ประเด็นสำคัญของเอกลักษณ์กับอัตลักษณ์ที่ส่งผลต่อสังคมวิชาชีพมัณฑนากรและสังคมสถาปัตยกรรมภายใน

อัตลักษณ์ (อ่านว่า อัด-ตะ-ลัก) ประกอบด้วยคำว่า อัตกับคำว่า ลักษณ์ อัต มาจากคำว่า อตฺต แปลว่า ตน ตัวเอง อัตลักษณ์ จึงแปลว่าลักษณะของตนเอง ลักษณะของตัวเองเป็นศัพท์ที่คณะกรรมการบัญญัติศัพท์ของราชบัณฑิตยสถานได้บัญญัติให้ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า character เป็นลักษณะเฉพาะของบุคคลซึ่งรวมสติปัญญา คุณธรรม จริยธรรมความประพฤติที่แสดงออกเป็นลักษณะนิสัยของบุคคล

แต่ในปัจจุบันมีการนำคำว่าอัตลักษณ์ไปใช้แทนคำว่า ตน ตัว หรือใช้ อัตลักษณ์เพื่อแทนคำว่าเอกลักษณ์ คำทั้งสองคำนี้อาจจะดูมีความหมายใกล้เคียงกันมาก แต่มีลักษณะเน้นต่างกันโดยที่อัตลักษณ์นั้น เน้นลักษณะทั้งหมดของบุคคลโดยไม่ได้เปรียบเทียบกับใครส่วนเอกลักษณ์เน้นลักษณะที่เป็นหนึ่งลักษณะที่โดดเด่นซึ่งเป็นส่วนที่แยกบุคคลนั้นออกจากบุคคลอื่นอันมีแง่ในทางที่เกี่ยวในเชิงเปรียบเทียบความแตกต่างกับประเด็นบางประการทางสังคมอยู่มาก

เอกลักษณ์ (อ่านว่า เอก-กะ-ลัก) หมายถึงลักษณะเฉพาะตัวลักษณะที่เหมือนกันหรือมีร่วมกันหรือลักษณะที่แสดงความเป็นอย่างเดียวกันของคนในสังคมหนึ่งๆซึ่งแตกต่างจากลักษณะร่วมของคนในสังคมอื่น ซึ่งแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ของตนเองที่อาจจะไม่เหมือนคนอื่นด้วยการใช้คำว่าเอกลักษณ์จึงต้องเข้าใจว่าจะใช้ในระดับใด เอกลักษณ์ของใคร คำว่าเอกลักษณ์ บัญญัติให้ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า identity เช่นคณะอนุกรรมการเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีคณะกรรมการชุดนี้มองหาลักษณะเฉพาะของชาติไทยในด้านความเป็นชาติ ประชากรอธิปไตยของชาติ การปกครอง ศาสนา พระมหากษัตริย์ วัฒนธรรม และเกียรติภูมิของชาติแล้วนำมาเผยแพร่เพื่อส่งเสริมให้เห็นคุณค่าและร่วมมือกันอนุรักษ์ไว้

จากข้อเท็จจริงของสองคำนี้ทำให้เราเข้าใจได้ว่าในสังคมวิชาชีพการออกแบบอาคารสถานที่และบ้านเรือนซึ่งนับเป็นผลผลิตของวัฒนธรรมการดำรงชีวิตและสังคมนั้นข้องเกี่ยวกับสาขาวิชาชีพอื่นๆหลายอาชีพตั้งแต่วิชาชีพวิศวกร, สถาปัตยกรรมผังเมืองและชุมชน, สถาปัตยกรรมหลัก, ภูมิสถาปัตยกรรม, และวิชาชีพการออกแบบมัณฑนศิลป์ ซึ่งแต่ละสาขาอาชีพนั้นก็มีเอกลักษณ์ซึ่งแตกต่างกันในขณะที่บางสาขาวิชาชีพนั้นมีความคล้ายกันอยู่มากในแง่เอกลักษณ์หากแต่เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียดถึงลักษณะเฉพาะบุคคลแล้วอาจทำให้เราพบเห็นถึงอัตลักษณ์ที่ประกอบเป็นคุณลักษณะเฉพาะตนอันส่งผลให้เกิดความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมายที่เกาะเกี่ยวกันอยู่ในลักษณะของสังคมการพึ่งพากันทางวิชาชีพซึ่งถ้าพิจารณากันในแง่นี้แล้วพบว่าอัตลักษณ์นั้นช่วยส่งเสริมภาวะการเกาะเกี่ยวและพึ่งพากันในสังคมวิชาชีพและมีผลต่อการตัดสินใจดำเนินการผลิตสร้างผลงานสร้างสรรค์ในระดับต่างๆทางด้านศิลปะและการออกแบบอยู่อย่างมากมายแต่อัตลักษณ์ดังกล่าวจะส่งผลในลักษณะใดกับเอกลักษณ์ในสังคมวิชาการและวิชาชีพสถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์บ้างรายงานการวิจัยที่เป็นลักษณะการดำเนินการเพื่อตอบคำถามที่ชัดเจนก็ยังไม่ปรากฏให้เห็นจึงยังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่าส่งผลหรือไม่และอย่างไร

