เครื่องประดับเป็นสิ่งมนุษย์รู้จักและใช้สวมใส่กันมานานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติสาสตร์ ไม่ว่ายุคในสมัยใดเครื่องประดับก็ยังคงอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ทุกชาติพันธุ์ทั่วโลก จนสามรถบอกได้ว่าเครื่องประดับเป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ก็ว่าได้ จนถึงปัจจุบันเครื่องประดับก็ยังคงมีบทบาท และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของมนุษย์ ทุกเพศทุกวัย ทุกชาติทุกภาษา จนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ อีกทั้งเป็นสินค้าเศรษฐกิจที่ทำรายได้และมีมูลค่าสูงให้กับประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
มนุษย์ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์รู้จักการทำเครื่องประดับดูได้จากการขุดค้นทางประวัติศาสตร์จะเห็นได้ว่า เราสามารถค้นพบเครื่องประดับที่ทำจากกระดุกสัตว์ เช่นกระดูก(Bone, horn) งาช้าง(Ivory) เปลือกหอยลูกปัด(shell pearl beads)หรือสำริด(Bronze) โลหะกับซากกระดูก(Metal and organical ornament stone)และของใช้ต่างๆของผู้ตาย เครื่องประดับโบราณมีตั้งแต่ แหวน สร้อย กำไล ต่างหู กระพรวน ห่วงคอ จะเห็นได้ว่าเครื่องประดับเหล่านี้ยังคงผ่านกาลเวลา สืบทอดมารุ่นต่อรุ่นจนถึงปัจจุบัน แม้แต่ชนเผ่าอเมริกันดั้งเดิมที่เรารู้จักกันในนาม “อินเดียนแดง(Red Indian)” ก็มีการนำขนนกอินทรีย์ และหนังสัตว์มาทำเป็นเครื่องอาภรณ์ประดับกาย และลำดับชั้นในกลุ่มว่าผู้ใดเป็นหัวหน้าชนเผ่าเป็นต้น
โลหะที่เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ยุคอียิปต์โบราณ นิยมใช้เป็นวัสดุที่มีค่าคือ “ทองคำ(Aurora, Natural gold)” เรื่องของเครื่องประดับในสมัยนั้นมีตัวนางเอกชูโรงคือ พระนางคลีโอพัตรา และพระนางเนร์เฟอร์ติติ ทองคำที่ได้รับความนิยมเนื่องจากคุณสมบัติที่ง่ายต่อการนำมาผลิตเป็นเครื่องประดับ และคุณสมบัติที่ไม่ดำ ไม่แพ้กับผู้สวมใส่ หายากเพราะฉะนั้นโลหะที่เหมาะสมที่สุดก็คือทองคำนั่นเอง จากการค้นพบทางโบราณ ยุคอียิปต์โบราณเป็นยุคที่มีการค้นพบหลักฐานมากมายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ซึ่งเครื่องประดับเป็นตัวบ่งบอกถึงฐานะ วรรณะของผู้สวมใส่ เช่น กษัตริย์ ขุนนาง ปุถุชนคนธรรมดา และในสมัยนี้เครื่องประดับยังใช้เป็นเครื่องรางความเชื่ออีกด้วย
เครื่องประดับสำหรับกษัตริย์ (ฟาโรห์) หรือองค์ราชินี จะทำด้วยทองคำ รวมถึงเสื้อผ้า ของใช้หรือแม้กระทั่งโลงศพ ที่ใช้บรรจุพระบรมศพขององค์ฟาโรห์ ต่างทำด้วยทองคำทั้งสิ้น จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของเครื่องประดับอย่างแท้จริง
เครื่องประดับในสมัยอียิปต์โบราณ มีทั้ง สร้อยข้อมือ สร้อยคอ แหวน ต่างหู มงกุฎ รัดเกล้า ซึ่งเป็นความสามารถอย่างฉลาดหลักแหลมในการผลิตและออกแบบ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยิ่ง
ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อหลังความตาย เพราะฉะนั้นจึงมีการฝังข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงเครื่องประดับ ฝังไปกับศพ โดยเชื่อกันว่าเมื่อคนตายกลับมาเกิดใหม่จะได้มีของใช้เหล่านี้ไว้ใช้ในโลกหน้าด้วย
Text : Porsche Kittisak K
