ชีวิน โกสิยพงษ์ แต่ง (เพลง) ได้ (และ) แต่งดี

เขาคือตัวแทนของความอบอุ่น กลิ่นอายความโรแมนติคที่กรุ่นมากับทุกลมหายใจเข้าออกพร้อมคำพูดล้วนมีมนต์สะกดให้ผู้ฟังคล้อยตาม เพียงส่วนหนึ่งของเครื่องการันตีคุณภาพงานเพลงจากผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังและเบื้องหน้าของศิลปิน เขาคือบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนพ้องในวงการเพลงและผู้ฟังในฐานะกัลยาณมิตรผู้สร้างสรรค์ความดีงามออกมาในรูปแบบเพลงคุณภาพจาก(บอย) ชีวิน โกสิยพงษ์ 

 

“ คิดง่ายๆ ว่าชอบอย่างไรก็ทำอย่างนั้นนะครับ คือเราชอบแบบไหนเราให้เขาแบบนั้น เราอยากได้อะไรเราก็ทำแบบนั้น ผมคิดว่าจริงๆ แล้วใครก็ทำได้ ผมไม่ได้วิเศษเลยนะครับ ทุกคนถ้าฝึกฝนมากๆ เขาก็ขับรถเก่ง ฝึกฝนมากๆ เขาก็ยกน้ำหนักได้ ฝึกมากๆ เขาก็ปลูกต้นไม้เก่ง ฝึกมากๆ เขาก็แต่งเพลงได้ เหมือนกันหมดเลย ”

 

“ ผมต้องฝึกมากนะครับ ผมคิดว่าผมไม่ได้หยุดในการแต่ง ผมก็พยายามแต่งเพลงทุกวัน ไม่ใช่พยายามสิผมชอบที่จะแต่งเพลงทุกวัน หรือไม่ก็ทำอะไรเกี่ยวกับเพลง มันก็จะเหมือนกับการฝึกไปในตัว หรือว่าถ้าคุยๆ กันอยู่แล้วมันมีเรื่องอะไรที่สะท้อนใจกันปุ๊บผมก็จะรีบจดเลย ผมจะไม่คิดว่าเพลงเดี๋ยวไว้รอว่างแล้วค่อยแต่ง เดี๋ยวไว้รอ… เพลงคืออีกหนึ่ง priority อีกหนึ่งลำดับขั้นที่ต้องยกมันไว้พอสมควรในแง่ที่ว่าชีวิตประจำวันที่ต้องมีการยุ่งอยู่กับเพลงด้วย ”

 

จากคนที่ประสบความสำเร็จในการแต่งเพลงในปัจจุบัน นอกเหนือจากการฝึกฝนอย่างหนักกว่าจะยืนอยู่บนจุดนี้ได้คือความมุ่งมั่นและที่สำคัญคือรู้ตัวว่าทำสิ่งใดได้ดี แล้วมุ่งไปอย่างที่ตนต้องการและตั้งใจอย่างเต็มที่

 

“ จริงๆ การแต่ง(เพลง) อาศัยการอยากจะแต่งเท่านั้นเอง เริ่มต้นมาจากผมหัดเล่นกีตาร์ใหม่ๆ รู้สึกว่าเราไม่มีความสามารถที่จะเล่นแล้วมันเพราะเหมือนคนอื่นเขา และรู้สึกว่าเราช้าที่เราฝึกมาเป็นเดือนแล้วยังร้องเพลงกับเล่นกีตาร์รวมกันแล้วมันแย่อยู่ดี เราก็เลยแต่งเพลงขึ้นมา (หัวเราะ) เพื่อให้ตัวเราเล่นและก็ร้องอย่างที่เราเล่นได้ครับ ”

 

“ เพลงของคนอื่นนี่ก็คือเพลงของพี่ต้อง นคร เวชสุภาพร เพลงรักในซีเมเจอร์ นี่คือเพลงแรกที่ผมหัดเล่นและผมก็ยังไงมันก็ไม่มีวันเล่นเพราะสักที พี่ต้องเขาร้องและก็เล่นเพราะมากๆ ไอ้ตอนที่เรายังเป็นเด็กอยู่เราก็คิดอย่างนี้นะครับ จริงแค่การที่เราฝึกเยอะก็คงพอได้นะครับ แต่คงไม่ถึงขั้นดีเท่าพี่ต้องนะครับ ผมก็เลยคิด short cut ก็คือแต่งขึ้นมาเองเลย ”

 

11 ปีที่ผ่านมากับผลงานผ่านกาลเวลาที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำของแฟนานุแฟน เมื่อใดที่ เพลงของบอย ได้รับการขับขานจากนักร้องที่เขาเลือกเฟ้นเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อนั้นผู้ฟังก็จะได้เสพความสุนทรีย์เพิ่มขึ้นทุกครั้งไป

 