คงมีแต่การตั้งข้อสังเกตเพื่อให้พิจารณาอย่างละเอียดถึงความเหมือนและความแตกต่างดังนั้นความกระจ่างจะเกิดขึ้น ต่อเมื่อผู้ที่ได้ทราบข้อเท็จจริงในรายละเอียดจะเป็นผู้กำหนดความเชื่อนั้นขึ้นเอง กล่าวโดยสังเขปในสาขาวิชาชีพสถาปัตยกรรมในประเทศไทยนั้นสถาบันการศึกษาที่ทำหน้าที่ผลิตสถาปนิกของประเทศไทยแห่งแรกคือ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2476 โดยอาจารย์นารถ โพธิประสาท ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2498 ได้มีการเปิดสอนคณะสถาปัตยกรรมไทยปัจจุบัน คือ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร หลังจากนั้น ได้มีการสถาปนาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ขึ้น ซึ่งมี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์เป็นคณะแรกของสถาบัน และนับเป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตสถาปนิกเป็นแห่งที่ 3 ของประเทศ ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยขอนแก่น จากนั้นก็ได้มีสถาบันอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนเปิดสอนเป็นจำนวนมากดังปัจจุบัน

ในขณะที่คณะมัณฑนศิลป์หรือ การออกแบบภายใน (interior design) สถาบันแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดสอนก็คือ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรซึ่งเดิมใช้ชื่อว่า ศิลปะตกแต่ง เปิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2499 ปัจจุบันมีอายุกว่า 50 ปี ผู้ช่วยศาสตราจารย์พยูร โมสิกรัตน์อาจารย์ประจำภาควิชาออกแบบภายในคณะมัณฑนศิลป์ได้อธิบายว่าเดิมแบ่งออกเป็นภาควิชาตามลักษณะการศึกษาแบบacademy ของทางฝั่งทวีปยุโรป โดยมีทั้งสิ้น 3 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาศิลปะวิทยาซึ่งประกอบด้วยรายวิชาศึกษาทั่วไปทุกรายวิชา ที่คณะมัณฑนศิลป์จัดการเรียนการสอนเองรวมถึงวิชาพื้นฐานทางมัณฑนศิลป์ด้วยซึ่งได้แก่วิชาแกน เช่น วิชาวาดเส้น วิชาออกแบบวิชาศิลปะปฏิบัติอันได้แก่วิชาประติมากรรม, วิชาการเขียนสีน้ำ และวิชาเขียนแบบซึ่งที่กล่าวมานี้ถือเป็นวิชาบังคับ นักศึกษาต้องผ่านเกณฑ์เฉลี่ย 70 เปอร์เซนต์ต่อรายวิชา จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์ ภาควิชาต่อมา คือภาควิชาวัสดุศาสตร์อันประกอบไปด้วยการศึกษาศาสตร์ทางด้านวัสดุและคุณสมบัติต่างๆที่มีในตัวของวัสดุนั้นๆและภาควิชาศิลปะตกแต่ง ซึ่งเป็นภาควิชาชีพภาคแรกทางด้าน ศิลปะการตกแต่งวัตถุสิ่งของและพื้นที่เพื่อการตกแต่งภายในอาคารสถานที่และบ้านเรือนต่อมามีการจัดการเรียนการสอนวิชาศึกษาทั่วไปโดยหน่วยงานกลางของมหาวิทยาลัยจึงเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงมาสู่พัฒนาการทางหลักสูตรและวิชาชีพที่แตกแขนงออกไปอย่างหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้นดังปัจจุบัน

