ตัวตนของ BADB!TCHBKK กับความเป็นผู้หญิงและความเป็นไทย ในวัฒนธรรมฮิปฮอป

ผู้เขียน: ปิยาพัชร รัตนสุวรรณ

วีร์ ศรีวราธนบูลย์ หรือ Badbitchbkk สาวสวยคมชื่อเท่หน้าเก๋คนนี้เป็นศิลปินฮิปฮอปหน้าใหม่มาแรง มากความสามารถเธอมีผลงานเพลงในแนว Rap , Hip-Hop และ R&B ที่แต่งเนื้อร้องและเมโลดี้เองทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นนางเอก MV ที่มียอดการเข้าชมกว่า 12 ล้านวิว อย่างเพลง REO ของ 1 Mill และหนึ่งในนางเอก MV 40 กว่าล้านวิว เพลง ลองรวย ของ DTK BoyBand

ก่อนที่จะมาเป็นศิลปิน ในช่วงมัธยมเธอเคยร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ริมถนนเพื่อหารายได้ จนกลายเป็นกระแสในโซเชียลอยู่ช่วงหนึ่ง และเคยได้รับคัดเลือกเป็น 1ใน 3 จากศิลปินรุ่นเยาว์ สาขาเพลง Rap ในโครงการ Yes Academy ร่วมกับเยาวชนนานาชาติจากอาเซียน สอบติดอันดับ 1 ใน 100 คนจากทั่วประเทศ ในการเข้าร่วมโครงการ Yes Exchange Schorlarship อีกทั้งเป็นนิสิตหญิงคนแรกของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ที่ได้รับเหรียญทองกีฬายกน้ำหนัก จากการแข่งขัน Freshy Game ปี 2018 กว่าจะกลายเป็นศิลปินสาวสวยเก่งที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในทุกวันนี้ เชื่อว่าในชีวิตของเธอล้วนต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมาย ที่ส่งผลให้เธอมีมุมมองความคิดที่เป็นอิสระและเปิดกว้าง ในวันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้นผ่านคำถามที่แสดงถึงทัศนคติในการมองโลก แรงผลักดัน เบื้องหลังความสำเร็จ รวมถึงความสามารถในด้านต่างๆของเธอ

บรรยากาศครอบครัวที่เติบโตมาเป็นแบบไหน ได้รับการหล่อหลอมอย่างไรจากครอบครัวที่ทำให้กลายมาเป็นศิลปินเพลงในปัจจุบัน

วีร์ : เป็นคนกรุงเทพนะคะ มีคุณพ่อคุณแม่แล้วก็น้องชาย 1 คน เป็น Drag Queen คุณพ่อทำ Production House ทำพวกเกี่ยวกับโฆษณา หรือว่างาน visualizer ต่างๆที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ส่วนอาชีพคุณแม่ก็จะยุ่งยากนิดนึงเพราะว่าทำทุกอย่างเลย เวลาใครถามก็จะบอกว่าอาชีพรับจ้าง เพราะว่าล่าสุดก็เล่นหนัง ถ่ายรายการเชฟกระทะเหล็กเป็นกรรมการ ก่อนหน้านี้ก็เป็นบรรณาธิการให้หนังสือ นิตยสาร เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เยอะแยะ ทั้งคุณพ่อคุณแม่เป็นคนที่ฟังเพลงอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กๆเราก็เป็นคนที่ฟังเพลงไปด้วย อย่างศิลปินคนแรกๆที่เราฟัง Lady Gaga , Michael Jackson คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นคน introduce ให้

การศึกษาที่ผ่านมา / สิ่งที่เรียนได้ปูพื้นฐานในการทำงานเพลง หรือวิธีคิดเกี่ยวกับชีวิตอย่างไร

วีร์ : การเรียนในระบบเนี่ย ก็เรียนประถมสาธิต มศว ประสานมิตร มัธยมก็เรียนที่เดียวกัน แล้วส่วนที่มันช่วยให้เราเป็นคนแบบที่เราเป็นในทุกวันนี้ก็คือสภาพแวดล้อมในนั้น ซึ่งเราไม่ได้เป็นคนที่ไม่ได้กว้างขวางอะไรมาก ไม่ค่อยคบหาเพื่อน เวลาพักเที่ยงก็ไม่ได้ไป hangout กับใคร ไม่ได้ไปกินข้าวกับใคร แต่ไปนั่งร้องเพลงตรงบันไดหนีไฟเพราะว่าไม่มีอะไรทำ ร้องเพลง เล่นกีตาร์ จนมามหาวิทยาลัยก็ต้องยอมรับว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้ shape คนที่เราเป็น เพราะว่าเราก็มีคาแรคเตอร์ที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วตั้งแต่จบมัธยม ส่วนการศึกษาด้วยตัวเองเนี่ยส่วนใหญ่ก็จะมาจากการร้องเพลง ทำเพลง เนี่ยแหละ เราก็ได้เรียนภาษาอังกฤษ เพราะเราไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศ

