Chin’s Gallery จัดแสดงผลงานศิลปะภายใต้คอนเซปต์ “Decoding City of Angels” โชว์ผลงานศิลปะร่วมสมัยที่แตกต่าง 27 ชิ้น ผ่านมุมมองของศิลปินชื่อดัง เซเบอร์ (SABER) ศิลปินแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา ที่สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงด้วยประสบการณ์ในวงการศิลปะร่วมสมัยกว่า 20ปี จนได้รับการยอมรับจากเหล่าศิลปินรุ่นใหม่และเป็นหนึ่งในศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดของยุค ผลงานของเซเบอร์ เริ่มต้นจากการเป็นศิลปินกราฟิตี้ในกลุ่ม MSK และ AWR และได้สร้างปรากฎการณ์ให้วงการศิลปะร่วมสมัยอย่างกว้างขวาง เช่น การสร้างกราฟิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนสามารถมองเห็นจากภาพดาวเทียมนอกโลก หรือการสร้างงานศิลปะบนท้องฟ้าด้วยการเพ้นท์ท้องฟ้าครั้งแรกของโลก เพื่อแสดงอุดมการณ์ต่อรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกหลายชิ้นที่ทำเพื่อสนับสนุนโครงการของรัฐ โดยใช้ความรู้และความสามารถทางศิลปะในการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการสร้างงานศิลปะที่สะท้อนความคิด ที่มีต่อสังคมและใช้แรงบัลดาลใจจากสิ่งแวดล้อมและผู้คนรอบตัวถ่ายทอดทัศนคติของเซเบอร์ (SABER) ทำให้ผลงานของเซเบอร์ (SABER) เป็นที่ยอมรับในกลุ่มศิลปินและนักสะสมศิลปะทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง
การจัดแสดงผลงานเดี่ยวในประเทศไทยครั้งนี้เป็น Solo Exhibition ที่มีชื่อว่า “Decoding City of Angels” ที่มาจากการถอดรหัสทุกมุมมองจากสองเมืองใหญ่ที่อยู่สองมุมโลกอย่างมหานครลอสแองเจิลลิสและกรุงเทพมหานคร เมืองที่ได้สมญานามว่าเป็นสวรรค์บนดินของผู้มาเยือน โดยนำเอาเอกลักษณ์ด้านต่างๆ ทั้งสิ่งแวดล้อมและทัศนียภาพที่สวยงามและโดดเด่น รวมไปจนถึงมุมมองทัศนคติของผู้คนที่อยู่อาศัย นำมาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่มีต่อกรุงเทพฯ ผ่านลายเส้นและสีสันลงบนวัสดุต่างๆในงานศิลปะแบบนามธรรม (Abstract) ซึ่งมีการนำเอาสีสเปรย์ทั้งโทนสด และโทนอ่อนกว่าสิบชนิด ร่วมกับการใช้วัสดุอย่างดินสอดำ หรือการใช้ทองคำเปลวและวัสดุต่างๆอย่าสร้างสรรค์ ประกอบกับการใช้เทคนิคเหนือชั้น ทั้งการพ่นสีด้วยวิธีต่างๆ และการระบายโดยใช้อุปกรณ์หลากหลายรูปแบบ นำมาสร้างลวดลายและตัวอักษรแปลกใหม่ เพื่อสื่อถึงเรื่องราวมุมมองของเซเบอร์ที่มีต่อกรุงเทพมหานครผ่านผลงานศิลปะ 27 ชิ้น
ซีรีย์แรก “To Make Believe That Light is Sound” สะท้อนเมืองกรุงเทพฯ ในรูปแบบสวยงาม โดยมีแรงบันดาลใจ มาจากแสงสี และเสียงของกรุงเทพมหานคร ความอึกทึกยามค่ำคืน เสียงของรถและผู้คนจอแจ เสาไฟฟ้า และรถสามล้อ สะท้อนถึงความสนุกและสดใสของเมืองที่วุ่นวาย เซเบอร์ (SABER) ใช้สีสดและโทนสีสะท้อนแสงผสมบนพื้นที่ระบายสีโทนเข้ม สร้างลวดลายเป็นเส้นสายลายเส้น และใช้เทคนิคการพ่นสีบนกำแพงเข้าผสม ทำให้ภาพดูมีมิติ และสื่อถึงอารมณ์ของชาวเมืองที่ไม่เคยหลับใหลในยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีการแสดงผลงาน
