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ทิพย์ แวดล้อมไปด้วยครุฑและนาค เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังความรู้สึกสัมผัสที่แตกต่างไปจากงานปฏิมากรรมในอดีตทั่วๆ ไป


พบกับผลงานชุดสำคัญของศิลปินแห่งชาติผู้มีชื่อเสียงของไทย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมเฉลิมฉลองวาระพิเศษครบ 9 ปีของสยามพารากอน ได้ที่ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น 2 ตั้งแต่วันที่ 5 – 14 ธันวาคมนี้ โดยไม่ต้องเดินทางไปชมถึงเชียงราย

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : สุขกมล  งามสม 089-484-9894

 

You may also like...