เริ่มสนใจในด้านการเป็นศิลปินตั้งแต่ตอนไหน มีสิ่งใดเป็นแรงกระตุ้น หรือแรงบันดาลใจให้เริ่มเขียนเพลงหรือร้องเพลง

วีร์ : เราเป็นคนที่มีแพชชั่นที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างถ้าสมัยเด็กเนี่ยใครที่เป็นเพื่อนก็จะจำได้ เราเคยอยากเป็นนักมวย พอโตขึ้นมาหน่อย ช่วงประมาณ Middle school ก็จะอยากเป็นช่างสัก ช่วงนั้นก็วาดรูปเยอะมาก ซื้อเครื่องสักมาสักคนในบ้าน แล้วพอมอปลายก็เริ่มมาร้องเพลงจริงจัง พอเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ก็ทำเพลงแรกเพราะในช่วงนั้นได้คลุกคลีกับคนในวงการ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา

ที่ผ่านมาชอบเสพสื่อประเภทไหน และชอบฟังเพลงแนวไหนบ้าง ศิลปินที่ชื่นชอบคือใคร เหตุผลที่ชอบ

วีร์ : เสพสื่อประเภทไหน ส่วนใหญ่ก็เหมือนคนในรุ่นนี้ทั่วๆไป ก็ดู Netflix เล่นโซเชียล และชอบอ่านหนังสือด้วย คือเราเหมือนเป็นคนสมาธิสั้นนิดๆ ไม่ว่าจะทำอะไร เราจะต้องฟัง Audio Book หรือไม่ก็อ่านหนังสือไปด้วยตลอดเวลา จะกินข้าว เล่นเกม หรือบางทีทำการบ้านก็ต้องฟังไปด้วย ไม่งั้นไม่ได้จะวอกแวก ส่วนเพลงก็ชัดเจนอยู่แล้ว ชอบฟัง Hip-Hop และ R&B แต่ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นแค่แนวนี้นะ เพลงไหนที่ชอบก็ฟังได้เรื่อยๆ ส่วนศิลปินที่ชอบเอาของต่างประเทศละกัน หลักๆชอบแร็ปเปอร์ หญิง 3 คน ที่เราคิดว่า iconic ที่สุด ก็คือ Nicki Minaj , Cardi B และ Magan Three Stallion เรารู้สึกว่าสามคนนี้คนทั่วไปจะมองว่าเหมือนๆกัน แต่เราว่าไม่ สังคมเราแค่คุ้นชินกับการที่ผู้หญิงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงการแร็ป พอมีคนสไตล์คล้ายๆกันก็จะถูกเหมารวม

คิดว่า “งานเพลง” จะเป็นอาชีพได้จริงหรือไม่ ที่ผ่านมา เคยหาเงินได้จากงานดนตรีในรูปแบบใดมาบ้าง

วีร์ : เราเชื่อว่าในสถานการณ์ปกติเนี่ยมันทำได้ งานศิลปะเป็นงานที่คนส่วนมากมักจะมองว่าฟุ่มเฟือยหรูหรา ทำให้อาชีพไม่มีความมั่นคง แต่คนเราลืมไปว่าช่วงเวลาที่ชีวิตฉิบหายที่สุดอย่างช่วง pandemic คนเราก็ยังต้องหาความสุข ซึ่งความสุขดังกล่าวก็มาจากศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เราคิดว่าในยุคนี้อาจจะยากหน่อย เพราะรายได้หลักของศิลปินจะมาจากการทัวร์คอนเสิร์ต แต่ว่าในสถานการณ์ปกติเรามองว่าสามารถทำเป็นอาชีพได้

