แม้จะลาลับโลกไปอย่างน่าเศร้าในวัยเพียง 41 ปี ด้วยสาเหตุการฆ่าตัวตายที่ดังเป็นข่าวช็อคโลกเมื่อไม่นานมานี้ แต่ชื่อเสียงของ อเล็กซานเดอร์ แมคควีน ในฐานะนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค ก็ยังตราตรึงอยู่ในความรับรู้ของเหล่าแฟชั่นิสต้ามิรู้คลาย เพราะฝีไม้ลายมือที่โดดเด่นสุดล้ำ แสนจะแปลกแหวกแนว และบางทีก็บ้าบิ่นสุดๆ ของเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหมุดหมายหนึ่งของความก้าวหน้าแห่งยุคสมัย
จนได้รับเกียรติให้ทำงานเป็นผู้สร้างชีวิตชีวาใหม่ๆ กับสุดยอดแบรนด์ดังของโลก อาทิ จิวองชี่ (Givenchy), กุชชี่ (Gucci) และ พูมา (Puma) ซึ่งมีผลงานออกแบบแฟชั่นชั้นสูงปรากฏบนเรือนร่างศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์ของฮอลีวูด สุดยอดนางแบบ มหาเศรษฐีและคนดังระดับสากลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เลดี้ กากา, บียอร์ค, ริฮันน่าห์, นิโคล คิดแมน, เพเนโลเป ครูซ รวมถึงเจ้าแม่แฟชั่นอย่าง ซาราห์ เจสสิกา ปาร์คเกอร์ ดาราดังจากเรื่อง Sex and the City และที่น่าตื่นเต้นคือผลงานสำหรับลูกค้าระดับ (อดีต) ผู้นำประเทศ เช่น มิกาอิล โกบาชอฟ หรือเชื้อพระวงศ์อันดับหนึ่งของโลกอย่างมงกุฎราชกุมารอังกฤษ เจ้าฟ้าชายชาร์ล ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงความแสบของตัวเองว่า ครั้งหนึ่งเขาปักข้อความที่ทะลึ่งและออกจะหยาบคายลงไปผืนผ้าในฉลองพระองค์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ล ด้วยความสะใจ
ในช่วงวัยหนุ่มเมื่ออายุราวยี่สิบต้นๆ แมคควีนเริ่มต้นการทำงานออกแบบของเขาในฐานะผู้ช่วยของดีไซเนอร์มืออาชีพ อย่างเช่น โคจิ ทัตสึโนะ (Koji Tatsun0 ก่อนจะเดินทางไปยังมิลาน เพื่อร่วมงานกับนักออกแบบอิตาเลียน โรมิโอ จีกลิ (Romeo Gigli) หลังจากนั้นเขาก็เข้ามาสู่โลกของการศึกษาด้านแฟชั่นที่ลอนดอน ในฐานะครูสอนงานตัดแพทเทิร์นเสื้อผ้า พร้อมๆกับได้รับคัดเลือกให้ลงทะเบียนเรียนต่อด้านแฟชั่นชั้นสูงในระดับปริญญาโท เป็นที่เล่าขานกันอย่างเลื่องลือว่า ผลงานออกแบบที่เป็นเสมือนวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทของเขานั้น เข้าตาสไตลิสต์ชื่อดังอย่าง อิซาเบล โบลว์ (Isabella Blow) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการแฟชั่นของยุโรปที่มีส่วนสำคัญยิ่งในการผลักดันให้แบรนด์ อเล็กซานเดอร์ แมคควีน เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมาจนปัจจุบันนี้
แต่กระนั้นก็มีได้หมายความว่า ความโด่งดังสะท้านวงการของเขาจะเกิดขึ้นได้จากแรงผลักดันของผู้มีอิทธิพล เพราะเหตุผลแท้จริงที่ อเล็กซานเดอร์ แมคควีน สามารถก้าวข้ามพรมแดนจากโลกของนักออกแบบรุ่นใหม่ไร้ชื่อ มาสู่การเป็นสุดยอดดีไซเนอร์ของโลกนั้น มาจากความกล้า บ้าบิ่น แหวกแนวจนแทบจะตกขอบรันเวย์ของเขาต่างหาก นักวิจารณ์แฟชั่นต่างลืมไม่ลงกับความช็อคจากผลงานบนแคตวอล์คในยุคแรกๆ ของเขา ซึ่งล้วนแต่มีลักษณะแหกคอกและแสดงออกถึงนัยยะทางเพศที่ค่อนข้างจะวิปริตอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา รวมถึงเทคนิคการนำเสนอที่ล้ำยุคสุดๆ ในเวลานั้น เช่น การใช้ภาพสามมิติเสมือนจริงของซูเปอร์โมเดลสุดซ่าส์ อย่าง เคต มอสส์ (Kate Moss) เดินแสดงแบบแทนตัวจริงบนรันเวย์
ความกล้าหาญและแนวคิดสุดพิสดารของ อเล็กซานเดอร์ แมคควีน ย่อมไม่มีความหมายอะไร หากเขาเป็นเพียงคนอยากดังคนหนึ่ง ที่พร้อมจะถูกลืมเมื่อมีคนดังกว่าเข้ามาแทนที่ แต่ด้วยรางวัลมากมายที่เขาได้รับ โดยเฉพาะรางวัล “British Designer of The Year” ซึ่งแมคควีน เป็นหนึ่งในนักออกแบบอายุน้อยที่สุดผู้ได้รับเกียรติสำคัญนี้ รวมถึง รางวัล International Designer of the Year จาก สภานักออแบบแฟชั่น ย่อมเป็นเครื่องการันตีถึงความเป็นตัวจริงของเขา ยังไม่รวมถึงการมีสินค้าในแบรนด์ อเล็กซานเดอร์ แมคควีน วางจำหน่ายในมหานครแฟชั่นชั้นนำทั่วโลก และความยอมรับนับถือให้เป็นหุ้นส่วนสำคัญในธุรกิจแฟชั่นแบรนด์ดังระดับสากลอีกมากมาย ความสำเร็จอย่างล้นหลามกับช่วงชีวิตอันแสนสั้นของเขา เป็นสิ่งที่หลายคนมองว่า น่าเสียดาย ในขณะที่หลายคนอาจมองต่างกันว่า ชีวิตจะสั้นหรือยาวนั้นไม่สำคัญไปกว่าการที่เราสามารถใช้มันได้อย่างคุ้มค่ามากแค่ไหน
Lee Alexander McQueen, CBE (17 มีนาคม 1969 — 11 กุมภาพันธ์ 2010) เป็นนักออกแบบแฟชั่นของอังกฤษที่รู้จักกันในรูปแบบแหวกแนวของเขาและกลวิธี shock . [2] McQueen ทำงานเป็นนักออกแบบหัวที่ Givenchy ห้าปีก่อนก่อตั้ง Alexander McQueen และ McQ ป้ายMcQueen ของแบบละครสวมใส่โดยดารารวม Björk, Lady ทึ่มและ Rihanna, พบกับโห่ร้องและที่สำคัญเขาได้รับของรางวัล British Designer ปีสี่ครั้ง
——————————————————————————–
ที่มา : วารสาร Supalai @ Home
ข้อเขียนนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท DP STUDIO ห้ามนำไปลอกเลียน ทำซ้ำ หรือ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย