ชาลี แชปปลิน อัจฉริยะแห่งการเยียวยาโลก
มนุษย์ไม่มีสิทธิ์เลือกเกิด แต่มีสิทธิ์เลือกที่จะใช้ชีวิตได้ ประโยคธรรมดาที่แสนจะคุ้นหูนี้ใช่หรือไม่ จริงหรือเปล่า ที่เราสามารถเลือกใช้ชีวิตเองได้ตามต้องการขนาดนั้น แล้วถ้าเราเป็นชาลี แชปปลินล่ะ ชีวิตเราจะมีแต่คราบน้ำตาความผิดหวัง หรือเต็มไปด้วยความหวัง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ค.ศ. 1892 ในยุควิคตอเรียอันโหดร้าย ลอนดอนยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมอันยุ่งเหยิง ถนนตรอกซอกซอย เต็มไปด้วยกลิ่นของชีวิต คลาคล่ำไปด้วยรถม้า การดิ้นรนในตลาดสด คนรวยคนจนไหลผสมปนเปไปบนสะพานลอนดอน ในมุมหนึ่งของโรงละครอันหม่นเศร้า ชาร์ลส สเปนเซอร์ แชปปลิน ถือกำเนิดในครอบครัวของนักแสดง พ่อของเขาเป็นนักแสดงละคร แต่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงและเป็นแอลกอฮอลิซึ่ม แม่ของชาลีเป็นนักแสดงล้อเลียนเสียงที่น่าทึ่งคนหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น ในเมื่ออาชีพนี้ไม่มีทางจะร่ำรวยขึ้นมาได้ แต่นั่นไม่เคยทำให้ ชาร์ลส สเปนเซอร์ แชปปลิน เป็นเด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งความหวังในชีวิตเลยแม้แต่น้อย
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญครั้งหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องลำบากขึ้นอีกเท่าตัวนั้น เนื่องมาจากแม่ของเขาถูกจับได้ว่าเป็นชู้ และตั้งท้องกับนักร้องหนุ่มหล่อ เขามีลูกด้วยกันหนึ่งคน พ่อของชาลีจึงทิ้งพวกเขาไป ท่ามกลางความลำบากอย่างแสนสาหัส ฮันนาห์ ต้องต่อสู้ชีวิตเลี้ยงลูกๆด้วยการรับจ้างดูแลเด็กและเย็บเสื้อผ้า กระทั่งเธอตัดสินใจกลับคืนสู่เวทีอีกครั้ง แต่เสียงของฮันนาห์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ผู้คนขับไล่เธอลงจากเวที วินาทีนั้นที่ชาลี แชปปลิน ได้เข้ามายืนบนเวทีแก้สถานการณ์แทนแม่ของเขา สิ่งนี้คือการเริ่มต้นชีวิตศิลปิน ที่ต่อมาทำให้เขากลายเป็นอัจฉริยะที่มีผู้คนรู้จักไปทั่วโลก
ช่วงเวลาอันลำเค็ญ สิ่งที่ชาลี ค้นพบคือความสุขในการได้ยินเสียงดนตรี เขารักการแสดงต่อหน้าผู้ชม และเขาไม่เคยละทิ้งความฝันนี้ แม้ดูท่ามันจะไม่มีความหวังเลยก็ตาม ในสถานการณ์ที่ชีวิตเลวร้ายลง และไม่มีทางออก ปัญหาต่างๆเข้ามารุมเร้า ทำให้แม่ของเขากลายเป็นคนวิกลจริต ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต ชาลีจึงต้องเข้าๆออกๆระหว่างสถานสงเคราะห์เด็กยากจนและบ้านญาติๆของเขา กระทั่งชาลีได้กลับไปอยู่กับพ่อของเขาอีกครั้ง พ่อซึ่งไร้น้ำใจได้ฝากชาลีและพี่ชายของเขาไว้ที่คณะละครเร่ วงหนุ่มน้อยทั้งแปดแห่งแลงคาสเชียร์ ระหว่างนี้แม่ของเขามีอาการดีขึ้น ออกจากโรงพยาบาล และได้รับชาลีกับพี่ชายของเขากลับไปอยู่ที่บ้านตามเดิม
ไม่ว่าจะมีสถานการณ์เลวร้ายใดๆผ่านเข้ามา สิ่งที่ชาลีไม่เคยละทิ้งเลยคือ ความฝัน เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะได้แสดง แม้ว่าจะได้บทบาทใดก็ตาม วันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1903 ชาลีในมาดของเชอร์ล็อค โฮมส์ ปรากฎตัวขึ้น ในขณะที่เขาอายุเพียง 14 ปี จากนั้นเขาได้ตระเวนแสดงไปทั่วและได้เซ็นสัญญากับ เฟรด คาร์โน่ ในปี 1980 ทว่า อาการป่วยของแม่เขากลับมาอีกครั้งและรุนแรงมากขึ้น ลูกชายต้องคอยพาเธอเข้าออกโรงพยาบาลบ้าอยู่เสมอ