เหตุใดจึงเลือกทำเพลงฮิปฮอป ผลงานที่ผ่านมามีอะไรบ้าง

วีร์ : ที่เลือกมาทำเพลงสไตล์นี้เพราะว่าเราชอบ ก็คือถ้าให้ไปทำสไตล์อื่นเราก็คงไม่ได้มีความถนัดเท่านี้เพราะเราไม่ได้ฟัง ส่วนผลงานที่ผ่านมาก็จะมีในช่อง Youtube ของตัวเอง ชื่อ BADB!TCH BKK แล้วก็มีถ่าย MV รวมถึงมีการทำเพลงร่วมกับศิลปินท่านอื่น อย่าง Rapperdoll , Khun OC , Meena13

นิยามของคำว่า เพลงแร็ป ฮิปฮอป ในทัศนะของคุณคืออะไร

วีร์ : อันนี้อาจจะเป็นความเข้าใจที่ไม่รู้ว่าจะถูกหรือผิดของเรานะ แต่เราคิดว่าฮิปฮอปเนี่ยเป็นดนตรีแขนงเดียวที่คนเราสามารถ express ตัวเองได้แบบทุกด้าน อย่างการ flex การมาอวดเงิน อวดเซ็กส์ เราก็ไม่ค่อยได้ฟังจากเพลง country อะไรแบบนี้ใช่มั้ย ในขณะที่ฮิปฮอปเนี่ยพูดเรื่องอะไรก็ได้ คนมักจะคิดว่าฮิปฮอปเนี่ย ชีวิตกูมีแต่เงิน มีแต่ทอง มีแต่*** แต่ความจริงจะพูดเรื่องโดนแม่ด่ากลับมา ก็สามารถเป็น Eminem ได้อะไรแบบนี้ นั่นคือเหตุผลที่เราชอบ เราเคยฟังเพลงนึงมันเกี่ยวกับผู้ชายวัยรุ่นที่พูดให้ผู้หญิงไปทำแท้ง ซึ่งเราไม่คิดว่ามันจะมีเพลงประเภทอื่นที่ทำแบบนี้ได้

ขั้นตอนในการสร้างงานเพลงของคุณ ประกอบด้วยอะไรบ้าง และอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้แต่งเพลงได้ดี

วีร์ : การที่บอกว่าอะไรทำให้แต่งเพลงได้ดีนี่มัน tricky นะ เพราะว่าคนอื่นอาจจะไม่ได้มองว่าเราแต่งเพลงได้ดีก็ได้ แต่ในการสร้างผลงานที่เราภูมิใจเนี่ย เราต้องทำอย่างมีความสุข โอเคเราอาจจะเครียดได้ กดดันได้ แต่เวลาเราเขียนไป เราต้องรู้สึกเหมือนเวลาเราพูดอะไรเท่ๆต่อหน้าเพื่อนแล้วเราภูมิใจในตัวเองอะไรแบบนี้ เวลาเราเขียนเราก็ควรจะรู้สึกแบบนั้น ส่วน process ในการทำเพลง แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเรา เราจะคิดก่อนว่าเราอยากพูดเรื่องอะไร แล้วเราก็มาหาบีท ใน youtube มีเต็มไปหมดเลย มีทั้งแบบฟรีแบบไม่ฟรี แบบเอาไปใช้ได้แต่ห้ามเอาไปหาตัง มันจะมีหลายประเภท เราก็ไปเลือกมา แล้วก็มาแต่งกับบีทเหล่านั้น แล้วถ้าเกิดบีทมันฟรีหรือเราซื้อมา เราก็ไปสตูเพื่ออัด รอ mixed master ประมาณอาทิตย์นึง ก็คือได้เพลงมา แต่ถ้าเป็นบีทของเพลงที่มีอยู่แล้ว เราก็ไปให้โปรดิวเซอร์ทำบีทที่มีสไตล์นั้นมาให้ แต่ melody ไม่เหมือนกัน ก็ไปอัดแล้วก็รอ mixed master หลายๆคนก็จะไม่เหมือนเรานะ บางคนทำการอัด หรือ mixed master เองได้ ซึ่งตอนนี้เรายังทำไม่ได้

ในการทำงานที่ผ่านมา มีใครเป็นผู้สนับสนุน

วีร์ : อย่างแรกเลยก็คือครอบครัว ช่วยทั้งทาง mental support ที่ช่วยได้ แล้วเพื่อนๆก็สำคัญ เพราะคนเราจะสร้างงานศิลปะได้ก็ต้องมี mood ถูกมั้ย การที่อยู่กับเพื่อนอยู่กับคนที่เรารักทำให้เราทำงานออกมาได้ดีขึ้น