จากข้อเท็จจริงตามลำดับความเป็นมาที่นำเสนอ อาจทำให้เราสรุปได้ว่าในสังคมวิชาการที่นำไปสู่การกำหนดสถานภาพทางวิชาชีพโดยเบื้องแรกนั้นเอกลักษณ์เฉพาะของนักศึกษาศาสตร์ทางด้านสถาปัตยกรรมและสาขาศิลปะและการตกแต่งที่เรียกว่ามัณฑนศิลป์ได้ถูกทำให้เกิดความชัดเจนด้วยการจัดการและจากความต้องการของสังคมเพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการของประเทศส่งผลไปถึงลักษณะในการกำหนดที่มาของปัจจัยนำเข้านักศึกษาที่จะมีส่วนผสมของฐานคะแนนรายวิชาการและวิชาเฉพาะด้านที่มาจากลักษณะเฉพาะอันมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนเพื่อให้ได้มาซึ่งนักศึกษาที่มีความรู้ความสามารถและความถนัดเฉพาะตัวที่สอดคล้องกับสาขาวิชาให้นำไปสู่กระบวนการจัดการเรียนการสอนด้านศาสตร์ทางสถาปัตยกรรมหรือการฝึกฝนทักษะความเชี่ยวชาญ การสร้างสมทัศนคติและผัสสะประสบการณ์ทางความงามเพื่อบ่มเพาะลักษณะเฉพาะตนหรืออัตลักษณ์เฉพาะบุคคลต่อวิชาชีพทั้งด้านสถาปัตยกรรมและด้านมัณฑนศิลป์ในชั้นสูงต่อไป (ภาพแสดงลักษณะการเรียนการสอนในสาขาวิชาสถาปัตยกรรม) (ภาพแสดงตึกอาคารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอาคารคณะมัณฑนศิลป์) (ภาพแสดงผลงานออกแบบอาคารบ้านเรือนของนักศึกษาสถาปัตยกรรมและผลงานการออกแบบตกแต่งของนักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์)

เมื่อเวลาและพัฒนาการทางสังคมได้ดำเนินจำเริญไปเกิดทวีความซับซ้อนของประเด็นทั้งในเชิงประโยชน์และประเด็นที่เป็นปัญหาทั้งในมิติฐานความรู้และเทคนิควิทยาการใหม่ๆด้วยความเจริญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่งผลต่อกระบวนทรรศน์และวิธีที่คิดทางสังคมไปสู่ทุกๆสถานภาพและบทบาทรูปการณ์ดังกล่าวทำให้ความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานภาพทั้งสองสาขาวิชาชีพถูกทำให้เลือนรางลงด้วยการสร้างกำหนดวิธีมองวิชาชีพทางสถาปัตยกรรมเสียใหม่เป็นมุมมองที่กว้างขวางและลึกซึ้งมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วยการขยายความรับผิดชอบต่อสังคมไม่เพียงแค่รูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบเดิมๆที่มุ่งไปสู่สถานภาพของประติมากรรมที่อยู่อาศัยอันใช้ประโยชน์ได้อีกต่อไปการเข้ามาร่วมรับผิดชอบการสรรค์สร้างสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้นในเชิงระบบโดยไม่กำหนดขนาดหรือขอบเขตแห่งความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมในระบบคุณค่าเดิมที่เคยยึดถือมีผลต่อวิสัยทัศน์และการวางแผนทั้งในระดับ “ผังเมืองและชุมชน, ภูมิสถาปัตยกรรม, สถาปัตยกรรมภายใน” หรือแม้กระทั่งสถาปัตย์วิจิตรศิลป์, สถาปัตย์นิเทศศิลป์ ฯลฯต่างๆเหล่านี้ ดูเหมือนอะไรก็ตามที่เป็นผลผลิตความคิดเพื่อการปรับปรุงหรือแก้ปัญหาที่นำไปสู่การสร้างสรรค์ใดๆทั้งในรูปธรรมแห่งประโยชน์ใช้สอยทั้งรูปร่างและรูปทรงทั้งในระดับและลักษณะต่างๆหรือการสนองเพื่อรับใช้ความพึงพอใจใดๆในหลากมิติและหลายระดับสถานภาพทางสังคมจะถูกกลืนไปด้วยการขยายความสามารถของคำตอบด้วยวิธีคิดในเชิงสถาปัตยกรรมไปเสียทั้งหมดการเลือนรางของเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในวิชาชีพเดิมไปสู่พัฒนาการของคำตอบของสถาปัตยกรรมที่เป็นดังปัจจุบันนี้เป็นทั้งโอกาสที่จะทำให้ทบทวนและกำหนดชัยภูมิแห่งวิชาชีพอื่นๆของตนเสียใหม่และเป็นทั้งความรู้สึกถูกคุกคามในเวลาเดียวกันของสังคมวิชาชีพต่างๆที่ทวีความเจริญขึ้นอย่างไม่เท่าเทียมกัน