ความสามารถและอัจฉริยะของชาลีได้เริ่มฉายชัด และถูกปลุกขึ้นมา เขามีพรสวรรค์ในการแสดง เป็นผู้ช่ำชองในการเรียกเสียงหัวเราะ ปี 1913 ชาลีได้เริ่มงานกับบริษัทคีย์สโตนในฮฮลลีวู๊ด และภาพยนตร์เรื่องแรกแบบม้วนเดียวจบ “Making A Living” ของเขานำออกฉายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1914 ชาลี แชปปลินได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแสดงที่เป็นเพชรน้ำหนึ่ง
เมื่อคนจรจัดได้แจ้งเกิด เขาได้กลายมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในธุรกิจภาพเคลื่อนไหว และไม่มีนักแสดงภาพยนตร์คนใดจะมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รักของประชาชนมากขนาดนี้ ชาลี แชปปลิน ไม่เพียงแต่เป็นนักแสดง เขายังเป็นผู้กำกับ เป็นผู้ตัดต่อภาพยนตร์ และเขายังเป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถ ชาลีทุ่มเท และจริงจังในการทำงาน ฉากที่ปรากฎในภาพยนตร์ของชาลี แชปปลิน เพียงไม่กี่วินาที เขาจะเทคฉากนั้นซ้ำไปซ้ำมาไม่ต่ำกว่า 700 ครั้ง เพื่อให้ภาพที่ปรากฎในภาพยนตร์ของเขาสมบูรณ์ที่สุดแม้เพียง 1 นาที บางฉากในภาพยนตร์ชาลียอมเข้าฉากไม่ต่ำกว่า 200 ครั้ง เขาดูบางฉากถึง 50 ครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะตัดตรงไหนออก ภาพยนตร์เรื่อง “ผู้อพยพ” เขาต้องใช้เวลาตัดต่อกว่า 4 วัน 4 คืน และในเรื่อง “ The Gold” หนึ่งในภาพยนตร์ยอดนิยมของเขา ชาลีต้องตัดต่อฟิลม์ภาพยนตร์จาก 231,505 ฟุต ให้เหลือเพียงแค่ 8,555 ฟุต นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ของเขา
ชาลี แชปปลิน กลายเป็นชายหนุ่มที่ผู้คนคลั่งไคล้ เงินทองมากมายมหาศาลหลั่งไหลมาที่เขา กระนั้นก็ตาม ชาลี มักจะกลับไปเยี่ยมสถานที่ๆเขาเติบโตขึ้นมาอยู่เสมอ รวมถึงไม่ลืมที่จะบริจาคเงินในองค์กรการกุศลต่างๆเป็นประจำ
28 สิงหาคม ค.ศ. 1928 ความสูญเสียครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาคือการเสียชีวิตของ ฮันนาห์ ชาลีตระหนักอยู่ทุกลมหายใจว่าที่เขามีพรสวรรค์ในด้านการแสดง และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นั้นมาจากแม่ผู้ประเสริฐที่สุดของเขา และเขาจะไม่มีวันลืม
ชาลี แชปปลิน แต่งงานและหย่าขาดหลายครั้ง เขาเป็นชายหนุ่มที่มีความหล่อเหลา มีเงินทองมหาศาลและความสามารถอันเปี่ยมล้น แต่ผู้หญิงที่สามารถจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาและเข้าใจเขาได้นั้น มีแค่ อูนา โอนีล ทั้งคู่พบรักและแต่งงานกันในขณะที่ชาลีมีอายุ 54 ปี และ อูนา มีอายุ 18 ปี ทั้งคู่ครองรักกันมาถึง 34 ปี และมีลูกด้วยกัน 8 คน เมื่อชาลี แชปลินก้าวเข้าสูวัยชรา ไม่ว่าสุขภาพของจะอ่อนแอลงขนาดไหน เขาไม่เคยหยุดที่จะทำงาน ชาลีเคยพูดไว้เสมอว่า “การทำงานคือชีวิตของเขา และเขารักที่จะมีชีวิต”
ในปี 1962 ชาลีได้รับรางวัลปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และเดอร์แฮม ปี 1972 ปารีสได้มอบรางวัล Grande Medaille Vermail ให้ชาลี และ 4 มีนาคม ค.ศ. 1975 ในวัย 85 ปี เขาได้รับการแตะดาบโดยพระราชินีอลิซาเบธที่ 2
หลังจากสร้างภาพยนตร์มากว่า 80 เรื่อง ในคืนวันคริสต์มาส ปี 1977 เซอร์ ชาร์ลส แชปลิน เสียชีวิตอย่างสงบขณะที่กำลังหลับอยู่ที่บ้านพัก ในวัย 88ปี
เซอร์ ชาร์ลส แชปปลิน ได้พิสูจน์ให้คนทั้งโลกเห็นแล้วว่า ในท่ามกลางความขาดพร่องแสนสาหัส ถ้ามนุษย์เราไม่ทิ้งความอดทนและความฝันไว้กลางทาง วันหนึ่งข้างหน้าเราอาจจะได้รับรางวัลและของขวัญอันยิ่งใหญ่ เหมือนที่เขาได้รับและส่งมอบของขวัญนั้นให้แก่คนทั้งโลก ชาลี แชปลิน ผู้สร้างความหวังให้โลกด้วยเสียงหัวเราะ คนแรกและคนเดียวในโลกเท่านั้น
TEXT : Tul Tacit