อะไรคือตัวชี้วัดความสำเร็จในการทำงานของคุณ

วีร์ : แต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วความสำเร็จก็มีหลายระดับ การที่เราชอบเพลงของเราบางทีก็เป็นความสำเร็จแล้ว บางคนมองว่าต้องมีแสนวิว ล้านวิว ต้องมีทัวร์ทุกวัน สำหรับเราความสำเร็จที่จับต้องได้จริงๆก็คงจะเป็นการที่คน recognize เพลงของเรา

คิดว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จในการเป็นศิลปินได้ด้วยวิธีใด

วีร์ : คิดว่าจะทำได้ด้วยการจริงใจกับตัวเอง เพราะมีหลายครั้งที่คนที่หวังดีกับเราทั้งคนรอบตัว หรือคนในวงการจะให้คำแนะนำกับเรา ซึ่งก็มาจากความหวังดีความรักนะ แต่เราต้องดูด้วยว่าเราเป็นใคร เราทำอะไรอยู่ เพราะอย่างนึงที่วีร์เชื่อคือ เราเป็นแบบใครไม่ได้ เราเป็นได้แค่เป็นตัวเอง แต่เราทำตัวของเราเองให้ดีขึ้นได้ มันจะยากตรงที่ต้องแยกว่าอะไรก็การพัฒนา อะไรคือการเฟค การเป็นอะไรที่เราไม่ได้เป็น เพราะมันก็เหนื่อยนะ การพยายามเป็นคนอื่น กับการพยายามเป็นตัวเองที่ดีขึ้นมันก็เหนื่อยพอๆกัน แล้วบางทีเราก็ไม่รู้เสมอไปว่าเราพัฒนาขึ้นอยู่ หรือว่าเรากลายเป็นอย่างอื่นไปแล้ว

นิยามความเป็นตัวเอง เนื้อหาของเพลง และภาพลักษณ์ ที่แสดงออกมาผ่านสื่อ / คิดว่าในขณะนี้ ภาพลักษณ์ ที่สื่อสารออกไป ทำให้คนทั่วไปมองว่า คุณเป็นคนแบบไหน  

วีร์ : เรามองว่าเราเป็นคนที่ยอมรับความจริง เรารู้หมดว่าอะไรเป็นยังไง เกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ว่าเราก็ต้องยอมรับด้วยว่าคนเราก็มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกอะไรที่ไม่ make sense อย่างเช่นเราทำเพลงเกี่ยวกับความรักเนี่ย ด้วยเหตุและผลเนี่ย เรารู้มั้ยว่าชีวิตนี้เราไม่ได้ต้องการความรัก เรารู้มั้ยว่าผู้หญิงสามารถอยู่ได้โดยไม่มีผู้ชาย เรารู้เราก็ใส่เข้าไปในเพลง แต่เราก็รู้ด้วยว่ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องการเหตุผล บางอย่างอารมณ์ก็สำคัญ เอาจริงๆศิลปะเนี่ยเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุผลนะ เราแค่รู้สึกดีเพราะอะไรก็ไม่รู้ บางทีก็รู้สึกเหมือนเราเป็นคนที่ตื่นแล้วแต่อยากกลับไปนอนต่อ พูดถึงในเรื่องความเข้าใจชีวิตนึกออกมั้ย เนื้อเพลงเราก็จะเป็นประมาณนี้ เราก็จะพูดถึงความรักเยอะอยู่ แล้วก็มีการ flex มีการโอ้อวดอะไรทั่วไปที่คนอื่นๆเขามีการ ส่วนใหญ่เราก็จะมี message ที่มันค่อนข้าง specific ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันออกมาสนุกอย่างเดียว

