สนานจิตต์ บางสพาน

นัดชนแก้วกับ สนานจิตต์ บางสพาน

 

ผมว่าผมเป็นคนเซ็นทิเมนทอลและโรแมนติกกว่าที่คนคาดเยอะนะ คนจะดูว่าผมหยาบคายพูดคำสบถคำแต่มันเป็นคาร์แร็กเตอร์ของผม คือเป็นคนปากกับใจตรงกัน ไม่ดัดจริต ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ อย่างเมียผม 2 คนเนี่ย (คนแรกเสียไปแล้ว) คนที่สองคบกัน 3 เดือน ผมถามเขาเลยว่า ผมชอบคุณมาเป็นผัวเป็นเมียกันมั๊ย ก็แค่นั้นเองไม่เห็นต้องอ้อมค้อมอะไรเลย

 

 

ประสบการณ์การกินเหล้าเริ่มมาสมัยเรียน มศ.5 ประมาณ 17 แถวๆนั้น สมัยนั้นจะมีร้านกาแฟก้นซอยแถวบ้านก็ตั้งก๊วนกินกัน จิ๊กโก๋รุ่นผมต้องเริ่มด้วยกรุงทองสั้น แม่โขงแบน โซดาสี่ ถั่วจานหนึ่ง แค่นี้ก็เมาแล้ว

 

การกินเหล้าเป็นเหมือนวิถีของผู้ชายที่มากับวัย เป็นการเรียนรู้ พูดจริงๆ ในสมัยนั้นกินเพราะรู้สึกว่าเราเป็นผู้ชายมันต้องกิน แต่เราก็ไม่ลึกซึ้งถึงขั้นรู้ประเภทของเหล้า หรือวิธีการกิน ทั้งๆที่เหล้าเป็นนวัตกรรมซึ่งคลาสสิกมากของมนุษยชาติ ต้องผ่านการสั่งสมกระบวนการผลิตเป็นศตวรรษ ไม่อย่างนั้นไม่มีไวน์ขวดละล้านหรือขวดละ 8 แสนมาแดกกันหรอก เหล้าแต่ละประเภทมีกรรมวิธีในการกินของมัน มีองค์ประกอบ มีอุณหภูมิ ไหนจะเรื่องกับแกล้ม มีสารพัด โอ๊ย! ยุ่งฉิบหาย พอเราโตขึ้นมีวุฒิภาวะ การกินก็ละเมียดละไมมากขึ้น ไม่ใช่สักแต่ว่ากินๆไปอย่างสมัยเราเด็กๆ รู้ว่ากินยังไงถึงได้รสชาติของเหล้า รู้ว่าในภาวะไหนควรจะกินเหล้าแบบไหน เหล้าบางชนิดเป็นเหล้าซึ่งไปเร่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เหล้าบางชนิดเป็นเหล้าซึ่งเหมาะสำหรับกินหลังอาหารมื้อหนัก ? การเลือกกินเหล้า คุณควรจะกินเหล้าที่มีคุณภาพในการกลั่นที่ดีพอเพราะไม่งั้นมันจะทำลายตับไตไส้พุงของคุณเอาง่ายๆ ประเภทที่กินแล้วตื่นเช้ามา ตาแดงก่ำ ขี้ตากรัง ปวดหัวเพราะอันนั้นคือการผสมซึ่งมันมีปฎิกิริยาทางเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องการกลั่นการผสมมันไม่เนี๊ยบ ไม่ได้มาตาฐานสากลโลก ส่วนไวน์นี่ผมก็กินเป็น ไวน์แพง ๆที่เขาบอกว่าว่ากินแล้วห้ามเยี่ยวนี่ก็กินมาแล้ว แต่ผมไม่ชอบกิน ถ้าให้เลือกผมก็ไม่เลือกกินไวน์

 

ช่วงที่เริ่มทำหนังสือจะกินเหล้ากับพวกขาใหญ่ในแวดวงนักเขียน อย่าง รงค์ วงษ์สวรรค์ อาจินต์ ปัญจพรรค์ เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ พี่เทียน เทียนชัย ทั้งแก๊งค์ มีไอ้หงา (หงา คาราวาน) พอทำหนังสือก็กินในหมู่คนทำหนังสือ แต่ถ้าพูดถึงแก๊งค์ก๊งเหล้าที่พะบู๊กันมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ก็จะมี อัศศิริ ธรรมโชติ สุจิตต์ วงษ์เทศ ก๊วนนี้เป็น 10 ปีนะ เริ่มกินกันที่สกายไฮเวียนอยู่หน้าสกายไฮ รอยัล วนไปแถวสวนไผ่แถว ๆนั้น ส่วนใหญ่ผมกินเหล้ากับคนในวงการวรรณกรรมเป็นหลัก สมัยก่อนพระยังไม่มาบิณฑบาตยังไม่กลับบ้าน กินจนผู้หญิงทิ้งก็กินมาแล้ว ผู้หญิงที่เข้ามากิ๊กทนไม่ไหวเพราะว่าพวกผมกั๊กกันทุกวัน และหลังจากที่ตระเวนกินเหล้าฟรีของชาวบ้านมามาก กลุ่มผมก็ตัดสินใจเปิดร้านเหล้าเป็นของเราเอง เอาไว้คุยเรื่องสัพเพเหระ ก็มีร้านโอลด์เล้งที่RCA และร้านเหล้านั้งตรงเกษตรนวมินทร์

