Norman Rockwell

ลำดับเวลาปฏิทินชีวิต  นอร์แมน ร็อคเวล  1894-1987


1894 นอร์แมน เพอร์ซีวอล ร็อคเวล ถือกำเนิดในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ในอพาร์ตเมนต์ของคนมีฐานะในนิวยอร์ก เขาเป็นลูกชายคนที่สองของจาร์วิส วอร์ริ่ง ร็อคเวล และแนนซี่ ฮิลล์ ร็อคเวล นอร์แมนชื่นชอบวันหยุดพักผ่อนที่ได้เดินทางกับครอบครัวไปยังชนบทในนิวเจอร์ซี่ และตอนบนของนิวยอร์ก

1899  นอร์แมน เข้าร่วมขบวนพาเหรดฉลองชัยและต้อนรับผู้การฯ เดวี่ กลับสู่มาตุภูมิ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มวาดภาพเรือรบ ซึ่งเป็นที่ชอบใจของเด็กๆในท้องถิ่น นอร์แมนเป็นเด็กตัวสูงเก้งก้าง ไม่คล่องตัวในทางกีฬา ศิลปะจึงเป็นใบเบิกทางสู่ความสำเร็จของเขา

1903  ครอบครัวย้ายไปมามาโรเนค ในเวสต์ เชสเตอร์ เคาน์ตี้ และสุดท้ายก็เช่าหอพักพิงไปเรื่อยๆ

1908-1909  นอร์แมนเกลียดการเรียนในโรงเรียนมัธยม และเตรียมการไว้ว่าจะเป็นนักวาดภาพประกอบชื่อดังให้ได้ เขาได้เดินทางไปกลับไกลๆทุกวันยังแมนฮัตตันเพื่อเข้าโรงเรียนศิลปะเชส

1909  ร็อคเวลเลิกเรียนในโรงเรียนตอนอายุ 15 ปี และสมัครเข้าเรียนที่ แนชั่นแนลอคาเดมีย์สกูล สถาบันที่เขาได้ฝึกหล่อแบบปูนปลาสเตอร์อย่างที่ศิลปินในศตวรรษที่ 19 เคยทำสืบมา

1910  เนื่องจากนักวาดภาพประกอบเอกในดวงใจเขาคนหนึ่งคือ ฮาวาร์ด ไฟล์ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงเรียน ร็อคเวลจึงย้ายไปเรียนที่ อาร์ต สวิตเดนทส์ ลีก เขาได้เรียนเรื่องสรีรศาสตร์กับจอร์จ บริดจ์แมน และเรียนการวาดภาพประกอบจาก โธมัส ฟอร์กาตี้

1911  นอร์แมนวย 17 ปี ได้วาดภาพประกอบหนังสือเล่มแรกชื่อ เทล-มี-วาย สตอรี่ส์ อะเบาต์ มาเตอร์ เนเจอร์ ซึ่งประพันธ์โดย ซี.เอส.คลอดี้

1912  เมื่อครอบครัวร็อคเวลได้ย้ายกลับเข้าเมืองเป็นการชั่วคราว นอร์แมนก็ได้เช่าห้องว่างทำสตูดิโอในย่านอัปเปอร์เวสต์ไซต์ พ่อของเขาทราบภายหลังว่าสตูดิโอแห่งนั้นเป็นห้องในซ่องแห่งหนึ่ง

1913  ร็อคเวลซึ่งได้รับการช่วยเหลือจาก โธมัส ฟอร์กาตี้ ได้งานเป็นผู้กำกับศิลป์ของนิตยสาร บอยส์ไลฟ์ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และเริ่มเชี่ยวชาญงานเกี่ยวกับนิยสารวัยรุ่น

1915 ครอบครัวร็อคเวลย้ายสู่นิวโรเซล ย่านที่เป็นเสมือนสวรรค์ของเหล่านักวาดภาพประกอบ เขากับเพื่อนที่เป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อ ไคลด์ ฟอร์ชีธ ได้ตั้งห้องทำงานในสตูดิโอเก่าของเฟเดอริก เรมิงตัน

1916 คำยุของฟอร์ซีธ ทำให้ร็อคเวลนำผลงานไปเสนอกับสำนักงานของ แซเทอร์เดย์ อีฟนิ่งโพสต์ ในฟิลาเดลเฟีย โพสต์ ตกลงพิมพ์ปกแรก ภาพเด็กชายกับรถเข็นเด็ก ฉบับวันที่ 20 พฤษภาคม อาชีพของเขาเริ่มขึ้นแล้ว นอร์แมนแต่งงานกับครู ไอรีน โอ คอนเนอร์