ความเป็นผู้หญิง เป็นข้อได้เปรียบ หรือเป็นอุปสรรคอย่างไรในการทำงานเพลงบ้าง

วีร์ : เอาจริงๆเรามองว่ามันเป็นจุดเด่นนะ แต่ว่าถ้าถามว่าเป็นอุปสรรคมั้ยก็เป็น เพราะว่าด้วยเนื้อหาเนี่ย มันก็มีอะไรหลายๆอย่างที่สังคมรู้สึก comfortable กับการฟังผู้ชายพูด แต่เวลาผู้หญิงพูดเนี่ยมันฟังดูกระดากหู โดยเฉพาะในสังคมไทย อาจจะไม่ใช่แค่ในสังคมไทยก็ได้ อย่าง Cardi B เพลง Wap ออกมาเนี่ย คนออกมากรี๊ดกร๊าด คนออกมาด่า ผู้หญิงคนนี้พูดจาเรื่องแบบนี้ออกมาได้ยังไง แต่แร็ปเปอร์ผู้ชายทำเพลงก็พูดถึงเรื่องเพศเหมือนกันกลับไม่โดน แต่เราก็มองว่า any publicity is a good publicity แล้วเพลงๆนั้นของ Cardi ก็เป็นหนึ่งในเพลงที่ดังที่สุดที่เขาทำมา เรามองว่ามันเป็นจุดเด่นก็ได้ แต่เรามองว่ามันก็มีจุดที่ต้องระวังเพิ่มขึ้น

คิดว่าไลฟ์สไตล์เป็นสิ่งที่มีผลต่อการที่ผู้คนให้ความสนใจพอๆกับผลงานเพลงหรือไม่

วีร์ : มีส่วน เพราะว่าเดี๋ยวนี้งานเพลงเนี่ย มันไม่ต้องเกิดจากมนุษย์แล้วนะ อย่างเพลงพวก Miku แล้วโดยเฉพาะแร็ปเปอร์เราคิดว่าไลฟ์สไตล์มีส่วนสำคัญมาก เพราะว่าเราฟังศิลปินนักร้องแบบโวคอล เราไม่แคร์หรอกว่าเขาเขียนเพลงเองหรือเปล่า แต่ว่าในวงการแร็ป ใครไม่ได้เขียนเพลงเองเนี่ยก็ ไม่ถึงกับถูกแบนหรอก แต่มันก็จะมีความแบบติดขัดนิดนึง เพราะว่าแร็ปเนี่ยมันไม่ได้เป็นอะไรที่ต้องโชว์เสียง มันเป็นการโชว์ความฉลาด สกิลในการคิดคำ

นอกจากงานเพลงแล้ว สนใจงานด้านไหนอีกบ้างในวงการบันเทิง

วีร์ : เอาจริงๆป่ะ เราชอบการแสดง เคยไปดูคุณแม่ตอนถ่ายหนังก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนุกดี อย่างเวลาเราเล่น MV ให้ตัวเอง นอกจากการอัดเพลง การถ่าย MV เป็นขั้นตอนโปรดในการสร้างสรรค์ผลงานสำหรับเรา

อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ได้เรียนรู้จากการเป็นศิลปิน

วีร์ : สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการได้พิสูจน์กับตัวเองว่าเราทำสิ่งนี้ได้ ว่าคนคิดยังไงกับเรา คนมักจะคิดว่าคนส่วนใหญ่จะเฟคใส่เราเพื่อเอาผลประโยชน์ หรือหา clout แต่ว่าการที่เราแสดงตัวว่าเป็นศิลปินหรือบุคคลสาธารณะเนี่ย มันทำให้คนกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับเรา อะไรที่ปกติเขาไม่กล้าพูด ในตอนนี้เราอาจจะยังไม่เห็นชัดเจนมากเพราะเรายังไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างแบบนั้น แต่ถ้าเราไปดูเราจะเห็นได้เลยว่าคนกล้าที่จะ express ความรู้สึกที่มีต่อบุคคลสาธารณะเหล่านี้เนี่ยมากกว่าคนรอบตัวจริงๆ

แฟนคลับหลายๆคนมองว่าคุณเป็นคนที่สร้างพลังงานที่ดี เป็นแรงผลักดันให้ทุกคนมีความกล้าที่จะเป็นตัวเอง รู้สึกยังไงกับคำนี้ และมีอะไรอยากจะบอกแฟนคลับหรือผู้ติดตามหรือไม่