 

การกินเหล้าของผมคือการทำงาน คุย ๆ ไปเดี๋ยวมันได้พล็อตเรื่องสั้น พลอตหนังบางเรื่องมันก็หลุดออกมาที่วงเหล้า แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่เป็นแอลกอฮอลิก คือไม่เคยกำกับหนังไป หรือว่าเขียนหนังสือไปแล้วกินเหล้าไปด้วย ทำงานคือทำงาน แต่ถ้ากูกินแล้ว คือกูไม่ทำเหี้ยอะไรแล้ว จะกินของกูอย่างเดียว ความสุขของการกินเหล้า ผมว่าอยู่ที่กลุ่ม ส่วนหัวข้อการสนทนามันก็จะเป็นไปตามวิถีของเค้านั่นแหละ ขึ้นอยู่กับงานที่เขาทำ แวดวงที่เขาอยู่ อย่างไรก็ดีต้องเข้าใจก่อนว่าไม่ได้มากินเหล้ากันเพื่อสุมหัวนินทาผู้หญิง เอาผู้หญิงมาเป็นเหยื่อในการสนทนาว่า ตูดใหญ่ นมโต มันไม่ใช่ มันมีสาระมากว่านั้นเยอะ แต่เรื่องเหี้ยๆก็มีคุยเหมือนกัน แบบด่าพ่อล่อแม่นักการเมือง ใครที่มีพฤติกรรมห่วยแตก ไฮโซที่มีปม เราก็ด่า ที่ผมจะบอกก็คือ การกินเหล้ามันอยู่เงื่อนไขที่เป็นปัจเจกกับก๊วนว่าเป็นแบบไหน อย่างตอนนี้พวกเราอายุเริ่ม 50 แล้วก็เหมือนเด็กกลับไปหาอดีตที่ทำไม่ได้อีกแล้ว วัยนี้มันหมดสภาพแล้วลูกเต้าก็เริ่มโต เราต่างมีครอบครัวแล้ว จะให้ไปแร่ดๆ เหมือนเมื่อก่อนได้ไง

 

เดี๋ยวนี้พอเป็นผู้กำกับมันก็ต้องมีการกินเหล้ากับทีมงาน ช่วงทำหนังนี่ลูกน้องเดินตามเหมือนขาใหญ่ ไปไหนไปกัน ซึ่งตรงนี้ผู้กำกับโคตรเปลืองเลย เพราะค่าใช้จ่ายตรงนี้มันเข้าเนื้อเรา ทำหนังเรื่องหนึ่งผมหมดเงินไปกับลูกน้องเฉพาะเรื่องเหล้าอย่างเดียวเรื่องละเป็นแสน

 

ส่วนสาวๆที่เข้ามารู้จักเวลาทำหนัง ก็มี แต่เรื่องแบบนี้ผมระมัดระวังตัว คือ ถ้าจะทำก็ทำไปด้วยความระมัดระวัง ไม่งั้นก็ระมัดระวังที่จะไม่ทำ แต่โดยวิถีของผม จะไม่กินไก่วัด ผมมันพวกฮั่นหาแดกเอานอกกำแพง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กินตลอดไปนะ เพราะเกิดไปเจอไก่บ้านเนื้อแน่น ไม่เป็นไข้หวัดนกอาจจะกินก็ได้ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ตัวเรา แม้แต่ลูกผมเอง ผมก็จะสอนเขา เมื่อลูกผมอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ผมจะสอนเรื่อง Sex Education และสอนเรื่องการกินเหล้าด้วยว่าคืออะไร ถ้าถึงตอนที่ลูกผมมีประจำเดือน หรือลูกชายผมพร้อมที่จะเป็นพ่อคนแล้ว ผมจะสอนให้มันเอาตัวรอดให้ได้ในสังคมแบบนี้ คือว่าบ้านเราเป็นสังคมที่อยู่แบบศรีธนญชัย ชอบหลอกตัวเองและ ชอบแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่สอนเนี่ยไม่ใช่ว่าผมจะสอนลูกผมให้ดอกทองนะ เพราะโลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คุณไม่สามารถตามลูกได้ 24 ชั่วโมงหรอก เขามีโลกส่วนตัว มีเพื่อนที่คุณเข้าไม่ถึง แล้วทำไมคุณต้องปล่อยให้เขาเผชิญโลกโดยลำพังด้วย ผมผิดตรงไหนที่จะสอนลูกสาวว่ายาคุมกินอย่างไร การป้องกันโดยวิธีทางธรรมชาติเป็นอย่างไร ไม่ว่าลูกเราจะไปนอนกับใครทั้งที่ตั้งใจและ ไม่ตั้งใจ เราต้องสอนให้เขารู้จักป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้ท้องระหว่างเรียนแล้วมีปัญหาตามมา ผมอาจจะบ้าในสายตาคนอื่นอย่างพ่อแม่ที่เป็นพวกคอนเซอร์เวทีฟ แต่ผมจะไม่ปล่อยให้ลูกของผมเป็นเหมือนกับปัญหาที่ผมเห็นๆมา ลูกผมนะจะเอาใครก็เอาเลย อยากเป็นเกย์ เป็นเลยนะ เป็นให้ทะลุแม่งเลย กูสนับสนุนให้มึงเป็น แต่ต้องไม่ซ่อนตัวเอง อยากแปลงเพศมึงแปลงเลย เก็บตังค์เองนะ กูไม่มีเงินให้ แต่ไม่ต้องมาอาย เราต้องไม่พยายามสกัดดาวรุ่งมัน ให้มันเป็นให้ทะลุ