1918  ร็อคเวลเป็นทหารเรือ ระหว่างประจำการ เขายังได้ทำงานโฆษณา วาดภาพปก และภาพประกอบต่างๆ

1919  กลับสู่นิวโรเซล ร็อคเวลหนุ่มเพลิดเพลินกับการเข้าสังคม เขาเริ่มงานภาพชุดระดับรางวัลสำหรับปกช่วงคริสต์มาสให้กับโพสต์

1922 กลายเป็นคนดังไปแล้ว นอร์แมนได้ตัดสินการประกวดมิสอเมริกาในแอตแลนติกซิตี้ ร่วมกับนักวาดภาพประกอบชื่อดังอื่นๆ

1923  ช่วงวิกฤติศรัทธา นอร์แมนเดินทางไปปารีส สมัครเข้าเรียนศิลปะในโรงเรียนที่นั่น เขาได้ทดลองกับงาน “สมัยใหม่” กระทั่งบรรณาธิการโพสต์บอกให้พอได้แล้ว หากไม่มีภรรยานอร์แมนก็คงจะเที่ยวไปอย่างไม่มีจุดหมายตั้งแต่แอฟริกาเหนือจรดใต้

1924  ปฏิทินลูกเสือฉบับแรกของร็อคเวล พิมพ์โดย บราวน์ & บิเกลโลว์

1926  นอร์แมนได้รับเกียรติให้วาดภาพปก แซเทอร์เดย์อีฟนิ่งโพสต์ ฉบับที่ได้ตีพิมพ์แบบภาพพิมพ์สีครั้งแรก

1927  ร็อคเวลกลับยุโรป เขามักเข้าร่วมคลับในท้องถิ่นและร่วมสังสรรค์กับเอฟ. สก็อต ฟิสต์เจอรัลด์ เขากับไอรีนแยกทางกัน

1929  นอร์ แมนกลับมาตั้งรกรากที่ โอเต็ล เด อาร์ตีสต์ ในเขตเซ็นทรัลปาร์คเวสต์และต้องทนทุกข์กับอาการป่วยทางจิตอีกครั้ง

1930  หย่าร้างและเดินทางสู่แคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งเขาได้ออกวนเวียนอยู่ในเมืองภาพยนตร์ ได้พบและแต่งงานกับแมรี่ บาร์สโตว์ ครูอีกคน หลังจากได้รักกันอย่างดูดดื่ม พวกเขาเดินทาง กลับนิวโรเซล และย้ายเข้าบ้านแบบโคโลเนียล ย้อนยุคที่โอ่อ่า และสตูดิโอที่ได้ลงในนิตยสาร กู๊ดเฮาส์คีปปิ้ง

1932  ต้องหยุดชะงักอีกครั้งจากวิกฤติในงานศิลปะของเขา นอร์แมนพาแมรี่ และลูกชายแรกคลอด เจอร์รี่ (จาร์วิส) ไปปารีสในหนึ่งปีเขาผลิตเฉพาะภาพปกไม่กี่ภาพให้กับโพสต์

1933  ทอมมี่ ลูกชายคนที่สองถือกำเนิด

1935 ได้รับการว่าจ้างให้วาดภาพประกอบหนังสือเรื่องทอม ซอว์เยอร์ ฉบับพิเศษให้กับ เฮอริเทจเพรส นอร์แมนเดินทางไปฮันนิบาล ใน มิสซูรี่ เพื่อดูสภาพในเมืองของมาร์ค ทเวนให้เห็นกับตา

1936 ปีเตอร์ลูกคนสุดท้างของสามพี่น้องร็อคเวลถือกำเนิด

1937  เพื่อการผลิตหนังสือชีวประวัติประกอบภาพของ หลุยชา เมย์ อัลค็อท ในหนังสือ วีเมนส์โฮมคอมแพเนี่ยน นอร์แมนต้องออกภาคสนามในคองคอร์ด แมสซาซูเซตส์ เนื่องจากขาดแคลนแบบวาดมืออาชีพ เขาจึงทดแทนด้วยการเดินทางและใช้กล้องถ่ายรูปเพื่อเป็นทุนในการสร้างสรรค์จินตนาการของภาพ

1938  ร็อคเวลพาครอบครัวไปอังกฤษเนื่องจากสถานการณ์การเมืองไม่สู้ดี

1939  ครอบครัวย้ายมาอาร์ลิงตัน เวอร์มอนต์ได้สานสัมพันธ์อันดีกับนักวาดภาพประกอบร่วมอาชีพและเพื่อนบ้าน