วีร์ : เรารู้สึกว่าตัวของเราเอง เวลาอยู่คนเดียวเนี่ยเราไม่ได้สร้างพลังงานที่ดีหรอก แต่เราสามารถพูดเรื่องที่ลบสุดๆให้กลายเป็นสิ่งตลกขบขันได้ สามารถพูดได้อย่างไม่กระดาก สังคมไทยเนี่ยเป็นสังคมที่จะออกจากปัญหาไม่ว่าจะเรื่องความอยู่ ความตาย เรื่องเพศ ความสัมพันธ์ แล้วทุกคนก็มีปัญหา มีเรื่องแย่ๆทั้งนั้น แต่เราถูกกดทับด้วยความคิดที่ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดในที่สาธารณะ แล้วพอเราเอามาพูดก่อนเนี่ย มันคือเรื่องลบๆทั้งนั้นเลยนะ ทั้งผู้ชายเซ็กส์ห่วย โดนผัวทิ้ง หรือ มีความทุกข์ มี depression อะไรแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอกที่เราพูดไป แต่คนมาฟังแล้วมันรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียวไง บางทีคนเราไม่ได้ต้องการคำปลอบนะ มันแค่รู้สึกว่าไม่ได้ทุกข์อยู่คนเดียว สิ่งนี้มันเกิดขึ้นกับคนอื่นมาแล้ว และมันเกิดขึ้นกับเรา มันเป็นคราวซวยเราเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทุกครั้งที่มีคนบอกว่าเรามีพลังบวก เราก็จะบอกเขาว่า ลบลบเป็นบวกนะ มึงลบอยู่กูลบ มึงมาฟังกูมึงเลยได้พลังบวกกลับไป บางที่คนที่มีความสุขมากๆเขาอยู่กับเราเขาอาจจะไม่ชอบก็ได้ เพราะเราเองก็เป็นคนที่มีความทุกข์เยอะมาก แต่สำหรับคนที่มีบาดแผลมาเหมือนๆกันเขาก็อาจจะได้รับความรู้สึกปลอบประโลมจากการที่เราเป็นเรา

นอกจากงานเพลงแล้ว มีความสามารถพิเศษหรือความสนใจด้านใดอีกบ้าง และมีผลงานความสำเร็จอะไรบ้างที่เคยได้รับในอดีต

วีร์ : นอกจากการแร็ปก็ร้องเพลงได้ เป็นนางแบบ แสดงได้ระดับนึง ออกกำลังกาย เคยเป็นนักกีฬายกน้ำหนักของมหาวิทยาลัย ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว เกิดอุบัติเหตุ คือหลังเจ็บแล้วไม่สามารถยกน้ำหนักได้ เลยกลายมาเป็นยกสวยๆแทน แล้วก็การวาดรูป เชื่อว่าเป็นคนที่วาดรูปสวยคนนึง แต่มีสไตล์ของตัวเองนะ อยู่ๆจะให้มาวาดพอร์ตเทรตอย่างนี้ก็ไม่ใช่

มีการพัฒนาตัวเองและดูแลตัวเองทั้งในด้านร่างกาย / จิตใจ / ความรู้ อย่างไรบ้าง

วีร์ : ในด้านร่างกายเราก็ดูแลรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ด้วยการใช้สกินแคร์ การกิน พยายามอยู่ให้มัน healthy ในระดับนึง แล้วก็อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่เรามีวิธีที่จะ handle กับความรู้สึกแย่ที่มันมาหาเราอย่างไม่มีเหตุผล ด้วยการไม่โฟกัสกับความคิดของตัวเอง เวลาเดียวที่เราจะโฟกัสกับความคิดของตัวเองคือเวลาเราแต่งเพลง นอกจากนั้นเราจะไม่พยายามปล่อยให้ตัวเองอยู่กับตัวเองเลย เราจะต้องทำอะไรอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตอนนอน ก่อนจะหลับเราก็ต้องฟัง Audio Book เราจะต้องหาอะไรอ่าน เพื่อเป็นการป้องกันให้เราอยู่กับความทุกข์มากจนเกินไป อย่างเวลามีความสุขเราก็ enjoy แต่เวลาปกติเนี่ย คนที่เขาสุขภาพจิตปกติดีเขาก็ได้ขับอยู่บนถนนในประเทศที่เจริญแล้วที่มันเรียบๆนึกออกมั้ย แต่อย่างเราเวลามีความทุกข์เนี่ย มันก็เหมือนขับรถอยู่บนถนนลูกรังห่วยๆของไทย ซึ่งการจะตกหลุม การจะมีความทุกข์ การจะบาดเจ็บมันก็ง่ายกว่า อย่างคนทั่วไปเวลามีความทุกข์ เหมือนขับรถอยู่บนถนนการจะบาดเจ็บได้ต้องมีรถอีกคันมาชน หรือเราซุ่มซ่ามไปชนกับเสาไฟ แต่ถ้าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเนี่ย มันเหมือนเราขับระวังเต็มที่แล้ว เราใส่หมวกกันน็อค แต่พื้นกลับมีหลุม ไม่ต้องชนกับใคร ไม่ต้องมีเสาไฟ ไม่ต้องประมาท มันก็ตกหลุมได้

