Mad Max เป็นภาพยนตร์ดิสโทเปียฟอร์มเล็กทุนตํ่าที่เอารถเก่าๆมาพังเล่นในพื้นที่รกร้างของออสเตรเลีย แต่กลับกลายเป็นหนังแอ็คชั่นที่สร้างปรากฏกาารณ์ในปี 1979 และขึ้นแท่นหนังคลาสสิกในปัจจุบันนอกจากจะแจ้งเกิดให้กับ เมล กิ๊บสัน แล้ว จอร์จ มิลเลอร์ ผู้กำกับยังสร้างภาค2 Mad Max The Road Warrior มาโกยรายได้ต่อทันทีในปี 1981 ซึ่งเป็นหนังภาคต่อไม่กี่เรื่องที่ถูกยกย่องว่าดีกว่าภาคแรก ก่อนที่กระแส Mad Max จะแผ่วลงในภาค 3
ห่างจากภาคแรก 36 ปี จู่ๆ จอร์จ มิลเลอร์ ในวัย 70 นิดๆลุกขึ้นมาปัดฝุ่น Mad Max ให้กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มใหม่อีกครั้งในชื่อ Mad Max Fury Road เนื้อหาเกี่ยวกับสังคมอันล่มสลายในโลกอนาคตที่มีแต่ผืนทะเลทรายกว้างขวางสุดลูกตา นํ้าและนํ้ามันกลายเป็นสิ่งมีค่า ผู้คนแบ่งแยกกันอยู่เป็นเผ่าอย่างไร้อารยธรรม แม็กซ์ หนุ่มพเนจรที่มีอดีตอันเลวร้ายตามหลอกหลอนถูกจับตัวไปขังโดย วอร์บอย กลุ่มทหารคลั่งการต่อสู้ชนิดไม่กลัวตายของ อิมมอร์แทน โจ ผู้ปกครองสุดอัปลักษณ์ที่ควบคุมทรัพยากรทั้งหมดเอาไว้ในอาญาจักรกลางทะเลทราย
ฟูริโอซ่า สาวแขนเดียว พลขับที่ได้รับการไว้ใจให้บังคับ วอร์ริก รถพ่วงทรงพลังวางแผนทรยศ โจ โดยการนำสาวงามของเขาหนีไป ราชาจอมโหดจึงยกพลวอร์บอยทั้งหมดตั้งขบวนรถไล่ตามเธอ แม็กซ์ ติดร่างแหมาด้วยเพราะวอร์บอยชื่อ นุค เอาเขามาเป็นถุงเลือดอยู่หน้ารถ ต่อมาหลังการปะทะกัน แม็กซ์ หลุดออกมาได้ ก่อนที่เขาจะยอมช่วย ฟูริโอซ่า กับกลุ่มสาวงามหนีไปหาดินแดนที่ดีกว่า
ต้องบอกว่า Mad Max Fury Road คือสุดยอดของหนังภาคต่อ สร้างโลกอนาคตออกมาได้ โหด ดิบ เถื่อน ถึงใจ แอ็คชั่นมันส์สุดๆ พลิกถนนมาเป็นสมรภูมิ ดุเดือด ไฟลุกท่วมจอ ลุ้นระทึกจนคนดูแทบไม่ได้พักหายใจ เปรียบเป็นพาหนะก็คือรถที่พอผู้โดยสารนั่งคนขับก็เหยียบคันเร่งไม่หยุดตลอดสองชั่วโมง พาเราพุ่งทะยานไปผจญภัยกับตัวละคร กระนั้นก็มีมุขตลกร้ายรายทางมาผ่อนคลายบรรยากาศเครียดๆในเรื่อง ส่วนตัวคิดว่ามันคือ Water world เวอร์ชั่นทะเลทรายที่ใส่ลูกบ้าเข้าไปเต็มเปี่ยม
ดนตรีประกอบหนังยอดเยี่ยม บิ้วอารณ์คนดูได้ตลอดเวลา แน่นอนว่าทุกคนต้องพูดถึง ดูฟวาก้อน รถที่มีมือกีตาร์ไฟกับทีมมือกลองแบ็คอัพคอยบรรเลงเพลงร็อคปลุกใจเหล่าวอร์บอย เป็นคาแร็กเตอร์ที่เพี้ยนหลุดโลกแต่ได้ใจสุดๆ ฉากต่อสู้เจ๋งๆมีหลายฉากต่อเนื่อง เหมือนการไล่ล่าสุดขอบฟ้าแบบไม่มีที่สิ้นสุด ไคลเม็กซ์ช่วงท้ายคือการขับรถบดขยี้แบบแหลกกันไปข้าง สะใจคอหนังบู๊สุดๆ