ในขณะที่โลกยังคงดำเนินไป บางสิ่ง บางแห่ง บางที่และบางหลักสูตรยังคงพัฒนาระบบคุณค่าเดิมที่มีอยู่ด้วยความเชื่อมั่นแห่งวิชาชีพความศรัทธาต่อรากฐานความคิดเดิม แม้จะแตกต่างไปตามพัฒนาการของสังคมด้วยวิธีมองในลักษณะอื่นๆที่มีทั้งการท้าทายและตั้งคำถามอยู่ในทีพัฒนาการที่หลอมรวมกันเหล่านี้ได้สร้างระบบคุณค่าและความศรัทธาซึ่งใช้เป็นที่ยึดถือและก่อให้เกิด “อัตลักษณ์”ของสาขาวิชา อันเป็นเครื่องแสดงสถานภาพแห่งตนซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างให้เห็นพิสัยของสถานภาพระหว่าง “วิชาชีพสถาปัตยกรรมภายใน”และ “วิชาชีพมัณฑนศิลป์” มีมิติอันแตกต่างไปจากความหมายของเอกลักษณ์เดิมที่บิดผันและแปรรูปไปของสถาปัตยกรรม

สังคมในยุคหลังสมัยใหม่ทุกวันนี้ยังคงมิหยุดนิ่งสังคมของวิชาชีพมัณฑนศิลป์อันมีอัตลักษณ์เฉพาะ ที่กินความไปสู่ประณีตศิลป์เชิงพานิชย์ศิลป์ในทุกแขนง มิเพียงใช่ประเด็นด้านมัณฑนศิลปกรรมที่ต้องดำเนินไปบนคู่ขนานแห่งวิชาชีพ  “มัณฑนากร” กับ “สถาปัตยกรรมภายใน”อันถูกขีดกำหนดไว้ด้วยกรอบจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพตามกฏหมายให้กับหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติหากเพียงเราใส่ใจและเฝ้าสังเกตธรรมชาติแห่งการเจริญเติบโตในสังคมวิชาชีพมัณฑนศิลป์ทั้งในท่วงที, บทบาท และในเงื่อนไขอื่นๆ เราจะได้เห็นทั้งโอกาสและความท้าทายใหม่ๆที่รอเราเรียนรู้เพื่อเผชิญและเพื่อที่จะค้นพบ ว่าคุณค่าแห่งอัตลักษณ์ของเรานั้นโดดเด่นและทรงคุณค่าอยู่ท่ามกลางปัญหาของมาตรฐานที่ขีดโดยวิชาชีพหรือของมาตรฐานของสังคมปัจจุบัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp?stcolumnid=3275&stissueid=2606&stcolcatid=2&stauthorid=19
ไตรลักษณ์ ภาพลักษณ์ อปลักษณ์ สัญลักษณ์ เอกลักษณ์อัตลักษณ์
โดย กาญจนา นาคสกุล
ฉบับที่ 2606 ปีที่  50 ประจำวัน อังคารที่  28 กันยายน  2547
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%81
ส่วนหนึ่งของการสนทนา,ผู้ช่วยศาสตราจารย์พยูร โมสิกรัตน์ ,สัมนาทิศทางความก้าวหน้าคณะมัณฑนศิลป์,สระบุรี,พฤษภาคม 2550.

You may also like...