1941-1946 เพื่อรักษาความรู้สึกรักชาติต่อผู้ที่อยู่แนวหน้า ร็อคเวลได้ใช้ชุดภาพปกโพสต์ สิบเอ็ดภาพเพื่อเรียงลำดับเหตุการณ์การผจญภัยของ วิลลี่ กิลลิส ที่เขาสร้างขึ้นเป็นเรื่องของหนุ่มผู้สมัครเกณฑ์ทหาร เริ่มตั้งแต่วันแรกที่สวมเครื่องแบบไปจนถึงการกลับมาตุภูมิอย่างปลอดภัยหลังสงคราม

1941  การแสดงภาพเขียนเดี่ยวครั้งแรกของ นอร์แมน ร็อคเวล เปิดขึ้นที่ มิลวอกี้ อาร์ต อิน สติทิวส์ ทว่ามีผู้ให้ความสนใจงานนี้น้อยมาก

1942  นอร์แมนได้รับแรงบันดาลใจจากคำปราศรัยของประธานาธิบดีรูสเวลท์ เรื่อง เสรีภาพสี่ประการ จึงได้ตัดสินใจช่วยรณรงค์สงครามโดยการแปรความคิดอุดมคติเหล่านั้นเป็นภาพ

1943  ร็อคเวลวาดภาพเสรีภาพทั้งสี่ให้กับ โพสต์ แทนที่จะวาดภาพเสรีภาพทั้งสี่ให้กับรัฐบาลเนื่องจากระอากับข้าราชการในวอชิงตันที่ไม่ใยดีกับข้อเสนอของเขา ภาพเหล่านี้ได้รับการพิมพ์ซ้ำในรูปแบบโปสเตอร์ของรัฐบาลหลายล้านแผ่น ภาพวาดบนผ้าใบทั้งหมดได้เดินทางสู่ 16 รัฐ  พร้อมกับศิลปินที่ตามไปดูแล หลังจากภาพเหล่านี้ถูกนำออกจากอาร์ลิงตันอย่างปลอดภัย นอร์แมนเผอิญเผาสตูดิโอของตัวเองจากเถ้าจากกล้องยาสูบของเขาเอง ไฟได้ผลาญงานชิ้นก่อนหน้านั้นหลายภาพรวมทั้งชุดเสื้อผ้าย้อนยุคที่เก็บสะสมไว้ ความสูญเสียครั้งนี้ช่วยให้ร็อคเวลสามารถวกเข้าสู่หัวข้อที่ร่วมสมัยขึ้น

1943-1944  เมื่อเคน สจ๊วต เข้ารับตำแหน่งบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ของ แซเทอร์เดย์อีฟนิ่งโพสต์ ก็ได้มีฉันทานุมัติให้สร้างภาพปกเกี่ยวกับอเมริกาตามสภาพจริงยิ่งขึ้น งานของร็อคเวลจึงเพิ่มรายละเอียดขึ้นอย่างมาก

1945  นิตยสารทันสมัยและโก้เก๋ที่สุดแห่งยุคอย่างนิวยอร์กเกอร์ ได้ลงเรื่องราวเกี่ยวกับร็อคเวลในรูปแบบข้อความสองตอนจบ

1946  อาเธอร์ กับทิลล์ ตีพิมพ์หนังสือขายดี เรื่อง  นอร์แมน ร็อคเวล อิลัสเตรเตอร์ หนังสือเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับตัวร็อคเวลล้วนๆ นอร์แมนเผยความลับทางการค้าส่วนใหญ่ในหนังสือเล่มนี้ รวมถึงเรื่องที่เขามักพึ่งพาภาพถ่าย

1948  นอร์แมน ร็อคเวล เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเฟมัสอาร์ติสต์สกูล แห่งเวสต์พอร์ต คอนเน็กติกัต ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรแก่ผู้ปรารถนาอยากเป็นนักวาดภาพประกอบ

1951  ร็อคเวลวาดภาพปกที่ได้รับความนิยมที่สุดให้กับโพสต์ ภาพ โมทนาอาหาร ลงในฉบับเทศกาลขอบคุณพระเจ้า

1953  ร็อคเวลย้ายสู่สตอกบริดจ์ แมสซาซุเซตส์ ที่ซึ่งแมรี่เข้ารับการบำบัดที่ศูนย์ ออสติน ริกส์ เซ็นเตอร์นอร์แมนก็เริ่มเข้ารับการบำบัดเช่นกัน เนื่องจากภาวะซึมเศร้าที่รุมเร้าเขามานาน