เป้าหมายสูงสุดในชีวิตคืออะไร

วีร์ : อย่าง Michael Jackson เรามาฟังเพลงเขาตอนที่เขาตายไปแล้วนะ แล้วก็มีศิลปินอีกหลายๆคนที่มาดังหลังจากตายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Pop Smoke หรือว่า Juice Wrld เราอยากเป็นอย่างนั้น ถึงเราตายไปแล้วก็อยากให้คนกดเข้ามาฟังเพลงของเราอยู่ เวลาเศร้า เราอยากให้เราเป็นที่จดจำถึงจะตายไปแล้ว

คิดว่าศิลปินต้องมีส่วนช่วยเหลือในการแก้ปัญหาสังคม หรือรับผิดชอบสังคมหรือไม่ อย่างไร

วีร์ :อาชีพศิลปินเป็นอาชีพที่ต้องขึ้นอยู่กับความรัก การสนับสนุนจากประชาชน ในขณะที่อาชีพอื่นๆ มันมีความต้องการของมันเองในโลกนี้ เช่น เป็นหมอ มันเป็นอาชีพที่ไม่ว่าคนจะรักจะเกลียดก็จำเป็น เรารักหมอหรือเกลียดหมอ มันก็ไม่ได้ทำให้เขาผ่าตัดเราดีขึ้นหรือแย่ลง

แต่ในขณะที่ศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง หรือ ศิลปินเพลง ตัวเลือกมันมีค่อนข้างเยอะ แล้วคนเราก็ไม่อยากได้ยินเสียงหรือดูผลงานของคนที่เราไม่ชอบ
เหตุผลที่คนจะไม่ชอบกัน นอกจากความเหม็นขี้หน้ากันตามภาษามนุษย์แล้ว มันก็ยังมีความรู้สึกของการที่คนนี้ได้ช่วยกูหรือเปล่าในวันที่กูลำบาก
ซึ่งพอมันเกิดเหตุการณ์หรือปัญหาต่างๆที่ประชาชนรู้สึกว่าศิลปินสามารถที่จะช่วยเหลือได้จากการ call out หรือการ address ถึงปัญหาที่มีอยู่ หรือมีส่วนร่วมกับประชาชนในการต่อสู้อะไรสักอย่าง
อาชีพเราอยู่ได้ด้วยความรักและความอยู่รอดของคนที่เป็นแฟนคลับเรา ถ้าเขาอยู่ไม่รอดเราก็อยู่ไม่รอดด้วย

มุมมองต่อวงการเพลงฮิปฮอปในระดับประเทศ /ระดับโลก

วีร์ : เรารู้สึกว่าวงการฮิปฮอปในประเทศไทยมันกำลังจะไปในทิศทางที่ดีขึ้นนะ เพราะคนเราก็เริ่มมีการยอมรับ ในสไตล์ต่างๆแต่เราก็ต้องรู้ด้วยว่า negativity เนี่ย เป็นสิ่งธรรมดา นั่นคือสิ่งที่เราคิด เรารู้สึกว่ามันกำลัง move on to การที่เพลงมันไม่ต้องมี genre อะไรที่เพราะ คนก็ฟังเท่านั้นเอง อะไรที่ทำให้เรามีความสุขฟังแล้วชอบ อะไรที่เรา vibes กับมันได้เนี่ยแน่นอนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพลงคือศิลปะ ศิลปะไม่ใช่คณิตศาสตร์ที่หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง ศิลปะความเจ๋งของมันคือ คนคนนึงมองภาพภาพเดียวกัน หรือ ฟังเพลงเพลงเดียวกัน แล้วได้ความรู้สึกต่างกัน ร้อยคนมีร้อยความรู้สึก แล้วเราคิดว่าวงการเพลงไม่ว่าจะฮิปฮอปหรืออะไรก็ตาม ก็มาถึงจุดที่เริ่มเข้าใจส่วนนี้แล้ว ซึ่งก็ทำให้เรามีเพลงที่ดีแล้วก็แปลกขึ้น

