เมื่อเดือนที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปดูหนังในเทศกาลหนังฮ่องกงที่เปิดให้ชมฟรีแต่ต้องไปรอเข้าคิวรับบัตร ถ้าเต็มก็อดมีภาพยนตร์ 10 เรื่องที่นำมาฉาย ไอ้การจะดูให้ครบทุกเรื่องได้นี่ต้องมีเวลาพอสมควร พยายามทำตัวให้ว่างอย่างเต็มที่ดูไปได้2 เรื่อง ตัดสินใจจากการอ่านเรื่องย่อและโปสเตอร์หนึ่งในนั้นคือเรื่อง Love’s Discourse เป็นหนังรักที่กำกับโดย Tsang Kwok Cheung และ Chi Man Wan ว่าด้วยเรื่องราวความรัก 4 ตอนที่เกี่ยวโยงกันทั้งทางตรงและทางอ้อม
เริ่มด้วยเรื่องรักอันสิ้นหวังของเพื่อนสนิท แนนซี่ (Karina Lam) สาวมั่นนัดเจอกับ เรย์ (Eason Chan) หนุ่มมาดเซอร์หลังเลิกงาน ระหว่างที่พวกเขาซื้อของ กินข้าว เดินเล่น หนังก็ค่อยๆเฉลยความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่ปกปิดไว้ ความลับที่ว่าต่างคนต่างมีความรู้สึกดีๆต่อกัน ทว่าพวกเขาต่างก็มีแฟนแล้ว ความรู้สึกผิดบาปทำให้ความรักของทั้งคู่เป็นรักน่าเศร้า แม้จะโรแมนติกเท่าใดแต่มันก็ไม่มีทางเป็นจริงไปได้
บทเล่นกับอารมณ์คนดูในการลุ้นว่าพวกเขาสองคนจะเลือกทางไหนระหว่างทำตามหัวใจตัวเองกับเห็นแก่คนรักปัจจุบัน แถมมีประเด็นการตั้งคำถามเรื่องศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ต่อมาเป็นเรื่องราวความรักต่อคนแปลกหน้าของ จีจี้ (Kay Tse) สาวแว่นร้านซักผ้าที่แอบชอบ แซม (Eddie Peng) หนุ่มหน้าตาดีลูกค้าประจำ กระนั้นเวลาที่เขาปรากฏตัวเธอกลับหลบตาและพยายามพูดให้น้อยที่สุด ผิดกับเวลาที่เขาไปแล้ว เธอจะกระตือรือล้นเอาเสื้อผ้าเขาไปซักอย่างดี แอบดมเสื้อ เก็บเหรียญที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงใส่กระปุก พร้อมทั้งจินตนาการเรื่องราวไปตลอดเวลา
มีการแทรกฉากแฟนตาซีในเรื่องราวที่ จีจี้ เพ้อฝันถึง แซม อยู่หลายครั้ง ในฝันเธอคุยกับเขาอย่างกับรู้จักกันมานาน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง แซม กำลังจะย้ายบ้าน เขาจะจากไปโดยที่ยังไม่รู้ชื่อเธอเลยด้วยซํ้า ความน่ารักแบบเปิ่นๆทำให้เราเอาใจช่วยให้เธอบอกรักเขาสำเร็จ โดยรวมถือเป็นตอนที่ดูแล้วอมยิ้มได้มากที่สุด
ถัดมาเป็นความรักต้องห้าม เมื่อ พอลในวัยรุ่น (William Chan) แอบหลงรัก มิสซิสไหล (Kit Chan) แม่ของ แซม (วัยรุ่น แสดงโดย Carlos Chan) เพื่อนสนิทที่เขาชอบไปดูบอลและกินข้าวเย็นที่บ้านเป็นประจำ พอล สืบทราบมาว่า มิสเตอร์ไหล (Eric Tsang) พ่อของแซมแอบมีเมียน้อยจึงตามถ่ายรูปไว้ พร้อมกับพยายามเปิดโแงเรื่องนี้เพื่อให้ มิสเตอร์ไหลเลิกับมิสซิสไหล
ตอนนี้บรรยากาศของเรื่องปกคลุมไปด้วยความลึกลับน่าอึดอัดกับความสัมพันธ์ข้ามรุ่น ขณะเดียวกันก็มีการแตะประเด็นปัญหาความแตกแยกในครอบครัวที่อยู่กันแบบห่างเหินเย็นชาชองมิสเตอร์กับมิสซิสไหล ซึ่งมีแนวคิดบางอย่างเคลือบแฝงไว้อย่างน่าสนใจ
ส่วนตอนสุดท้ายหนังพาเราดำดิ่งกับความรักที่คลางแคลงสงสัยจนถึงหึงหวง เมื่อ พอล (Jacky heung) ถูกคนแปลกหน้าทักทายเข้ามาผ่านอินเทอร์เน็ต เธอบอกว่าแฟนของคุณเป็นชู้กับแฟนของฉันแรกที่เดียวเขาไม่เชื่อจน เคย์ (Mavis fan) สาวผมสั้นพูดสิ่งที่เธอสงสัยออกมา พอล ไม่แน่ใจแต่ก็ติดต่อกับ เคย์ เรื่อยๆจนวันหนึ่งพวกเขาตกลงให้ใช้วิธีสะกดรอยตาม พอล ตามแฟนของ เคย์ และ เคย์ตามแฟนของ พอล ด้วยหัวใจลุ้นระทึกว่า พวกเขากำลังถูกนอกใจหรือไม่
นับว่าเป็นตอนที่มีหม่นมัวมากที่สุด บอกเล่าถึงอารมณ์ความเจ็บปวด โศกเศร้า ใจสลายจากการถูกทรยศหักหลังได้อย่างเข้าอกเข้าใจ ยังไม่นับการต้องทนเฝ้าสังเกตุพฤติกรรมศัตรูหัวใจหลายชั่วโมงทำให้เราเห็นมุมมองความรักที่ต่างออกไป
Love’s Discourse เป็นหนังที่เริ่มต้นด้วยรักใสๆแต่จบลงด้วยความหดหู่ โดยเฉพาะสองตอนหลังนี่อัดความดาร์คเข้ามาจนลืมความโรแมนติกไปหมดสิ้น แถมยังหลอมรวมเรื่องราวทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกันอย่างแนบเนียน การถ่ายภาพนำเสนอวิถีชีวิตของคนฮ่องกงได้อย่างดี
กับความรักมันไม่ได้มีสีเดียวตลอด แต่แรกมันอาจเป็นสีชมพู พอนานไปก็กลายเป็นสีแดง อนาคตมันอาจเป็นสีดำก็ได้ จงพิจารณาดูแล้วคุณจะเข้าใจมันสักวัน
นกไซเบอร์
ติดตามต่อได้ที่ : http://cyberbird.exteen.com/20120515/love-8217-s-discourse-4
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์ )
เรียนจบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์