ซีรีย์ที่สอง “Street Poetry” ที่สะท้อนถึงความทรงจำในอดีตของศิลปินชื่อดังในรุ่นของเซเบอร์ (SABER) ที่เริ่มต้นมาด้วยกัน ปัจจุบันเขาเหล่านั้นกลายเป็นศิลปินที่ทรงอิทธิพลในโลกศิลปะ โดยเซเบอร์ (SABER) ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบจำลองความทรงจำผ่านกำแพงเก่า
ใช้เทคนิคการลงสีแบบเลเยอร์ทับซ้อนหลายชั้นทำให้สีต่างๆดูเจือจางและไม่สมบูรณ์แบบให้ความรู้สึกเหมือนผนังบนกำแพงของลอสแองเจลลิส เซเบอร์ (SABER) ได้เขียนชื่อของเหล่าศิลปินอันทรงอิทธิพลจำนวนมากลงบนผลงานเป็นภาษาในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาและวงการศิลปะยุคใหม่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นเซเบอร์ยังได้สร้างสรรค์ผลงานที่ได้เห็นและรับรู้ถึงความรู้สึกของแรงศัทราอันแรงกล้าและความเคารพรักของคนไทยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช-บรมนาถบพิตร จึงเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน ซีรีย์ที่มีชื่อว่า “ Moments Meet to Become Memories” ที่สะท้อนถึงความเคารพและความทรงจำที่เค้ามีต่อเมืองไทย
ในช่วงที่บ้านเมืองเงียบสงบเต็มไปด้วยความอาลัยที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่9 โดยเลือกใช้โทนสีขาวและดำ ที่ดึงเอาความรู้สึกอันทรงพลังของคนไทยที่รวมใจกัน โดยใช้เทคนิคของการตวัดลายเส้นที่มีความหนักเบา สร้างความสมดุลให้กับภาพ โดยเซเบอร์ใช้ความรู้สึกของเขา ที่มีต่อสิ่งที่พบเห็นเชื่อมต่อกับวัฒนธรรมของชาวไทยแบบหยั่งลึกลงบนผลงานในซีรีย์นี้ และซีรีย์บทสรุปสุดท้าย คือผลงานที่มีสีทองอร่ามจากสิ่งที่ได้พบในวัฒนธรรมของไทย และวัดวาอารามรอบๆบ้านเมือง นำมาประกอบกับการใช้เทคนิคแปะทองแบบวิถีไทยในชื่อ “Searching for Purity” เพื่อเปรียบเทียบความบริสุทธิ์ของทองคำอันทรงคุณค่า กับความสุขที่แท้จริงของผู้คนที่อยู่ในเมืองที่ถูกเปรียบว่าเป็นสวรรค์บนดิน ผ่านผลงานศิลปะแห่งแรงบันดาลใจโดยผลงานทั้งหมด 27 ชิ้น ที่มาจากการถอดรหัสเมืองสววรค์บนดินอย่างกรุงเทพมหานครในครั้งนี้ เซเบอร์(SABER) มีความมุ่งหวังว่าผลงานของเขา จะสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตและเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าให้กับนักสะสมศิลปะชาวไทยได้เป็นอย่างดี
การจัดงานในครั้งนี้ Chin’s Gallery อยากสนับสนุนงานศิลปะร่วมสมัยให้เกิดขึ้นและแพร่หลายในเมืองไทย ผ่านการนำเสนอผลงานอันน่าสนใจของศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ ร่วมสร้างสังคมสำหรับคนที่ชื่นชอบศิลปะเพื่อแลกเปลี่ยนความเคลื่อนไหว ในวงการศิลปะร่วมสมัยของโลกและสร้างประสบการณ์ใหม่ผ่านผลงานศิลปะ ในนิทรรศการแสดงผลงานเดี่ยวจากศิลปินทั่วโลกจึงเริ่มเปิดตัวครั้งแรกกับเซเบอร์ (SABER) ศิลปินร่วมสมัยจากอเมริกา มาจัดแสดง
ณ สตูดิโอฝั่งรีเทล ชั้น 5 อาคาร AETAS ถนนเพลินจิต ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน – 17 ธันวาคม 2560