 

กลับมาที่เรื่องเหล้า ผมจะบอกให้ว่ามันเป็นทั้งยาพิษและเป็นทั้งโอสถบำรุงจิตมันขึ้นอยู่ว่าภาวะอารมณ์คุณอยู่อารมณ์ไหน กินให้รื่นรมย์ก็ได้ไม่จำเป็นว่าต้องแดกให้เมา เอาง่ายๆเวลาคุณไปไหนกับผู้หญิงคุณหรือกับกิ๊กคุณเนี่ย ไวน์ซักขวดเพลงดีๆ อาหารอร่อยๆ Relax นิดๆ แล้วก็ไป Make Love แม่งดีจะตายห่า

 

ผมไม่เคยเสียใจเลยที่กินเหล้า แต่ก็ไม่ได้ดีใจเช่นกัน ที่กินเพราะอยากกิน สาระสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่เหล้า มันอยู่ที่เพื่อนที่นั่งกินด้วย ผมไม่กินเหล้ากับคนแปลกหน้า มันเป็นวิธีกินเหล้าของผม เหล้าไม่ใช่สาระ คนกินด้วยต่างหากคือสาระ เหล้าเป็นเพียงองค์ประกอบเหมือนกับที่เซ็กซ์ไม่ใช่สาระแต่คนที่มีเซ็กซ์ ด้วยนั่นแหละคือสาระ

 

ถ้าถามผมว่าเหล้าทำร้ายคนได้ไหม มันทำร้ายแน่นอน ผมว่าอยู่ที่คน ว่าคุณสามารถคอนโทรลเรื่องการกินเหล้าได้หรือเปล่า ทุกอย่างมันมีสองด้านหมด ผู้หญิงก็สามารถทำร้ายผู้ชายได้ ผู้ชายก็ทำร้ายผู้หญิงได้ เกียรติยศ อำนาจ มันทำร้ายได้หมดแหละ แต่อย่าให้ถึงขั้นที่มาประณามว่า พวกที่กินเหล้า สูบบุหรี่เป็นอาชญากร มันไม่ใช่ มันคนละเรื่อง คุณอยากรณรงค์อะไรก็ทำไปสิ ผมเห็นด้วย แต่ที่ผมกินเหล้านี่เป็นเรื่องของผม ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมไม่ใช่คนที่ใช้เหล้าเป็นทางออกของปัญหา ผมกินเพราะกูอยากกิน ผมไม่ได้ไปกินเพราะว่าเครียดหรือว่ามีปัญหา คือทุกข์ก็แดกได้ สุขก็แดกได้ แต่เดี๋ยวนี้ก็ลดๆลงไปเยอะแล้วหากเทียบกับเมื่อก่อน ลดลงเยอะมากๆ

 

จริงๆตอนนี้ กินเมื่ออยากกิน แล้วก็มีตังค์หรือเปล่า คนบางคนคิดว่า สนานจิตต์ บางสพานเป็นคนมีตังค์ ที่จริงวันที่ไม่มีตังค์มันก็มี นี่แหละถึงต้องมาลงทุนกับเพื่อนเปิดร้านเหล้า เพราะว่ามันยังเซ็นได้ไง เพราะบางทีเวลาที่เราเจอพวกรุ่นน้องนักเขียน หรือว่าคนทำหนัง เราจะไปให้มันเลี้ยงเราได้อย่างไร แล้วถ้าเราไม่สนิทกันถึงขนาดที่ว่า ไอ้เหี้ยวันนี้ไม่มีตังค์อะ เราก็ต้องเลี้ยงมัน เราก็แบบว่าจมไม่ลงเหมือนกัน เกิดว่าเรามีอยู่ร้อยหนึ่งในกระเป๋า เราก็ต้องพามันมาที่ร้านเราเพราะว่ามันเซ็นได้ไง…ไม่เสียฟอร์ม ฮ่า ฮ่า

 

 

_________________________________

ที่มา : นิตยสาร HI-CLASS-238

ข้อเขียนนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของนิตยสาร  HI-CLASS  ห้ามนำไปลอกเลียน ทำซ้ำ หรือ ดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย

You may also like...