“ จากจุกเริ่มต้นจนถึงวันนี้ผมแต่งเพลงมาเยอะครับก็หลายเพลงนะ…ปีที่แล้ว 7-800 เพลง ปีนี้ก็น่าจะมากกว่านั้นหน่อย ผมก็จะยึดคำพ่ออยู่เสมอ พ่อผมก็จะพูดว่าอย่าไปปรุงอาหารเผื่อคนอื่น เพราะถ้าเผื่อเขาแต่ว่าแม้แต่เรายังกินไม่ลง คนอื่นเราก็ไม่รู้ว่าจะกินลงหรือไม่ลง คือเราปรุงอาหารเราก็ปรุงว่าเราชอบอย่าไรเราก็ทำอย่างนั้น ต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เวลาทำเพลงผมก็จะทำอย่างนั้น ในช่วงแรกๆ มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแม้จะเป็น commercial ก็ตาม ”

 

“ ผมรักมันที่จะทำนะครับ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า แต่เรารู้สึกว่าผมรักมันแล้วก็ทำแค่นี้จริงๆ ก็มองว่าถ้าเป็นเราฟัง ผมจะมองตัวผมเองเป็นคนฟัง ผมไม่ได้มองตัวผมเองเป็นคนแต่ง ผมมองตัวผมเองเป็นคนฟังแล้วผมชอบผมก็เอาแล้ว บางครั้งมันก็ไม่ได้ดัง และบางครั้งมันไม่ได้สำเร็จ แต่ว่าอย่างน้อยผมก็ไม่ได้โกหกตัวผมเอง ”

 

“ ถ้าไม่ได้เป็นศิลปินอย่างทุกวันนี้ผมคิดว่าผมคง…(ทำท่าคิด)…ทำอาหาร เพราะว่าผมชอบทำอาหารอาจจะเป็นกุ๊ก ชอบทำอาหารครับ คนทำอาหาร ชอบอาหารตุ๋นอาหารต้ม ชอบมากน่าจะเก่งในด้านนั้น (หัวเราะ) ”

 

นักแต่งเพลงมือฉกาจระลึกนึกถึงสิ่งที่เขาได้รับและสิ่งที่เขาได้ทำนอกเหนือจากความสุขที่ได้ทำแล้ว พระเจ้าคือผู้นำพาให้เขากลายมาเป็นศิลปินซึ่งไม่ได้ขายหน้าตา และรูปลักษณ์ที่ฉาบด้วยเสื้อผ้าราคาแพง แต่เขาขายความสามารถ และความโรแมนติคที่น้อยคนนักจะสามารถทำได้และดี

 

“ ผมเชื่อในพระเจ้า พระเจ้านำมาครับ พระเจ้าชอบใช้คนที่…อ่านจากในไบเบิลนะครับ พระเจ้าจะใช้คนเล็กๆ ที่ไม่มีค่าอะไรให้มาทำงานของพระองค์ ผมก็เปรียบเทียบผมเชื่อว่าพระเจ้าที่ใช้เราเพราะเรามันไม่มีอะไร พระเจ้าก็เลยใช้ให้มาถึงตรงนี้ได้ ”

 

“ ด้านการแต่งตัวผมชอบใส่เสื้อแขนยาว สีน้ำเงิน สีดำ สบายๆ สูทก็ใส่ได้ครับ แต่ผมไม่ชอบใส่สูท ใส่แล้วมันอึดอัดใจน่ะครับ (หัวเราะ) ผมรู้สึกตัวเองเสมอว่าเหมือน…เวลาใส่สูทจะเหมือนอาตี๋ขายลูกชิ้นใส่สูท บอกไม่ถูกนะ มันดูไม่เข้ากับผมนะครับ ผมชอบใส่เสื้อธรรมดา อย่างนี้คือชุดทำงานของผม (ชุดที่ใส่ถ่ายรูป) บางทีก็ขายาว บางครั้งก็ขาสั้น ”

 

“ เพลงแรกที่แต่งผมจำไม่ได้ก็นึกมานาน มีคนถามหลายคนแล้วผมยังนึกไม่ออกเลยชื่ออะไร…จำได้สักประมาณเพลงที่ 15-16 ชื่อเพลงกุหลาบขาว(หัวเราะ)

 

ชายหนุ่มวัยเกือบสี่สิบปีย้อนรำลึกถึงความหลังก่อนที่จะมาเป็นบอย โกสิยพงษ์ ผู้ชายโรแมนติคที่สุดคนหนึ่งในทุกวันนี้ ซึ่งความแตกต่างของเพลงที่แต่งด้วยกีตาร์กับเปียโนจากฝีมือของผู้ชายคนนี้ก็มีนิยามที่ฟังแล้วเข้าใจถือความเป็นบอย ได้เป็นอย่างดี

 

“ มันก็แล้วแต่นะ เหมือนเราใส่ไก่ใส่หมู แล้วแต่เราเลือกว่าเราจะใส่อะไรเข้าไปเป็นส่วนผสมของอาหารนั้น ”

 

และในที่สุดก็เป็นอาหารที่มีความลงตัวนอกจากให้สารอาหารตามที่ร่างกายต้องการแล้วยังให้สุนทรีย์แก่จิตวิญาณอีกด้วย

 

 

————————————————————

ที่มา : นิตยสาร HI-CLASS

ข้อเขียนนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของนิตยสาร  HI-CLASS  ห้ามนำไปลอกเลียน ทำซ้ำ หรือ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย

You may also like...