เปิดประวัติ SABER ศิลปินกราฟฟิตี้และศิลปะร่วมสมัยชาวอเมริกันผู้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ พร้อมนำเสนอผลงานอันลือลั่นจากนครลอสแองเจลิสสู่สายตาชาวโลก
SABER (เซเบอร์) คือหนึ่งในศิลปินกราฟฟิตี้และศิลปะร่วมสมัยชื่อดังที่สุดแห่งยุคปัจจุบัน เขาเกิดในปี ค.ศ. 1976 และมีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เซเบอร์หลงใหล ในงานศิลปะมาตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 13 ปี หลังจากที่ญาติได้พาเขาไปดูงานศิลปะจากสีสเปรย์ที่อุโมงค์รถไฟ ตั้งแต่นั้น มาเขาก็ได้ฝึกทักษะจากการลองพ่นสีบนพื้นกำแพงใกล้บ้าน จนก่อเกิดเป็นผลงานประจักษ์ต่อสายตาศิลปินรายอื่นๆ และในที่สุดเขาก็ได้เข้าร่วมกับกลุ่มกราฟฟิตี้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งยุคอย่างกลุ่ม MSK และ AWR
ในปี 1997 เซเบอร์ได้สร้างสรรค์ผลงานเลื่องชื่อที่ส่งให้เขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการเพ้นท์สีบน ทางลาดเอียงริมแม่น้ำลอสแองเจลิส ผลงานอันโด่งดังชิ้นนั้นมีขนาด 250 x 55 ฟุต ซึ่งใหญ่ราวกับสนามฟุตบอล และ สามารถมองเห็นได้จากภาพทางดาวเทียมที่ถูกถ่ายจากนอกโลก เซเบอร์ใช้เวลากว่า 35 วัน รวมถึงหมดสีไปเกินหนึ่ง ร้อยแกลลอนเพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นชิ้นงานกราฟฟิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ตั้งแต่นั้นมา เซเบอร์ก็ได้มีผลงานออกสู่สายตาประชาชนและแฟนคลับของเขามาโดยตลอด ในปี 2007 หนังสือรวมภาพและเรื่องราวประสบการณ์อุโมงค์รถไฟ ตั้งแต่นั้น มาเขาก็ได้ฝึกทักษะจากการลองพ่นสีบนพื้นกำแพงใกล้บ้าน จนก่อเกิดเป็นผลงานประจักษ์ต่อสายตาศิลปินรายอื่นๆ และในที่สุดเขาก็ได้เข้าร่วมกับกลุ่มกราฟฟิตี้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งยุคอย่างกลุ่ม MSK และ AWR
ในปี 1997 เซเบอร์ได้สร้างสรรค์ผลงานเลื่องชื่อที่ส่งให้เขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการเพ้นท์สีบน ทางลาดเอียงริมแม่น้ำลอสแองเจลิส ผลงานอันโด่งดังชิ้นนั้นมีขนาด 250 x 55 ฟุต ซึ่งใหญ่ราวกับสนามฟุตบอล และ สามารถมองเห็นได้จากภาพทางดาวเทียมที่ถูกถ่ายจากนอกโลก เซเบอร์ใช้เวลากว่า 35 วัน รวมถึงหมดสีไปเกินหนึ่ง ร้อยแกลลอนเพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันว่าเป็นชิ้นงานกราฟฟิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ตั้งแต่นั้นมา เซเบอร์ก็ได้มีผลงานออกสู่สายตาประชาชนและแฟนคลับของเขามาโดยตลอด ในปี 2007 หนังสือรวมภาพและเรื่องราวประสบการณ์ในแวดวงกราฟฟิตี้ของเขาได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และขายหมดไป อย่างรวดเร็วจนต้องตีพิมพ์เป็นครั้งที่สอง
