ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน (The Perks of being a Wallflower) ของ สตีเฟ่น ชาร์บอสกี้ และเขาขอรับหน้าที่เป็นผู้กำกับในฉบับหนังเพื่อให้ถ่ายทอดออกมาได้ใกล้เคียงกับหนังสือมากที่สุด (ว่ากันว่าเนื้อหาของเรื่องนี้มาจากส่วนหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กของเขา)
นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงวัยรุ่นชื่อดังมากมายมาร่วมเล่น ทั้ง เอมม่า วัตสัน,โลแกน เลอร์แมน, จอห์นนี่ ซิมม่อน, เอสร่า มิลเลอร์ล เป็นต้น สมทบกับ พอล รัดด์ ในบทครูหนุ่มใจดี ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ชมวัยรุ่นพอสมควร
The Perks of being a Wallflower ว่าด้วยเรื่องราวของ ชาร์ลี (โลแกน เลอร์แมน) เด็กหนุ่มวัย 15 กับการเข้าเรียนในปีแรกของไฮสคูลอดีตที่หนักหนาสาหัสทั้งการสูญเสียของน้าและเพื่อนสนิททำให้จิตใจของเข้าไม่มั่นคง ชาร์ลี จึงเป็นเด็กเก็บตัว พูดน้อย ไม่มีเพื่อนสิ่งที่คลายเหงาในชีวิตเขาคือการเขียนจดหมายหาเพื่อนคนหนึ่งและเล่าชีวิตวัยรุ่นที่แสนน่าเบื่อให้ฟัง
มีเพียง ครูแอนเดอร์สัน (พอล รัดด์) ที่สอนวิชาวรรณกรรมเท่านั้นที่ให้ความสนใจในตัว ชาร์ลี เพราะรู้ว่าเขาตั้งใจเรียน เขาให้หนังสือ ชาร์ลีไปอ่านหลายเล่ม พร้อมกับเชื่อว่าสักวัน ชาร์ลี จะกลายเป็นนักเขียนได้ ต่อมา ชาร์ลี ก็มีเพื่อนคนแรกจนได้เมื่อเขารวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับ แพทริค หนุ่มรุ่นพี่สุดกวนที่มาลงซ่อมวิชาเดียวกับที่ ชาร์ลี เรียน
แพทริค แนะนำให้เขารู้จักกับ แซม ซึ่งทีแรก ชาร์ลี เข้าใจผิดคิดว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ ชาร์ลี จึงหลงรัก แซม อย่างสุดหัวใจแพทริคและแซม พา ชาร์ลี เข้างานปาร์ตี้และร่วมกลุ่มกับพวกเขา ชาร์ลี ดีใจมากที่มีเพื่อน เขารู้สึกไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป เพราะทุกคนในกลุ่มของเขาล้วนแปลกแยกจากสังคมวัยรุ่นในโรงเรียนทั้งนั้น ทว่า ยิ่งเขาคาดหวังกับอนาคตมากเท่าไหร่ อดีตที่ไม่เคยลบเลือนก็ยิ่งย้อนกลับมาหาเขามากเท่านั้น
บทหนังซื่อตรงต่อต้นฉบับที่เป็นหนังสือ เนื้อเรื่องเป็นแนว coming of age หรือการก้าวผ่านช่วงเวลาสับสนในวัยรุ่นเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผสมกับความโรแมนติกดราม่าหม่นๆ จากการเฉลยปมในอดีตที่แสนเศร้าของตัวละคร กระนั้น แม้ว่าเหตุการณ์ในอดีตจะเลวร้าย แต่หนังได้เลือกวิธีนำเสนอแบบไม่รุนแรง ใช้บรรยากาศซึมเศร้า หม่นหมอง แทนฉากโศกนาฏกรรม ตัดทอนส่วนที่รุนแรงโดยปล่อยให้คนดูใช้จินตนาการเอง หนังจึงดูสวยงามมากกว่าหดหู่
การถ่ายภาพงดงาม นำเสนอชีวิตวัยรุ่นได้ครบทุกแง่มุม ดนตรีประกอบในหนังก็ส่งอารมณ์ตัวละคร เหล่านี้คงต้องชื่นชม สตีเฟ่น ชาร์บอสกี้ ผู้กำกับที่ถือว่าเป็นนักเขียนไม่กี่คนซึ่งสามารถหันมาเอาดีทางการกำกับภาพยนตร์ได้
สำหรับการแสดง แน่นอนว่า โลแกน เลอร์แมน ทำได้ดี บทนำของเรื่องส่งให้เขาดูมีเสน่ห์และน่าสงสารในเวลาเดียวกัน การตัดผมสั้นทำให้เขาดูเด็กมากจริงๆ เอมม่า วัตสัน เป็นดอกไม้ของเรื่องที่ช่วยกลบความเศร้าต่างๆด้วยรอยยิ้มอันสดใส ขณะที่ เอสร่า มิลเลอร์ โดดเด่นที่สุด ตัวละครของเขามีสีสัน บวกกับการแสดงที่เข้าถึงอารมณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเฮฮา สุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ ลบภาพเด็กโรคจิตเก็บกดในเรื่อง we need to talk about kevin ได้จดหมด
The Perks of being a Wallflower เป็นหนังรักวัยรุ่นที่มีเนื้อหาผู้ใหญ่มาก มันทั้งเข้มข้น หม่นหมอง แต่ก็น่าประทับใจมาก กล่าวถึงชีวิตอย่างจริงจัง เปรียบปัญหาต่างๆในชีวิตเป็นดั่งกำแพงที่ขวางกั้นอยู่ระหว่างวัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่
ถ้าอดีตที่สวยงามช่วยผลักเราให้เดินหน้า อดีตอันแสนเจ็บปวดคงฉุดเราให้เดินถอยหลัง ส่วนการจะลืมนั้น คงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด
By : นกไซเบอร์
ติดตามต่อได้ที่ : http://cyberbird.exteen.com/20121108/the-perks-of-being-a-wallflower-4
สิทธิโชติ สุภาวรรณ์ (นกไซเบอร์ )
จบด้านขีดๆเขียนๆ ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ เป็นคนชอบดูหนังมาก ดูได้ทุกแนว เมื่อดูจบแล้วมีอะไรค้างคาในใจก็จะมาระบายออกลงในบล็อกส่วนตัวเงียบๆ ใช้นามปากกาว่า นกไซเบอร์