จากการได้สนทนากับศิลปินหน้าใหม่มาแรงคนนี้ ทำให้เราได้เห็นถึงมุมมองการใช้ชีวิตของเธอ ซึ่งทำให้รู้ได้เลยว่าวีร์ หรือ Badbitchbkk เป็นคนที่มีมุมมองชีวิตที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ได้นำเอาความเป็นจริงในมุมต่างๆออกมาพูดถึงได้อย่างน่าอัศจรรย์ บางสิ่งอาจดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วๆไปแต่เธอสามารถพูดถึงได้อย่างน่าสนใจ ออกมาในรูปแบบความบันเทิง แต่ก็มีประเด็นที่ทำให้ฉุกคิดได้ ซึ่งเห็นได้จากผลงานเพลงที่เธอแต่ง การพูดคุย
ครั้งนี้ทำให้ได้รับรู้มุมมองใหม่ๆที่ว่าชีวิตของคนเราไม่จำเป็นที่จะต้องมีความสุข สมหวังไปหมดทุกอย่าง แต่เราสามารถที่จะเรียนรู้จากทุกประสบการณ์ที่เราได้รับเพื่อนำมาพัฒนาต่อยอดได้ หรือจัดการกับความทุกข์ได้ และสิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลย คือ ความเป็นตัวของตัวเอง การรู้จักที่จะเรียนรู้และรักตัวเองในแบบที่เราเป็น วีร์เป็นคนที่รู้จักตัวเองดี สามารถดึงศักยภาพที่ตนเองมีออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจและเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับใครหลายๆคน ลุกขึ้นมาเริ่มสร้างความสำเร็จ สร้างอาชีพ สานต่อความฝันที่ตนรัก และเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุดได้เหมือนกับเธอเช่นกัน

รายละเอียดผลงานที่ผ่านมา

Music Video

DTK BOY BAND – ลองรวย : https://m.youtube.com/watch?v=jMC9Qa75Vik
1 MILL – REO : https://m.youtube.com/watch?v=564QKeaKrAI

ผลงานเพลง

BADB!TCHBKK – ดีกันนะ (Deegunna) : https://m.youtube.com/watch?v=UZfSzs0AI2c

BADB!TCHBKK – สับสน (SUBSON) : https://m.youtube.com/watch?v=mE6GXVSbgBA

BADB!TCHBKK – ไปดีกว่า (PAI DEE GWA) : https://m.youtube.com/watch?v=G5XlRffui3s

BADB!TCHBKK – เอาไปเลย (AOW PAI LOEY) : https://m.youtube.com/watch?v=KIbx_edGNWI

BADB!TCHBKK – 5 KILOs : https://m.youtube.com/watch?v=gGJ2hBioTKw

BADB!TCHBKK – Don’t Stay Close : https://m.youtube.com/watch?v=MXuGcBS6pIY

BADB!TCHBKK – ลูกเจ๊ก (Lookjek) : https://m.youtube.com/watch?v=Xa7YoLbJ5sk

BADB!TCHBKK – DROWN : https://m.youtube.com/watch?v=9AqQyH9y4DQ

BADB!TCHBKK – ทนไป (Intro) : https://m.youtube.com/watch?v=oJ8dPxW6IQ0

BADB!TCHBKK – PHAT : https://m.youtube.com/watch?v=oJ8dPxW6IQ0

BADB!TCHBKK – รักอยู่ : https://m.youtube.com/watch?v=oPNn_-St5tQ
ผลงานที่ร่วมกับศิลปินท่านอื่น

BADB!TCHBKK – FLEX ft. Khun OC : https://m.youtube.com/watch?v=TMF1y3kx61Y

BADB!TCHBKK – แหย่ (Tease) ft.RAPPERDOLL : https://m.youtube.com/watch?v=wx7mQcR-5pk

สามารถติดตามผลงานของวีร์ หรือ Badbitchbkk ได้ใน

Youtube channel : BADB!TCH BKK : https://www.youtube.com/channel/UCuDcfn0WImGjFnVa91BeRRA

Instagram : badbitchbkk : https://www.instagram.com/badbitchbkk/?hl=th

Facebook Fanpage : Badbitchbkk : https://www.facebook.com/pg/badbihbkk

Website: http://www.BADBITCHBKK.com


ผู้เขียน: ปิยาพัชร รัตนสุวรรณ

You may also like...