ในปี 2010 ชื่อของเซเบอร์กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้งหลังจากที่เขาทำวิดีโอสนับสนุนแผนการปฏิรูป ระบบประกันสุขภาพของประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า เขาพ่นสีข้อความสนับสนุนนโยบายนี้ทับพื้นหลังที่เป็นรูปธงชาติ อเมริกา ซึ่งการกระทำนี้ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากในกลุ่มอนุรักษ์นิยมและกลุ่มแนวคิดการเมืองฝ่ายขวา เซเบอร์กล่าวว่าเขาโดนกระทั่งขู่ฆ่าจากการถูกมองว่าดูหมิ่นธงชาติอเมริกา และเขาได้เปิดเผยต่อมาว่าตัวเขาเองนั้นป่วยเป็นโรคลมชักที่ประกันสุขภาพไม่รองรับ จึงเป็นสาเหตุให้ศิลปินกราฟฟิตี้รายนี้ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์ผลงานเพื่อหวังกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปรวมถึงนักการเมืองในสภาหันมาสนใจในประเด็นนี้กันมากขึ้น
เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพของตัวเขาเอง เซเบอร์จึงมีความเห็นอกเห็นใจเป็นพิเศษต่อผู้คนที่กำลังเผชิญปัญหาแบบเดียวกัน ตอนนี้เขากำลังสนใจที่จะจัดตั้งมูลนิธิ โดยมุ่งหวังที่จะใช้ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ในการช่วยเหลือผู้คน ดั่งเช่นที่ศิลปะเองเคยได้ช่วยเขาไว้ในอดีต
และในปีถัดมา เซเบอร์ได้ใช้พื้นที่บนท้องฟ้าเพื่อแสดงผลงานต่อต้านนโยบายใหม่ของเมืองที่ห้ามการสร้างภาพ จิตรกรรมฝาผนังในพื้นที่สาธารณะ ชิ้นงานนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของเมืองซึ่งในที่สุดก็นำมาสู่การเปลี่ยน แปลงเมื่อภาครัฐหันมารับฟังข้อเสนอของเขา และมันยังทำให้เซเบอร์โด่งดังในโลกออนไลน์มากด้วยเช่นกัน
เซเบอร์ยังคงเดินหน้าออกเรียกร้องข้อเสนอแนะต่างๆในปีต่อๆมา ตั้งแต่ประเด็นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลในด้าน การจัดสรรงบประมาณสำหรับการทำงานศิลปะ ไปจนถึงการรวมตัวของศิลปินในแขนงเดียวกัน เขาจึงเป็นศิลปินผู้ไม่ เคยหยุดนิ่ง ไม่ว่าจะในด้านการสร้างสรรค์ผลงาน หรืออุดมการณ์อันแรงกล้าที่ยังคงเดินทางออกค้นหาความหมายอัน ลึกล้ำของงานศิลปะไปพร้อมๆกับการรณรงค์ประเด็นสาธารณะในด้านต่างๆที่เขาสนใจ
จากประสบการณ์มากกว่าสองทศวรรษในวงการกราฟฟิตี้ของเซเบอร์ เขาได้กลั่นกรองฝีมือในการสร้างผลงาน ชิ้นใหญ่อันซับซ้อนมาสู่ผืนผ้าใบในงานศิลปะรูปแบบผสมผสานอย่างยากที่จะหาศิลปินคนอื่นมาเทียบเคียง ทั้งในด้าน ฝีมือ พลัง และความคิดสร้างสรรค์ในแบบฉบับของตัวเขาเอง ซึ่งก็คงมีแต่ศิลปินผู้คร่ำหวอดในวงการกราฟฟิตี้และสตรีทอาร์ทอย่างเซเบอร์เท่านั้นที่จะสามารถรังสรรค์ขึ้นมาได้
ลิงค์อ้างอิงเกี่ยวกับ SABER และผลงานที่ผ่านมา :
Sky Art : #ArtIsNotCrime
Huffington Post: Saber Fights To Lift Ban On Murals In LA http://www.huffingtonpost.com/2011/10/13/artist-saber-fights-to- li_n_1009758.html
Huffington Post: Saber Fights To Lift Ban On Murals In LA http://www.huffingtonpost.com/2011/10/13/artist-saber-fights-to- li_n_1009758.html
Financial Times Interview:
http://www.ft.com/intl/cms/s/2/d4ef40e6-7924-11e3- b381-00144feabdc0.html#axzz33GrseTd0
สอบถามข้อมูลด้านประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์พิเศษ :
สุรินธ”Yupaporn Modernteer” <yupaporn@modernteer.com>ร จิราภรณ์ – ปุ้ม (089-545-5598) / ขวัญพิชญ์ แย้มประดิษฐ์ – ขวัญ (098-341-4539)