ตัวละครในเรื่องคลั่งมาก แฟนตาซีจัดแต่กลับสร้างสีสันอย่างไม่น่าเชื่อ มีการออกแบบการทำกามิกาเซ่(พลีชีพ)ของ วอร์บอย ออกมาใหม่ซึ่งดูน่าขัน ผ่อนคลายมากกว่าฮึกเหิม รวมถึงการนำความเชื่อของ ไวกิ้ง ที่ว่านักรับที่ตายในสงครามจะได้ไปอยู่ที่วิหารวัลฮาลามาใช้ แม้ว่าตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นเพศชาย ทว่าหนังกลับมีแนวคิดสตรีนิยมเต็มเปี่ยม ในแง่ของการเป็นผู้นำลุกขึ้นต่อกรกับอำนาจอันมิชอบของฝ่ายชาย แถมยังเสียงสีระบบการปกครองแบบเบ็ดเสร็จได้อย่างน่าสนใจ
ทอม ฮาร์ดี้ แสดงได้ดีตามมาตรฐาน เผยให้เห็นความบ้าในตัวเขาพอสมควร แต่ภาคนี้บทไม่ค่อยส่งตัวละคร แม็กซ์ เท่าไหร่ ตัวละครอื่นบ้ากว่าเขาเยอะ โดยเฉพาะ นิโคลัส ฮอลท์ ที่เล่นเป็น นุค วอร์บอยสุดระหํ่า บุคลิกโดดเด่น สร้างความจดจำให้กับคนดูในทุกฉาก ขณะที่ในหนังตัวเดินเรื่องจริงๆกลับเป็น ชาร์ลิซ เธอรอน ในบท ฟูริโอซ่า เธอถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมาก บางฉากที่เธอเจ็บคนดูบางคนก็เจ็บไปด้วย ทำให้เราลืมภาพเธอจากหนังเรื่องเก่าๆไปหมด ตัวละครนี้เป็น1ในไม่กี่คนในเรื่องที่เรารู้สึกว่ามีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ เป็นคนที่น่าเอาใจช่วย ปิดท้ายขอพูดถึง โรซี่ ฮันทิงตัน ไวท์ลี่ย์ นางแบบสาวที่แสดงเป็น แองฮาราด หนึ่งในสาวงามสมบัติลํ้าค่าของ โจ ถึงในเรื่องเธอจะท้องโย้แต่ก็ฉายความเซ็กซี่ทุกอณูจริงๆ
Mad Max Fury Road เป็นหนังที่สนุก ฉากแอ็คชั่นสดใหม่ ครีเอท แถมยังไปสุดทางจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือฝีมือของผู้กำกับในวัย 70 กว่าปี ซํ้ายังเป็นคนเดียวกับที่เคยกำกับหนังน่ารักมุ้งมิ้งอย่าง BABE กับ Happy Feet ด้วยกระแสตอบรับที่เป็นในทางบวกเกือบ 100% ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งหนังแอ็คชั่นขึ้นหิ้งในศตวรรษนี้ และเสียงเรียกร้องของแฟนๆจะทำให้ภาคต่อของมันออกมาเร็วกว่าที่คิด
BUGABOO NEWS / บทวิจารณ์โดย นกไซเบอร์
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์)
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์