1957  ครอบครัวร็อคเวลซื้ออพาร์ตเมนต์ในสตอกบริดจ์ บทความในแอตแลนติกมันท์ลีย์เรียกร็อคเวลว่า เป็นผู้ขาดคุณสมบัติเชิงศิลปะและโจมตีว่าเขาเป็นผู้ทำให้รสนิยมโดยรวมของคนอเมริกันเสื่อมลง การโจมตีเขาในเรื่องนี้กินเวลาต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ 1960

1959  แมรี่ ร็อคเวล เสียชีวิตกะทันหันจากอาการหัวใจวาย

1960 แซเทอร์เดย์อีฟนิ่งโพสต์ ได้นำความทรงจำของร็อคเวลมาลงเป็นตอนๆรวมทั้งได้พิมพ์รวมเล่มในปีเดียวกัน ชื่อ มาย แอดเวน เจอร์ แอส แอน อิลัสเตรเตอร์ ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดี

1961  นอร์แมน ร็อคเวล แต่งงานครั้งที่สาม และเข้าร่วมเรียนในชั้นเรียนศิลปะในสตอกบริดจ์

1962 ประทับใจกับงาน หยดสี ของแจ็คสัน พอลล็อค นอร์แมนจึงลองวาดเองหนึ่งภาพและตีพิมพ์เป็นปกโพสต์

1963  ร็อคเวลเลิกทำงานให้ แซเทอร์เดย์ อีฟนิ่งโพสต์ หลังจากทำงานร่วมกัน 47 ปี ภาพปกสุดท้ายตีพิมพ์ในฉบับวันที่ 14 ธันวาคม

1964  ร็อคเวลเริ่มทำงานให้กับนิตยสารลุ๊ค ซึ่งมุ่งศึกษาเหตุการณ์ปัจจุบันและประเด็นทางสังคม ภาพปัญหาที่อยู่กับเราทุกคน เป็นการเปิดฉากภาพชุดนี้

1968  แดเน็นเบริก์ แกลเลอรี ในนิวยอร์กได้จัดนิทรรศการผลงานย้อนหลังของร็อคเวลจัดแสดง

1969  ร็อคเวล กับภรรยา ร่วมกับนักข่าวท้องถิ่นกลุ่มหนึ่งเปิด เดอะโอลด์คอร์นเนอร์เฮาส์ ในสตอกบริดจ์เพื่อเก็บและจัดแสดงผลงานของเขา

1976  ภาพปกภาพสุดท้ายของร็อคเวลตีพิมพืบนปกนิตยสาร อเมริกันอาร์ติสต์ แมกกาซีน

1977   ประธานาธิบดี เจอราลต์ อาร์.ฟอร์ด มอบรางวัล เพรซิเดนเทียลเมดาลออฟฟรีดอม แก่นอร์แมน ร็อคเวล

1978   นอร์แมน ร็อคเวล ในวัย 84 เสียชีวิตที่สตอกบริดจ์ วันที่ 8 พฤศจิกายน

1993   พิพิธภัณฑ์นอร์แมนร็อคเวล ใน สตอกบริดจ์ เปิดทำการ ณ อาคารที่ออกแบบโดยสถาปนิก โรเบิร์ต เอ.เอ็ม.สเติรน์ โดยเน้นการสื่อถึงเสรีภาพสี่ประการ

1977   พิพิธภัณฑืแห่งชาติ ศิลปะอเมริกันสมิทโซเนียน (วอชิงตัน ดีซี) ร่วมมือกับแฮร์รี่ เอ็น.  อบรามส์ ในการจัดพิมพ์การตีความใหม่ชุดแรกเกี่ยวกับงานของร็อคเวล

1999   ผลงานของร็อคเวลถูกนำมาจัดแสดงนิทรรศการสัญจรเป็นระยะเวลาสี่ปี ในความอุปถัมภ์ร่วมกันของพิพิธภัณฑ์ ศิลปะไฮย์ (แอตแลนตา, จอร์เจีย) พิพิธภัณฑ์นอร์แมน ร็อคเวล แห่งสตอกบริดจ์ แมสซาซูเซตส์ มีการนำรูปแบบงานความเป็นสัญลักษณ์และตัวแทนของงานของเขาขึ้นมาวิพากษ์อย่างจริงจัง ซึ่งงานครั้งนี้ได้ชื่อว่า ช่วยลดทอนทัศนะคติที่เป็นปฏิปักษ์ของนักวิจารณ์ช่วงก่อนๆ

อ้างอิงจากหนังสือ : Rock Well ของ คาราล แอน มาร์ลิงก์

 

 

You may also like...